โป๊ปจับมือ Microsoft, IBM ปั้นจริยธรรม AI และเทคโนโลยีจดจำใบหน้า

Loading

วาติกันประกาศความร่วมมือกับ 2 ยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และไอบีเอ็ม (IBM) เพื่อหนุนการสร้างจริยธรรมระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบจดจำใบหน้าให้ไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยวาติกันเปิดเอกสารเรียกร้องให้มีการควบคุมการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างเข้มข้น ย้ำว่าเครื่องมือเอไอควรทำงานอย่างยุติธรรม โปร่งใส เชื่อถือได้ และเคารพชีวิตมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ผลจากความร่วมมือนี้ทำให้ไมโครซอฟท์และไอบีเอ็มมีภาพชัดเจนว่าได้เข้าร่วมขานรับแนวคิดของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยทั้งคู่สนับสนุนเอกสารดังกล่าว ซึ่งการเปิดเผยเอกสารนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงคำนึงถึงประเด็นทางศีลธรรมและจริยธรรมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่เอกสารนี้มีชื่อว่าเดอะโรมคอลล์ฟอร์เอไออีธิกส์ (The Rome Call for AI Ethics) จากเนื้อความในเอกสาร ชัดเจนว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงหวังที่จะกำจัดปัญญาประดิษฐ์ที่มีจุดประสงค์ชั่วร้าย และเทคโนโลยีที่อาจเป็นอันตรายเช่นการจดจำใบหน้า ทำให้วาติกันร่วมมือกับไมโครซอฟท์และไอบีเอ็มเพื่อรวบรวมหลักการที่เรียกได้ว่าเป็นหลักการใช้เอไออย่างมีจริยธรรมและศีลธรรมจุดเด่นของเอกสารนี้คือรายละเอียดว่าเอไอควรโฟกัสในประเด็นที่ไม่ใช่เทคโนโลยี แต่ควรเน้นที่ความดีของมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อม เอกสารนี้ยังกระตุ้นให้ผู้เชี่ยวชาญเอไอพยายามตอบโจทย์ความจำเป็นของผู้ด้อยโอกาสบนโลกด้วยแทนที่จะเป็นอัลกอลิธึม แต่เอกสารนี้ใช้คำว่า “อัลกออีธิกส์” (algor-ethics) โดยอธิบายว่า algor-ethics คือการรวมองค์ประกอบพื้นฐานของนวัตกรรมที่ดี จุดประสงค์คือการเรียกร้องให้เทคโนโลยีต่างๆถูกพัฒนาบนความโปร่งใสตรวจสอบได้ ขณะเดียวกันก็ควรเปิดกว้างและทั่วถึงเพื่อให้บุคคลทุกคนสามารถรับประโยชน์จากการพัฒนาได้ ที่ขาดไม่ได้คือความรับผิดชอบ เพราะผู้ที่ออกแบบและปรับใช้ AI ควรต้องดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและโปร่งใสนอกจากนี้คือความเป็นกลาง เนื่องจากผู้พัฒนาไม่ควรสร้างหรือพัฒนาเทคโนโลยีด้วยความลำเอียง เช่นเดียวกับความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวซึ่งขาดไม่ได้ เพื่อให้ระบบทำงานอย่างปลอดภัยและเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เอกสารของวาติกันยังให้คำแนะนำสำหรับเทคโนโลยีที่อาจเป็นอันตรายเช่นระบบวิเคราะห์และจดจำใบหน้า ซึ่งเน้นให้ผู้พัฒนาพยายามปฏิบัติตามหลักจริยธรรมเช่นกันแม้ระบบล้ำสมัยอย่างเอไอมักชูจุดขายเรื่องการนำไปใช้งานเพื่อยกระดับความปลอดภัย แต่การวิจัยพบว่าเอไอบางประเภทได้รับการฝึกให้มีอคติทางเชื้อชาติและเพศ ซึ่งอาจเป็นอันตรายมากกว่าการช่วยเหลือมนุษยชาติ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนมากมายพยายามควบคุมเทคโนโลยีเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทั้งทางการค้าและทางการเมือง ยังมีปัญหาเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งสร้างความเสียหายให้สังคมแบบประเมินค่าไม่ได้หลักปฏิบัติแบบเต็มซึ่งได้รับการรับรองจากไอบีเอ็มและไมโครซอฟท์แล้ว สามารถอ่านได้จากลิงก์นี้ —————————————— ที่มา…

เรียก ‘ค่าไถ่ไซเบอร์’ ด้วย ‘อีเมล’

Loading

3 มีนาคม 2563 | โดย นักรบ เนียมนามธรรม | คอลัมน์ THINKSECURE เปิดเบื้องหลัง เมื่อองค์กรใหญ่รายหนึ่งถูกจู่โจมด้วยวิธีการส่ง “อีเมลหลอกลวง” ที่ซับซ้อน (Spear-phishing) จนทำให้เกิดผลกระทบกับการผลิตและกำไรของบริษัทในเวลาต่อมา การจู่โจมด้วยแรนซัมแวร์เริ่มกลับมาแพร่หลายอีกครั้ง เชื่อหรือไม่ว่า แม้องค์กรจะวางระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ดีอย่างไร ระบบนั้นก็จะถูกเจาะเข้ามาได้ หากองค์กรไม่ได้ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้บุคลากรที่ทำงานในองค์กร ไม่นานมานี้หน่วยงานด้านความมั่นคงทางด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ และโครงสร้างทางด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานสำคัญๆ ทางด้านสาธารณูปโภคเกี่ยวกับการเรียกค่าไถ่ทางไซเบอร์ หรือแรนซัมแวร์ตัวใหม่ที่อาจก่ออันตรายให้กับองค์กร การแนะนำนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัททางด้านพลังงานธรรมชาติถูกจู่โจมด้วยวิธีการส่งอีเมลหลอกลวงที่ซับซ้อน (Spear-phishing) ซึ่งได้แนบแรนซัมแวร์ หรือก็คือมัลแวร์เรียกค่าไถ่โดยการเข้ารหัสไฟล์ข้อมูล ไปยังระบบเครือข่ายภายในของบริษัท และเข้ารหัสข้อมูลสำคัญๆ รวมถึงทำให้เซิร์ฟเวอร์หลายๆ ตัวไม่สามารถที่จะทำงานได้เป็นเวลาเกือบสองวันเลยทีเดียว  การจู่โจมด้วยแรนซัมแวร์นี้ได้เริ่มกลับมาแพร่หลายอีกครั้งพร้อมด้วยการยกระดับความถี่ในการโจมตี รวมถึงขยายผลการจู่โจมให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หน่วยงานดังกล่าวพบว่า การจู่โจมนั้นไม่ได้กระทบกับระบบควบคุม (PLCs) และเหยื่อที่โดนจู่โจมยังสามารถควบคุมระบบปฏิบัติการได้อยู่ แต่ผลจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ทางบริษัทพิจารณาว่าสมควรที่จะปิดระบบ จนทำให้เกิดผลกระทบกับการผลิตและกำไรของบริษัทในเวลาต่อมา ซึ่งผลกระทบนั้นกระทบเฉพาะกับระบบที่เป็น Windows-based Systems และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ตั้งอยู่ ณ สถานที่ที่ถูกโจมตีเท่านั้น และทางบริษัทสามารถที่จะฟื้นฟูการโจมตีครั้งนี้ด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีออก และใส่การตั้งค่าเข้าไปใหม่ อย่างไรก็ดีการแจ้งเตือนยังไม่ได้ระบุรายละเอียดมากนัก และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการใช้ลิงก์หลอกลวงส่งมาพร้อมกับแรนซัมแวร์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ได้มีการเปิดเผยว่า ในเดือน…

Apple สั่งบล็อก “Clearview AI” ฐานละเมิดกฎซอฟต์แวร์

Loading

เขียนโดย :   Talil เมื่อไม่กี่วันมานี้ Apple ได้มีการประกาศสั่งบล็อกแอปฯ ‘Clearview AI’ เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพราะละเมิดกฎโปรแกรมซอฟต์แวร์ของบริษัท โดย Clearview AI ที่ให้บริการแอปฯ เฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย รวมถึงองค์กรบางรายเท่านั้น เช่น Macy’s, Walmart และ Wells Fargo ได้ใช้ใบรับรองระดับองค์กรทำให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ได้โดยไม่ผ่าน App Store โดยทำผิดกฎของ Apple ที่จำกัดให้ผู้ใช้เข้าถึงซอฟต์แวร์เฉพาะบุคคลภายในองค์กรที่กำหนดเท่านั้น ขณะที่ปกติแล้วเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าขั้นสูงของ Clearview AI ผู้ใช้ iPhone ทั่วไปจะเข้าถึงไม่ได้ แต่ลองนึกภาพว่าเราเดินอยู่ในที่สาธารณะ และมีคนแปลกหน้าเดินสวนกับคุณ จนกระทั่งเขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปคุณ ก่อนจะอัพโหลดรูปนั้นลงในแอปฯ เพื่อให้แมตช์กับฐานข้อมูล จนสามารถพบข้อมูลของคุณบนสื่อโซเชียลมีเดีย พบแอคเคาท์  Facebook , instagram หรืออื่นๆ จากนั้นตามด้วยชื่อจริง ที่อยู่ ซึ่งหลังจากนั้นมันจะเป็นอย่างไรต่อ ? แน่นอนว่ามันคือหายนะ เพราะนั่นอาจหมายถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง “เพื่อความปลอดภัย” หรือ “รุกล้ำความเป็นส่วนตัว” สำหรับ ‘Clearview AI’ เป็นเทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ ในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดย “ฮอน ทอน-แทต” หนุ่มหน้าตาดี อดีตนายแบบเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งได้รับเงินทุนจากอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา…

พบ TrickBot ตัวใหม่ ใช้ Macro ของโปรแกรม Word โจมตีผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows 10

Loading

เขียนโดย :   moonlightkz โดยปกติแล้ว ในแวดวงซอฟต์แวร์ เรามักจะได้ยินคำแนะนำว่าควรอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปิดรูรั่วที่ถูกค้นพบแล้ว อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันการอัปเดตไม่ได้มีแค่การปิดช่องโหว่เท่านั้น มันยังมีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เข้ามาด้วย ปัญหาก็คือ ความสามารถใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามานั้น อาจจะกลายเป็นช่องโหว่ใหม่ได้ด้วยเช่นกัน ล่าสุดมีการค้นพบการโจมตีรูปแบบใหม่ของ Trickbot โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องทางยอดนิยมในอดีตอย่างฟังก์ชัน Macro ของ Microsoft Word ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในยุค ค.ศ. 1995 มาปรับปรุงใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ในระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีฟังก์ชันใหม่ที่เรียกว่า Remote desktop ActiveX แฮกเกอร์ได้ใช้ฟังก์ชันดังกล่าวในการควบคุม Ostap ที่เป็น Malware downloader ซึ่งแฝงตัวมากับ VBA macro และ JScript ของเอกสารที่มีมาโครอยู่ (Macro-enabled document (.DOCM)) แฮกเกอร์ได้สร้างไฟล์เอกสารส่งไปทางอีเมลไปหาเหยื่อ โดยระบุว่าเป็นใบเสร็จเรียกเก็บเงิน หากเหยื่อหลงเชื่อคลิกเปิดใช้งาน Macro ในไฟล์ดังกล่าว มันจะเริ่มยิง Payload เพื่อโจมตีในทันที รูปแบบการโจมตีของ Trickbot จะเป็นการ Hijacks เว็บเบราว์เซอร์…

กสทช. ออสเตรเลียบังคับค่ายมือถือยืนยันตัวตนลูกค้าสองขั้นตอนก่อนออกซิมใหม่ วางค่าปรับ 5 ล้านบาทหากทำไม่ครบ

Loading

Australian Communications and Media Authority (ACMA) หรือกสทช.ออสเตรเลียประกาศมาตรฐานการตรวจสอบผู้ใช้ก่อนออกซิมใหม่ หลังพบว่าประชาชนเป็นเหยื่อมากขึ้นและการถูกขโมยหมายเลขโทรศัพท์แต่ละครั้งทำให้เหยื่อเสียหายเฉลี่ยสูงกว่า 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือมากกว่าสองแสนบาท ทาง ACMA ไม่ได้แยกย่อยว่าความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากอะไร แต่ก็ระบุความสำคัญของการใช้บริการธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ ที่หากคนร้ายควบคุมหมายเลขโทรศัพท์ได้ก็จะขโมยเงินได้ กฎใหม่นี้บังคับให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือต้องยืนยันตัวตนลูกค้าที่มาขอเปลี่ยนซิมด้วยมาตรการ 2 ขั้นตอนเป็นอย่างน้อย (multi factor authentication) ผู้ให้บริการที่ไม่ทำตามข้อกำหนดนี้มีโทษปรับสูงสุด 250,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียหรือ 5 ล้านบาท นอกจากการบังคับยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนแล้ว ทาง ACMA ยังพยายามปรับปรุงความปลอดภัยและลดการหลอกลวงผ่านโทรศัพท์โดยรวม เช่น มาตรการ Do Not Originate List เปิดให้แบรนด์สามารถลงทะเบียนป้องกันคนร้ายมาสวมรอยเป็นเบอร์ต้นแทาง หรือมาตรการตัดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่มีปริมาณการโทรหลอกลวงสูงๆ ——————————————————- ที่มา : Blognone / 2 มีนาคม 2563 Link : https://www.blognone.com/node/114931

พบช่องโหว่ Paypal เตือนผู้ใช้เสี่ยงข้อมูลรั่วไหล

Loading

  ทีมนักวิจัยจาก CyberNews รายงานว่า พบช่องโหว่ร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับระบบ 2FA Authentication และระบบยืนยันตัวตนทั่วไปของเว็บไซต์ Paypal ซึ่งจะอนุญาตให้คนทั่วไปเข้าสู่ระบบได้ นอกจากนั้นทีมนักวิจัยพบบัญชี Paypal ที่ถูกนำไปขายในเว็บตลาดมืดในราคาเพียง 1.50 ดอลลาห์สหรัฐ หากมีผู้ไม่หวังดีซื้อข้อมูลนำไปใช้ ก็สามารถเข้าใช้งานได้ทันทีโดยไม่มีการตรวจสอบ IP ก่อนการเข้าถึง และไม่มีการยืนยันตัวตน โดยทีมนักวิจัยพบช่องโหว่ร้ายแรง 5 ข้อสำคัญ ดังนี้ ข้ามการยืนยันตัวตน 2FA (Authflow) เลี่ยงการตรวจสอบระบบ OTP เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชี อนุญาตให้คนทั่วไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลเจ้าของบัญชีได้ ปล่อยให้คนทั่วไปหลอกขอข้อมูลบัญชีจาก ระบบ Paypal SmartChat Online ได้ รูรั่วด้านความปลอดภัยของระบบ อาจถูกแฮกได้ในอนาคต โดยทางทีมนักวิจัยได้แจ้งไปยังบริษัท Paypal และ ออกมาเปิดเผยสู่สาธารณะ เพื่อเตือนให้ผู้ใช้บัญชีกว่า 305 ล้านคน ระมัดระวังในการใช้งาน เปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ ตั้งรหัสผ่านให้ยากต่อการคาดเดา พร้อมทั้งกดดันให้ทาง Paypal เร่งแก้ไขช่องโหว่ดังกล่าว เพื่อลดการเกิดการฉ้อโกงเพิ่มในอนาคต ทั้งนี้ขอให้ผู้ใช้งานรอการประกาศการแก้ไขอย่างเป็นทางการจากทาง Paypal…