จับตา 13 ประเด็นร้อนในเวทีโลกปี 2020 กับ ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

Loading

ปี 2019 เป็นปีที่มีเหตุการณ์สำคัญมากมายในเวทีโลกให้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ปะทุขึ้นเป็นระยะๆ กระแสเรียกร้องให้พลเมืองโลกตระหนักถึงวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างจริงจัง ความล้มเหลวของประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือที่ยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม รวมถึงความยืดเยื้อของ Brexit และการยื่นถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง THE STANDARD มีโอกาสพูดคุยกับ ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงความเปลี่ยนแปลงและความต่อเนื่องของประเด็นสำคัญในเวทีโลก โดยเฉพาะในมิติของการเมืองและความมั่นคง นี่คือ 13 ประเด็นสำคัญในเวทีโลกที่น่าจับตามองในปี 2020 Photo: Posteriori / Shutterstock 1. ยุคใหม่ของการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ของรัฐมหาอำนาจที่อาจนำไปสู่สงครามเย็นในศตวรรษที่ 21 ปี 2019 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์สำคัญอย่างการครบรอบ 30 ปีของการสิ้นสุดสงครามเย็น สิ่งนี้บอกเราว่าการเมืองโลกมีการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดคือการสิ้นสุดของสงครามเย็นหรือสงครามคอมมิวนิสต์ หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นโลกที่มีระเบียบอีกชุดหนึ่งที่ทำเนียบขาวเรียกว่า ‘ระเบียบโลกใหม่’ (New World Order) แต่หลังจากปี 1989 ที่สงครามเย็นสิ้นสุดลง สิ่งที่เห็นคือความปั่นป่วนในเวทีโลกที่มีสหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจเดียว สหภาพโซเวียตล่มสลาย จีนเองก็ยังไม่ได้เข้มแข็งมากนัก จนนักวิชาการจำนวนไม่น้อยต่างมองว่าโลกหลังสงครามเย็นยังเป็น ‘โลกไร้ระเบียบ’ (New World Disorder)…

รุนแรงรับปีใหม่! ผู้ประท้วงชาวอิรักบุกโจมตีสถานทูตอเมริกันในกรุงแบกแดด

Loading

ผู้ประท้วงชาวอิรักนิกายชีอะห์หลายร้อยคนบุกโจมตีอาคารสถานทูตสหรัฐฯ ที่อยู่ในเขตปลอดภัยของกรุงแบกแดด เพื่อแสดงความไม่พอใจที่สหรัฐฯ โจมตีทางอากาศใส่ฐานบัญชาการและแหล่งเก็บอาวุธของกลุ่มติดอาวุธ คาตาเอ็บ เฮซโบลาห์ บริเวณพรมแดนอิรักติดกับภาคตะวันออกของซีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประชาชนชาวอิรักหลายร้อยคนพากันโจมตีใส่อาคารสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด โดยใช้อุปกรณ์หลายอย่าง เช่น ชะแลง ท่อนไม้ และป้ายจราจร ทุบประตูเหล็กด้านหน้าทางเข้าสถานทูต รวมทั้งจุดไฟเผาป้อมรักษาความปลอดภัยหน้าสถานทูตด้วย ผู้ประท้วงชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ต่างตะโกนคำว่า “อัลลาฮู อัคบาร์” และ “สหรัฐฯ คือปีศาจร้าย” ขณะที่โบกธงสัญลักษณ์ของกลุ่มติดอาวุธเฮซโบลาห์ และขว้างปาก้อนหินใส่อาคารสถานทูตอเมริกัน หนึ่งในผู้นำของกลุ่มผู้ประท้วงของนิกายชีอะห์ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลอิหร่าน คาอีส อัล-โคซาลี กล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบต่อสงครามและความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในอิรัก คาอีส อัล-โคซาลี แห่งกลุ่ม Asaib Ahl al-Haq ระบุว่า สถานทูตแห่งนี้คือสถานที่ที่ใช้ในการวางแผน การจารกรรม การขโมยข้อมูลข่าวกรอง และกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีเป้าหมายบ่อนทำลายอิรัก ถือเป็นศูนย์กลางของการกระทำที่ไม่เป็นมิตร สื่อมวลชนในอิรักรายงานว่า กองกำลังของรัฐบาลอิรักมิได้พยายามยับยั้งการโจมตีของผู้ประท้วงดังกล่าวที่พยายามบุกเข้าไปในเขตปลอดภัยกรีนโซน หรือแม้กระทั่งหยุดยั้งการโจมตีอาคารสถานทูตอเมริกัน แต่มีรายงานในวันอังคารว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยอิรักได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงบางส่วนเพื่อสลายการชุมนุม รัฐมนตรีต่างประเทศอิรัก โมฮัมเหม็ด อาลี อัล-ฮาคิม…

กองทัพฝรั่งเศสใช้ “โดรน” จู่โจมเป็นครั้งแรกในปฎิบัติการที่มาลี สังหารผู้ก่อการร้ายเสียชีวิต 40 ราย

Loading

เอเอฟพี – กองทัพฝรั่งเศสแถลงยืนยันว่าเป็นครั้งแรกในปฎิบัติการที่ใช้ “โดรน” ระหว่างปฎิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในมาลี มีผู้ก่อการร้ายเสียชีวิตไป 40 ราย เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้(23 ธ.ค)ว่า ในวันเสาร์(21)ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง แถลงว่ากองกำลังฝรั่งเศสสามารถจัดการนักรบญิฮัดได้ 33 คนที่ม็อปติ (Mopti) ภาคกลางของมาเลียในปฎิบัติการที่เกิดขึ้นคืนก่อนหน้า และในวันจันทร์(23)กองบัญชาการกองทัพฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ยืนยันว่าได้มีการใช้โดรนสังหารในปฎิบัติการที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในวันเสาร์(21) และสามารถสังหารนักรบญิฮัดได้เพิ่มอีก 7 คน ในขณะที่กองกำลังคอมมานโดฝรั่งเศสตรวจค้นพื้นที่โจมตีในป่าวากาดู(Ouagadou) ห่างเมืองม็อปติออกไปราว 90 ไมล์ “พวกเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มก่อการร้ายที่อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์” อ้างอิงจากแถลงการณ์ พบว่า โดรนรีปเปอร์สังหารและเครื่องบินลาดตระเวณมิราจ 2000 ของฝรั่งเศสได้ถูกส่งเข้ามาเพื่อปกป้องกองกำลังภาคพื้น “นี่เป็นครั้งแรกในการใช้โดรนติดอาวุธในปฎิบัติการ” แถลงการณ์จากกองทัพฝรั่งเศสยืนยัน การโจมตีเกิดขึ้น 2 วันหลังกองกำลังฝรั่งเศสประกาศสิ้นสุดการทดลองการใช้โดรนที่ถูกบังคับในระยะไกลสำหรับปฎิบัติการติดอาวุธ กองกำลังมีโดรน 3 ลำที่มีฐานใกล้กับกรุงนีอาเม (Niamey) ของไนเจอร์ สำหรับปฎิบัติการของฝรั่งเศสในช่วงสูดสัปดาห์เกิดขึ้นในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของกลู่มมุสลิมติดอาวุธ คาติบา มาซินา( Katiba Macina)ที่ถูกก่อตั้งโดยนักการศาสนาอิสลามหัวรุนแรงในม็อปติ อามาดู โคอูฟา(Amadou Koufa) ตำรวจมาลี 2 นายได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระจากการถูกจับเป็นตัวประกัน และกองกำลังฝรั่งเศสามารถยึดยานพาหนะ มอเตอร์ไซค์และอาวุธ “ทำให้กองกำลังกลุ่มญิฮัดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง” แถลงการณ์จากกองบัญชาการกองทัพฝรั่งเศสแถลงเมื่อวานนี้(23) ทั้งนี้ก่อนหน้าฝรั่งเศสเคยออกมาแถลงว่าประสบความสำเร็จในการสังหารนักรบญิฮัดได้…

ร่างกายฉัน แต่ DNA นั้นของใคร? การสืบสวนจะเป็นอย่างไรเมื่อ DNA ของคนอื่นอยู่ในตัวเรา

Loading

Chris Long credit : The New York Times (Tiffany Brown Anderson) ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งเราไปตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยโรค แต่กลับพบว่า ดีเอ็นเอในเลือดนั้นไม่ใช่ของเราเพียงคนเดียว แต่มีของเพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน หรือคนแปลกหน้าที่อยู่ถัดไปอีกหมู่บ้านหนึ่งซึ่งไม่เคยพบกันมาก่อนปะปนอยู่ด้วย! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้จริงๆ น่ะเหรอ? หรืออาจจะไม่ต้องจินตนาการแล้วก็ได้ เพราะเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นจริงกับผู้ป่วยโรคลูคีเมียคนหนึ่ง ที่เคยเข้ารับการบริจาคไขกระดูก ซึ่งเป็นเหตุให้ร่างกายของเขาได้รับดีเอ็นเอของใครบางคนมาโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงใน New York Times โดย คริส ลอง (Chris Long) ชายคนหนึ่งในเมืองรีโน รัฐเวเนดา ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ดีเอ็นเอในเลือดของเขาเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ก็คือการ ‘ถูกแทนที่’ ด้วยดีเอ็นเอของคนคนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาไม่เคยรู้จักหรือพบหน้ากันมาก่อน หลังจากที่ คริส ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกเมื่อ 4 ปีก่อนเพื่อช่วยผลิตเม็ดเลือดให้กับร่างกาย เขาก็ได้รับการตรวจเลือดอีกครั้งหนึ่ง และสิ่งที่น่าตกใจก็คือ แม้ขนอกและผมยังมีดีเอ็นเอของเขาอยู่ แต่ในเลือดบริเวณเยื่อบุแก้ม ลิ้น และริมฝีปากของเขา กลับพบดีเอ็นเอของคนอื่น แม้กระทั่งในน้ำอสุจิด้วยก็ตาม ซึ่งภายหลังก็ทราบว่าดีเอ็นเอนั้นเป็นของชายชาวเยอรมันที่เป็น ‘ผู้ให้บริจาค’ ไขกระดูกแก่เขา…

ส.ส.แฉ ‘ประธานาธิบดีไต้หวัน’สั่งติดตั้งจรวดที่ออฟฟิศ ด้วยความหวาดกลัวจีน

Loading

(ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 2 มกราคม 2019) ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ขณะแถลงข่าวที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป Taiwan leader has missiles at office: lawmakerBy KG Chan สมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวันผู้หนึ่งกล่าวทางรายการทีวีของสถานีโทรทัศน์ทางการจีนว่า ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน มีอาวุธอย่างเครื่องยิงจรวดต่อต้านรถถัง อยู่ใกล้ๆ สำนักงานของเธอในกรุงไทเป เผื่อเอาไว้รับมือกรณีที่จีนยกกำลังเข้ารุกราน ผู้นำไต้หวันออกคำสั่งให้ติดตั้งพวกอาวุธจรวดขีปนาวุธเอาไว้ใกล้ๆ สำนักงานของเธอ เผื่อรับมือในกรณีที่ปักกิ่งเปิดการโจมตี สมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวันผู้หนึ่งบอกกล่าวเล่าเรื่องนี้ทางสถานีโทรทัศน์ของทางการจีน ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน รู้สึกเสียขวัญมากจากการที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีนประกาศจะทำการ “โจมตีแบบมุ่งเด็ดหัว” (decapitation strikes) จนกระทั่งเธอออกคำสั่งให้นำเอาพวกอาวุธจรวดขีปนาวุธมาเข้าประจำการใกล้ๆ ตัวเธอ โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการซึ่งร่างกันขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อเสริมสร้างทำให้สำนักงานและบ้านพักของเธอในกรุงไทเปอยู่ในสภาพ “ป้อมค่าย” สมาชิกสภาไต้หวันผู้นี้บอกกับสถานีโทรทัศน์ชั้นนำของจีนแผ่นดินใหญ่ สมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวันที่ออกมากล่าวอ้างเรื่องนี้ชื่อ ชิว อี้ (Chiu Yi) เขาปรากฏตัวเป็นประจำในรายการกระแสข่าวเกี่ยวกับไต้หวัน ทางสถานีโทรทัศน์ส่วนกลาง (ซีซีทีวี) ของทางการจีน (ภาพถ่ายจากจอทีวี) ชิว อี้ สมาชิกสภาไต้หวัน…

ศาลออสซี่สั่งจำคุก 76 ปีสองพี่น้องซุกระเบิดใน ‘เครื่องบดเนื้อ’ หวังโจมตีเครื่องบินเอทิฮัด

Loading

เอเอฟพี – คนร้ายสองพี่น้องซึ่งนำระเบิดซุกซ่อนใน ‘เครื่องบดเนื้อ’ หวังก่อวินาศกรรมเครื่องบินโดยสารจากซิดนีย์ไปยังอาบูดาบีถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาจำคุกเป็นเวลารวม 76 ปี วันนี้ (17 ธ.ค.) คอลิด และ มะห์มูด คายัต ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียเชื้อสายเลบานอน ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดฐานก่อการร้าย หลังพยายามนำระเบิดแสวงเครื่องขึ้นไปบนเครื่องบินโดยสารของสายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์สเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2017 ตามใบสั่งของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) คอลิด ถูกตัดสินจำคุก 40 ปี โดยไม่มีสิทธิ์ยื่นขอทำทัณฑ์บนอย่างน้อย 30 ปี ขณะที่ มะห์มูด โดนโทษจำคุก 36 ปี ห้ามทำทัณฑ์บน 27 ปี ระเบิดเครื่องบดเนื้อถูกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าเดินทางของชายคนที่ 3 ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องมาก่อน โดยทั้งหมดเป็นแผนบงการจากต่างแดนโดยชายคนที่ 4 ซึ่งมีรายงานว่าเคยร่วมต่อสู้กับนักรบไอเอสในซีเรีย อย่างไรก็ดี แผนวินาศกรรมมาถูกยกเลิกเอาในนาทีสุดท้าย หลังพนักงานสายการบินแจ้งว่ากระเป๋าเดินทางของพวกเขาน้ำหนักเกิน และกลุ่มผู้วางแผนเห็นว่าเสี่ยงเกินไปที่จะนำระเบิดผ่านด่านศุลกากร ผู้พิพากษา คริสทีน แอดัมสัน ชี้ว่า แม้จะไม่มีใครได้รับอันตรายจากแผนวินาศกรรมครั้งนี้ แต่จำเลยก็ประสบความสำเร็จในการ “สร้างความหวาดกลัว” เนื่องจากเรื่องนี้ถูกแจ้งให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ…