คิดค้นแผ่นฟิล์มอำพรางอุณหภูมิ ซ่อนวัตถุจากกล้องอินฟราเรด

Loading

ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติได้พัฒนาแผ่นฟิล์มบางน้ำหนักเบาและยืดหยุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยอำพรางอุณหภูมิที่แท้จริงของวัตถุให้กลมกลืนไปกับอุณหภูมิพื้นหลังของสภาพแวดล้อมได้ โดยแผ่นฟิล์มนี้จะทำให้กล้องอินฟราเรดตรวจหาวัตถุที่ต้องการค้นหาไม่พบ มีการตีพิมพ์เผยแพร่รายละเอียดของผลงานดังกล่าวในวารสาร Nano Letters โดย ศ.คอสคูน โคซาบาส์ จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ของสหราชอาณาจักร หนึ่งในทีมผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวระบุว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมึกกระดองที่เปลี่ยนสีและลวดลายให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมเพื่อหลบภัยและซุ่มโจมตีเหยื่อ แผ่นฟิล์มดังกล่าวประกอบด้วยวัสดุหลายชนิดเช่น ไนลอน ทอง และพอลิเอทิลีน เรียงซ้อนกัน โดยมีการนำวัสดุเหล่านี้ไปแช่ในของเหลวมีประจุไฟฟ้า ก่อนนำมาประกอบเข้ากับแผ่น “กราฟีน” (Graphene) ซึ่งถือเป็นวัสดุมหัศจรรย์แห่งยุคอีกชั้นหนึ่ง ตามปกติแล้วกราฟีนจะแผ่ความร้อนในรูปของรังสีอินฟราเรดได้ดี ทำให้วัตถุที่แผ่นกราฟีนปกคลุมอยู่ถูกตรวจจับด้วยกล้องอินฟราเรดได้ง่าย แต่ในกรณีนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์พบว่า เมื่อทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าขึ้นทั่วแผ่นฟิล์มที่ประดิษฐ์ไว้ โมเลกุลมีประจุไฟฟ้าในชั้นพอลิเอทิลีนจะรวมตัวเข้ากับชั้นกราฟีน จนการแผ่รังสีอินฟราเรดลดลงอย่างมาก “ความสามารถในการเป็นตัวนำไฟฟ้าและสมบัติเชิงแสงของกราฟีนถูกทำให้เปลี่ยนไปด้วยกระบวนการนี้ พูดง่าย ๆ คือเราทำให้กราฟีนมีความเป็นโลหะมากขึ้น จนเกิดการสะท้อนรังสีความร้อน ซึ่งจะปิดบังไม่ให้กล้องอินฟราเรดตรวจจับความร้อนจากวัตถุที่ค้นหาได้” ศ. โคซาบาส์ กล่าว เมื่อเพิ่มแรงดันไฟฟ้าในแผ่นฟิล์มอำพรางอุณหภูมิ วัตถุที่ร้อนกว่าสิ่งรอบข้างจะดูเหมือนเย็นตัวลง และวัตถุที่เย็นกว่าสภาพแวดล้อมก็ดูเหมือนจะร้อนขึ้น ทั้งที่แผ่นฟิล์มยังมีอุณหภูมิคงที่ โดยจะทำงานปรับเปลี่ยนสภาพอุณหภูมิที่มองผ่านกล้องอินฟราเรดให้อยู่ในช่วงระหว่าง 25-38 องศาเซลเซียสได้ ภายใน 5 วินาที สำหรับการนำแผ่นฟิล์มนี้ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ นอกจากใช้อำพรางการตรวจจับวัตถุโดยกล้องอินฟราเรดแล้ว ยังอาจนำไปใช้งานในอวกาศ โดยเป็นฝาครอบตัวปล่อยความร้อนจากดาวเทียม ซึ่งจะช่วยสะท้อนแสงและความร้อนได้ดีขณะหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ ทั้งยังช่วยให้ดาวเทียมปลดปล่อยความร้อนส่วนเกินได้มากขึ้นเมื่อหันหน้าเข้าหาด้านมืดของอวกาศด้วย ——————————————————————-…

อดีต จนท.เพนตากอน เตือน ‘กูเกิ้ล’ กำลังก้าวเข้าสู่ ‘ภาวะอันตรายด้านศีลธรรม’

Loading

FILE – The logo of Google is pictured during the Viva Tech startup and technology summit in Paris, France, May 25, 2018. อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม หรือ เพนตากอน ตั้งคำถามด้านศีลธรรมกับบริษัทกูเกิ้ล (Google) ในการไม่ต่อสัญญากับโครงการพัฒนาโดรนตรวจจับกับเพนตากอน นายบ็อบ เวิร์ค อดีตรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่า พนักงานกูเกิลกำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะอันตรายด้านศีลธรรมเสียเอง หลังจากกูเกิลประกาศเมื่อต้นเดือนมิถุนายนว่า จะไม่ต่อสัญญากับเพนตากอน ในโครงการ Project Maven ที่ใช้ศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการตรวจจับและระบุเอกลักษณ์จากภาพที่บันทึกได้จากโดรน พร้อมกันนี้ นายเวิร์ค มองว่า ท่าทีของกูเกิ้ลแฝงเจตนาอื่น เนื่องจากตอนนี้กูเกิ้ลมีโครงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ในประเทศอื่น รวมทั้งจีน ทั้งนี้ การถอนตัวจากโครงการ Project Maven ที่กูเกิ้ลทำสัญญาพัฒนาโครงการกับเพนากอนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014-2017…

กองทัพสหรัฐฯ ทดลองใช้ ‘เฮลิคอปเตอร์อัตโนมัติ’ ควบคุมด้วยแอพพ์

Loading

นักบินบนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ควบคุมด้วยแอพพ์ (App) เป็นผู้โดยสารที่นั่งไปกับเครื่องเท่านั้น เเละเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ทำงานทุกอย่างเองโดยอัตโนมัติเพื่อเดินทางไปให้ถึงจุดหมาย ดิออนเต้ โจนส์ (Dionte Jones) จ่าอากาศเอกเเห่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ กล่าวว่า เครื่องเฮลิคอปเตอร์ลำนี้เหมือนมีสมองของมันเองแและคิดเอง เเต่ตนเองจะเป็นคนสั่งการให้เครื่องลงจอด เเละตนเองยังสามารถสั่งการให้เครื่องเข้าไปจอดในที่เก็บเองเมื่อไม่ต้องการใช้งานเเล้ว เครื่องเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ทำงานผ่านแอพพ์ โดยผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าออกคำสั่งว่าจะไปที่ไหน เดนนิส เบคเกอร์ (Dennis Baker) เจ้าหน้าที่วิจัยของกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวว่า การวางแผนการเดินทางมีขึ้นขณะอยู่บนเครื่องบิน เครื่องบินจะบินไปตามเส้นทางที่นักบินสั่งการ โดยไม่จำเป็นต้องให้รายละเอียดของแผนการเดินทางแก่เครื่องบิน เครื่องบินสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางในเส้นทางได้เอง ไม่ว่าจะเป็นสายไฟ ต้นไม้หรือสิ่งกีดขวางทุกประเภทที่ประสบในระหว่างการเดินทาง เเละลงจอดในจุดที่นักบินสั่งการให้จอด สำหรับกองทัพสหรัฐฯ การศึกษาการใช้งานเครื่องบินบังคับอัตโนมัติจะช่วยรักษาชีวิตของทหารเเละมีการใช้งานที่สะดวกเเละเหมาะสม แดน ชูมิท (Dan Schumitt) นาวาอากาศโทแห่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ กล่าวว่า มีคำถามเสมอว่าทำไมจึงส่งทหารนาวิกโยธินไปรบเป็นด่านเเรก หากกองทัพสามารถส่งหุ่นยนต์ไปทำหน้าที่แทน เเละเช่นเดียวกันกับเครื่องบินควบคุมอัตโนมัติที่กองทัพสามารถนำไปใช้งานบางอย่างที่คนทำไม่ได้เนื่องจากเครื่องบินควบคุมอัตโนมัติไม่เหนื่อยล้าเเละไม่ต้องพักผ่อนเหมือนมนุษย์ สามารถบินเข้าไปในพื้นที่อันตรายได้ เขากล่าวว่า เครื่องบินระบบควบคุมอัตโนมัติช่วยให้กองทัพมีทางเลือกมากขึ้นในการทำงาน ในขณะที่นาวิกโยธินเเห่งสหรัฐฯ กำลังทำการทดลองเบื้องต้นการใช้งานเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์บังคับอัตโนมัติ มีอาชีพอื่นๆ อีกหลายอย่างที่น่าจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ รวมทั้งพนักงานดับไฟป่า อย่างเช่น เหตุไฟป่าในรัฐเเคลิฟอร์เนียเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ที่รุนเเรงเเละยืดเยื้อยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทางนาวิกโยธินสหรัฐฯเ คยทดลองใช้งานเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ควบคุมอัตโนมัติมาก่อนหน้านี้ โดยเคยส่งเครื่องบินขนส่งสัมภาระ K-Max ขับเคลื่อนอัตโนมัติสองลำ…

อีกแล้ว! จีนแฮก บ.คู่สัญญากองทัพเรือสหรัฐฯ ล้วงตับโครงการ “ขีปนาวุธต่อต้านเรือ” รุ่นใหม่

Loading

เอเอฟพี – บริษัทคู่สัญญากลาโหมของกองทัพเรือสหรัฐฯ ถูกแฮกเกอร์จีนล้วงข้อมูลละเอียดอ่อนเกี่ยวกับกลยุทธ์สงครามใต้ทะเล รวมไปถึงโครงการพัฒนาขีปนาวุธต่อต้านเรือรุ่นใหม่ที่สามารถยิงจากเรือดำน้ำ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้ (8 มิ.ย.)  สื่อดังของสหรัฐฯ อ้างข้อมูลจากพนักงานสอบสวนซึ่งระบุว่า การโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ปีนี้ โดยเป็นฝีมือแฮกเกอร์ในสังกัดหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐจีน (Ministry of State Security) ซึ่งปฏิบัติการจากมณฑลกว่างตง บริษัทคู่สัญญารายนี้ทำงานให้กับศูนย์สงครามใต้ทะเลทางนาวี (Naval Undersea Warfare Center) ในเมืองนิวพอร์ต รัฐโรดไอแลนด์ โดยมีหน้าที่ศึกษาวิจัยและพัฒนาเรือดำน้ำ รวมไปถึงระบบอาวุธใต้ทะเล แฮกเกอร์จีนประสบความสำเร็จในการล้วงไฟล์ขนาด 614 กิกะไบต์ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลเกี่ยวกับระบบเซ็นเซอร์, ระบบเข้ารหัสเรือดำน้ำ และโครงการ “ซี ดรากอน” ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังไม่เผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวซึ่งริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2012 โดยระบุแต่เพียงว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีทางทหารที่มีอยู่เดิมมาปรับใช้ในรูปแบบใหม่ๆ  วอชิงตันโพสต์ได้รับการร้องขอจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่ให้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับระบบขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่โดนจีนแฮก แต่บอกอย่างกว้างๆ ว่าเป็นขีปนาวุธต่อต้านเรือความเร็วเหนือเสียงที่สามารถยิงจากเรือดำน้ำได้ บิลล์ สปีกส์ โฆษกกองทัพเรือสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานของวอชิงตันโพสต์ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง จีนใช้แฮกเกอร์ล้วงข้อมูลทางทหารของสหรัฐฯ มานานหลายปีแล้ว และเพนตากอนก็เคยออกมายอมรับว่า ปักกิ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญในโครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F-35 รุ่นใหม่, ระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออต PAC-3 รวมไปถึงโครงการลับสุดยอดอื่นๆ …

4.0 ของจริง! คนสวีเดนเริ่มฝังไมโครชิปบนผิวหนังแทนพกบัตรประชาชน

Loading

สำนักข่าว AFP รายงานว่าปัจจุบันประชาชนชาวสวีดิชเริ่มทำการฝังไมโครชิปลงบนผิวหนังของตนเอง ซึ่งสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น อาทิ ไม่ต้องพกบัตรประชาชน, ใช้สแกนแทนคีย์การ์ดในการเข้าทำงานในออฟฟิศ, ซื้ออาหารจากตู้อัตโนมัติ, เข้ายิม, หรือแม้แต่ใช้แทนตั๋วรถไฟ โดยรายงานระบุว่าในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีชาวสวีดิชกว่า 3,000 รายที่ติดไมโครชิปแล้ว สำหรับการฝังชิปนั้นถูกระบุว่ามีอาการเจ็บเพียงเล็กน้อยระดับมดกัดไม่ต่างจากการเจาะหู ซึ่งการฝังชิปแม้จะฝังไว้ที่ผิวหนังแต่ก็อยู่ในระดับชั้นที่ไม่ลึก ทำให้การอ่านค่าชิปรวมทั้งบันทึกข้อมูลจัดเก็บสามารถทำได้ง่ายและแม่นยำ ซึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้คนสวีเดนหันมาใช้ไมโครชิปมากกว่าชาติอื่น ๆ ก็เนื่องจากระบบการจัดการด้านความปลอดภัยของข้อมูลในประเทศนั้นมีประสิทธิภาพระดับสูงสุดที่ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวจะเป็นความลับไม่รั่วไหลแน่นอน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีประชากรในสวีเดนเพียง 2% ที่ยังพกเงินสดติดตัว ขณะที่อีก 98% นั้นจ่ายผ่านบัตรเครดิตและสมาร์ทโฟนหมดแล้ว ซึ่งเทรนด์ของการใช้ร่างกายมนุษย์มาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเทคโนโลยี (Biohackng) โดยน่าสนใจไม่น้อยกว่าในอนาคตอุปกรณ์ไอทีพื้นฐานมากมายที่อาจถูกออกแบบมาเมื่อฝังลงในร่างกายของมนุษย์ By  Nattaphan Songviroon ——————————————————————- ที่มา : เว็บแบไต๋ / 5 มิถุนายน 2561 Link : https://www.beartai.com/news/itnews/247810?utm_source=LINEToday&utm_medium=Referral&utm_campaign=DirectLink

เจ๋ง! นักศึกษาในฟลอริดา พัฒนาอุปกรณ์ป้องกันการโจรกรรมข้อมูลที่ตู้ ATM

Loading

นอกจากจะมีเหล่าแฮคเกอร์ หรือนักเจาะข้อมูล ที่ขโมยหมายเลขบัตรเครดิตทางอินเตอร์เนตแล้ว ยังมีมิจฉาชีพกลุ่มอื่นๆ ที่ขโมยข้อมูลจากตัวบัตรโดยตรงหรือที่ตู้ ATM ล่าสุด นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา คิดค้นอุปกรณ์ที่ยับยั้งการโจรกรรมเหล่านี้ได้ ด้วยต้นทุนไม่แพงแล้ว แม้ว่าบัตรเครดิตและบัตรเดบิตรุ่นใหม่ๆ จะมีแถบชิพอิเล็กทรอนิค ที่ยากต่อการคัดลอกหมายเลขบัตร แต่ก็ยังมีบัตรเครดิตจำนวนมากที่ยังใช้แถบแม่เหล็กและต้องใช้เครื่องอ่านบัตรแบบเก่ากันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามร้านค้าเล็กๆ หรือปั๊มน้ำมัน ซึ่งมักจะตกเป็นเป้าหมายของเหล่ามิจฉาชีพ อาจารย์ Patrick Traynor จากมหาวิทยาลัยฟลอริดา อธิบายว่า บัตรเครดิตจะถูกเข้าถึงข้อมูลภายในบัตรได้ ด้วยเครื่องอ่านบัตรเครดิต หรือ Card Reader ซึ่งจะมีเครื่องอ่านบัตรเพียงเครื่องเดียวที่ปรากฏอยู่ในช่องเสียบบัตรของตู้ ATM หรือร้านค้า แต่วิธีของเหล่ามิจฉาชีพจะติดหัวอ่านปลอมเข้ากับหัวอ่านแถบแม่เหล็กของบัตรของจริงอย่างแยบยล และเมื่อลูกค้าใส่บัตรเครดิตเข้าไป หัวอ่านนั้นจะคัดลอกข้อมูล และนำไปทำบัตรเครดิตปลอมมาใช้ เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายของสหรัฐฯ เรียกการโจรกรรมดังกล่าวว่า Skimmer ซึ่งในแต่ละปีสามารถขโมยเงินได้มากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ การโจรกรรมแบบ Skimmer กำลังแพร่หลาย โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ เช่นที่มหานครนิวยอร์ค ทว่าที่นั่นกลับมีตำรวจสืบสวนเพียง 4 คนเท่านั้น ที่ได้รับการฝึกอบรมให้สามารถตรวจสอบหัวอ่านปลอมที่ถูกนำไปติดตั้งตามตู้ ATM ได้ ล่าสุด นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา ภายใต้การนำของอาจารย์ Patrick Traynor คิดค้นพัฒนาอุปกรณ์ที่มีชื่อเรียกว่า…