AI ในอนาคต

Loading

  การปรับตัวของภาคธุรกิจต่อการมาถึงของเอไอเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้   หากจะมีการปรับหรือเปลี่ยนแปลงการทำงานในภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นประเทศใด มักจะต้องทำแแบบสอบถาม เพื่อดูแนวโน้มในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว   อย่างเช่นเมื่อปี 2018 ประเทศญี่ปุ่นทำการสำรวจความพร้อมในด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ขององค์กรธุรกิจโดยทำแบบสอบถามกว่า 20,000 ชุดซึ่งผู้ที่ตอบแบบสอบถามถึงประมาณ 30% เชื่อมั่นว่ายุคของเทคโนโลยีได้มาถึงแล้วและไม่มีทางปฎิเสธได้   ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 90% ระบุว่าองค์กรได้เริ่มใช้งานระบบ AI ไปบ้างแล้ว แต่ที่น่าสนใจก็คือในจำนวนนี้มีผู้ใช้มากถึง 20% ที่ไม่รู้ว่า AI คืออะไรและจะช่วยงานเราได้อย่างไรบ้าง สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทหลายๆ แห่งลงทุนในระบบนี้ไปเพียงเพราะกลัวตกยุค กลัวจะดูไม่ทันสมัยเท่านั้น   ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ปัจจุบันนี้ หรือ 4 ปีหลังการสำรวจจะพบว่าการใช้งาน AI ในองค์กรธุรกิจหลาย ๆ แห่งประสบปัญหามากมายเพราะจุดเริ่มต้นที่ผิดพลาดและไม่ได้มาจากความต้องการใช้งานจริง ผลสุดท้ายก็กลายเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าและไม่ต้อบโจทย์ใด ๆ ในองค์กรเลย   ตรงกันข้ามกับบริษัทที่เริ่มต้นโดยมีกลยุทธ์ชัดเจน และให้ความรู้ทีมงานพร้อมนำ AI มาใช้อย่างถูกจุด จะพบว่าประสิทธิภาพในการทำงานถูกยกระดับขึ้นอย่างมหาศาล ลดงานที่ทำซ้ำและตอบสนองความต้องการของลูกค้าไม่เพิ่มขึ้นหลายเท่า   AI อาจเป็นการปฏิวัติวงการธุรกิจและอุตสาหกรรมอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่เทคโนโลยีนี้แพร่หลาย มันได้สร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจเกิดใหม่ได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เช่นกรณีของ…

‘เอไอ’ กับการสืบสวนอาชญากรรม เทคโนโลยีเพื่อการไขคดีอย่างแม่นยำ

Loading

  เปิดโลกของเอไอกับการจัดการด้านอาชญากรรม ทำความรู้จักบทบาทต่างๆ ของเอไอในการสืบสวนคดี ตรวจจับ และการป้องกันอาชญากรรม   กระบวนการสืบสวนคดีความและอาชญากรรมเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน การมองข้ามแม้เพียงรายละเอียดเล็ก ๆ ระหว่างกระบวนการอาจนำไปสู่สมมุติฐานที่ผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถคลี่คลายคดีความหรือหาต้นตอและอาชญากรตัวจริงได้   ในภาพยนตร์สืบสวนเราต่างเคยเห็นนักสืบอัจฉริยะมากมาย แต่ในความเป็นจริง เราคงไม่สามารถสืบสวนอาชญากรรมอย่างละเอียดและเฉียบขาดได้ตลอดเวลา ด้วยพลังที่มีขีดจำกัดของมนุษย์ แต่ถ้าหากเรามีผู้ช่วยอย่างเอไอแล้ว สิ่งที่เคยทำไม่ได้อาจกลายเป็นเรื่องง่าย   บทความนี้ผมจะพาทุกคนไปเปิดโลกของเอไอกับการจัดการด้านอาชญากรรม ทำความรู้จักบทบาทต่างๆ ของเอไอในการสืบสวนคดี ตรวจจับ และการป้องกันอาชญากรรม เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในปัจจุบันส่งผลให้เอไอมีความสามารถใกล้เคียงนักสืบมือฉมัง และเป็นผู้ช่วยชั้นเยี่ยมของตำรวจเลยทีเดียวครับ   ในกระบวนการพิสูจน์หลักฐาน เอไอก็ได้เข้าไปมีบทบาทไม่น้อยเลย งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยลีออน ประเทศสเปน ได้ทำการเทรนโมเดลโครงข่ายประสาทเทียม (Neural Network) ในการตรวจจับร่องรอยของอาชญากรในสถานที่เกิดเหตุ   โดยใช้ข้อมูลภาพสถานที่เกิดเหตุจำนวนหลายพันภาพเทรนอัลกอริธึมให้ตรวจจับรูปแบบของร่องรอยและหลักฐานในที่เกิดเหตุ อาทิ รอยเท้า กระสุน อาวุธปืน เป็นต้น รวมถึงยังสามารถตรวจจับรูปแบบร่องรอยที่สื่อถึงอาชญากรคนเดียวกันจากหลาย ๆ คดีได้อีกด้วย   สารคัดหลั่งในจุดเกิดเหตุเป็นอีกหลักฐานน่าเชื่อถือและมีประโยชน์ต่อรูปคดีมาก แต่การตรวจสอบอย่างละเอียดนั้น โดยปกติต้องอาศัยกระบวนการทางนิติเวชที่ต้องใช้เวลายาวนาน รวมถึงยังต้องแยกระหว่างสารคัดหลั่งจากผู้ต้องหากับสารคัดหลั่งของตำรวจที่เข้าไปในจุดเกิดเหตุอีกด้วย   หากเราทำการเทรนเอไอให้เข้ามาทำหน้าที่นี้ โดยใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมสร้างโมเดลที่ประมวลผลได้อย่างถูกต้องแม่นยำตามหลักการแพทย์ ก็จะช่วยลดเวลาในการทำงานและนำไปสู่การสรุปผลคดีที่ถูกต้องและโปร่งใส…

เอไอทดลองคิดสูตรอาวุธเคมี-ชีวภาพได้ 40,000 ชนิด ภายในเวลาแค่ 6 ชั่วโมง

Loading

  ความสามารถในการวิเคราะห์และคำนวณขั้นสูงของปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (Artificial Intelligence – AI) ทำให้สมองกลสามารถตรวจพบโรคภัยไข้เจ็บชนิดใหม่ ๆ จากฐานข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งคิดค้นสูตรยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพได้หลากหลายชนิด   แต่ข้อเสียของเอไอในทางสุขภาพและการแพทย์ก็มีอยู่ หากมีผู้นำไปใช้ในทางที่ผิด เช่นการคิดค้นสูตรอาวุธเคมี-ชีวภาพ ที่อาจคร่าชีวิตมนุษย์จำนวนมหาศาล   ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ ทดลองเดินเครื่องปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า MegaSyn ซึ่งถูกออกแบบและฝึกฝนมา ให้มีความถนัดในการค้นหาโมเลกุลพิษที่จะทำลายโปรตีนในร่างกายมนุษย์ โดยแต่เดิมนั้นนักวิจัยใช้เอไอดังกล่าวเพื่อการคิดค้นตัวยาที่มีความปลอดภัย ทว่าในคราวนี้ พวกเขาทำการทดลองเพื่อให้มันค้นหาโมเลกุลพิษร้ายแรงที่สามารถจะนำมาทำเป็นอาวุธเคมี-ชีวภาพได้   ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Machine Intelligence ระบุว่า เอไอ MegaSyn สามารถคิดค้นสูตรอาวุธเคมี-ชีวภาพที่มีความเป็นไปได้ในการนำไปผลิตจริงมากถึง 40,000 ชนิด ภายในเวลาเพียงแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของการใช้เอไอในทางที่ผิด ซึ่งนักวิจัยยุคใหม่ไม่ควรประมาท   รายงานวิจัยข้างต้นระบุว่า “เราใช้เวลานานหลายทศวรรษ พัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเอไอเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสุขภาพของมนุษย์ให้ดีขึ้น ไม่ใช่ทำให้ย่ำแย่ลง แต่เรากลับไม่เคยตระหนักถึงอันตรายของการใช้เอไอเพื่อวัตถุประสงค์ที่ชั่วร้าย”     ในการทดลองครั้งนี้ เอไอได้รับคำสั่งให้ค้นหาโมเลกุลที่เป็นพิษร้ายแรงคล้ายสารทำลายประสาทวีเอ็กซ์ (VX) โดยนอกจากจะค้นหาสารอินทรีย์ซึ่งมีลักษณะดังกล่าวทีละชนิดจากฐานข้อมูลแล้ว เอไอยังสามารถทดลองผสมสารหลายชนิดเข้าด้วยกันด้วยการคำนวณ…