ฝรั่งเศสช็อก คนร้ายบุกแทงตำรวจหญิงดับคา สน. เชื่อเป็นก่อการร้าย

Loading

  เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดแทงตำรวจหญิงเสียชีวิต ที่สถานีตำรวจในเมืองทางเหนือของฝรั่งเศส ก่อนโดนวิสามัญฯ เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นการก่อการร้าย สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 14:20 น. วันศุกร์ที่ 23 เม.ย. 2564 ตามเวลาฝรั่งเศส ชายคนหนึ่งก่อเหตุใช้อาวุธมีดจ้วงแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงวัย 49 ปี ที่หน้าทางเข้าสถานีตำรวจในเมือง รอมบูเยต์ ทางเหนือของประเทศ ทำให้ตำรวจหญิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตามการเปิดเผยของผู้เห็นเหตุการณ์ คนร้ายเดินดูโทรศัพท์มือถือวนไปวนมาหน้าที่สถานีตำรวจ พอตำรวจหญิงรายนี้ซึ่งไม่ได้พกพาอาวุธ จะเดินผ่านประตูรั้วออกมา เขาก็โถมเข้าใส่และใช้มีดแทงบริเวณคอของตำรวจหญิงทันที ก่อนตำรวจนายอื่นๆ จะยิงปืนใส่คนร้ายจนเสียชีวิต ข่าวระบุว่า ตอนนี้อัยการแผนกต่อต้านการก่อการร้ายเข้ามารับช่วงต่อการสืบสวนแล้ว เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่การฆาตกรรมครั้งนี้จะเป็นการก่อการร้าย โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการสืบสวนบอกกับ บีบีซี ด้วยว่า คนร้ายตะโกนว่า “อัลเลาะห์ อัคบาร์” ระหว่างก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ตำรวจเผยว่า คนร้ายวัย 36 ปีรายนี้ไม่เคยถูกเจ้าหน้าที่จับตามาก่อน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น BFMTV รายงานว่า เขาอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสอย่างผิดกฎหมาย ก่อนจะได้รับใบอนุญาตอยู่อาศัย ซึ่งจะหมดอายุในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนั้น ตำรวจยังจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 3 คนด้วย…

อิหร่านฟันธงอิสราเอลก่อวินาศกรรมโจมตี รง.นิวเคลียร์ของตน ประกาศจะตอบโต้ ‘ผู้ก่อเหตุ’ แต่ยังคงลุยเจรจาให้มะกันยกเลิกแซงก์ชัน

Loading

  อิหร่านฟันธง อิสราเอล ศัตรูตัวฉกาจของตน คือ ผู้ก่อวินาศกรรมเล่นงานโรงงานนิวเคลียร์ในเมืองนาตันซ์ เนื่องจากไม่พอใจที่ความพยายามเพื่อให้อเมริกายกเลิกมาตรการแซงก์ชันกำลังมีความคืบหน้า ลั่นจะตอบโต้เอาคืน และขณะเดียวกัน จะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้บ่อนทำลายกระบวนการเจรจาเพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์   อิหร่านระบุว่า บุคคลซึ่งเป็นผู้ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าดับในโรงผลิตโรงหนึ่งที่สถานเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมใต้ดินของตนในเมืองนาตันซ์ ได้ถูกระบุตัวออกมาอย่างชัดเจนแล้ว และ “กำลังมีการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำป็นเพื่อจับกุมบุคคลผู้นี้” สื่อภาครัฐของอิหร่านรายงาน โดยไม่ให้รายละเอียดมากกว่านี้ ขณะที่องค์การพลังงานปรมาณูอิหร่าน (ไอเออีโอ) แถลงว่า เกิด “การระเบิดขนาดเล็ก” ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ซึ่งเล่นงานศูนย์จ่ายไฟฟ้าของโรงงานที่นาตันซ์ พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของอิหร่านหลายรายกล่าวเมื่อวันจันทร์ (12 เม.ย.) ถึงเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (11) คราวนี้ว่า เป็น “การก่อการร้ายทางนิวเคลียร์” และบอกด้วยว่า เตหะรานสงวนสิทธิที่จะปฏิบัติการเล่นงานพวกผู้ก่อเหตุ เป็นต้นว่า สถานีทีวีของรัฐบาลอิหร่านรายงานโดยอ้างคำพูดของ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่า “ขบวนการไซออนนิสต์” ซึ่งหมายถึงพวกยิวที่ต้องการฟื้นชาติอิสราเอล ต้องการแก้แค้นการที่อิหร่านดำเนินการอย่างมีความคืบหน้า ในการพยายามให้สหรัฐฯยกเลิกมาตรการแซงก์ชัน โดยก่อนหน้านี้อิสราเอลเคยประกาศขัดขวางอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมกันนั้นซารีฟสำทับด้วยว่า เตหะรานมีสิทธิ์ตอบโต้ผู้โจมตี อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า เตหะรานจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ส่งผลต่อการเจรจาเพื่อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 หรือผ่อนคลายจุดยืนของฝ่ายตนในการเจรจานี้…

สุดยอด!…ระบบป้องกันภัยซาอุฯ ถูกทำลายด้วยโดรนราคาถูก

Loading

การโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง ในซาอุดิอาระเบีย แสดงให้เห็นว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศถูกทำลายอย่างง่ายดายโดยเทคโนโลยีราคาถูก และไม่สามารถป้องกันได้ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธหรือเครื่องบินขับไล่อย่าง F-15 ซาอุดิอาระเบีย ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อปีที่แล้วเพิ่งซื้ออาวุธไป 65,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีสหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่ มีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่รวมถึงเรดาร์ เครื่องบินขับไล่หลายรุ่น เช่น F-15 และขีปนาวุธที่สามารถสกัดขีปนาวุธที่ถูกยิงมาจากดินแดนของศัตรูได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อวันเสาร์ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทอารัมโก 2 แห่ง กลับถูกโจมตีด้วยฝูงโดรนของกลุ่มกบฎฮูตี ที่เป็นกองกำลังกลุ่มเล็กๆ ทำให้ต้องระงับการผลิตน้ำมัน 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า กลุ่มฮูตีเจาะช่องโหว่ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และยังใช้เทคโนโลยีราคาถูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยโดรนเพียง 10 ลำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะฮูตีเคยใช้โดรนแทรกซึมน่านฟ้าซาอุฯและถ่ายรูปโรงงานผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล และโจมตีท่อส่งน้ำมันไปยังทะเลแดงด้วย ส่วนโดรนที่ใช้น่าจะเป็น “แซมแม้ด ทรี” ที่สามารถบรรทุกระเบิดและเล่นงานเป้าหมายที่อยู่ไกลถึง 1,500 ก.ม. ———————————————————————- ที่มา : Nation TV / 17 กันยายน 2562 Link…

มิติใหม่ใช้โดรนถล่มเป้าหมายระดับโลก ราคาถูกลงแต่ได้ผลเกินคาด

Loading

การเป็นพันธมิตรระหว่างฮูษีกับอิหร่าน ยังเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้แบ่งปันวิธีโจมตีด้วยโดรนไปให้แนวร่วมในอิหร่าน อิรัก ซีเรีย และเลบานอน วิม ซไวเนนบวร์ก นักวิจัยอาวุโสเกี่ยวกับโดรนที่ PAX องค์กรสันติภาพเนเธอร์แลนด์ กล่าวกับ NYT ว่า การโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุดีอาระเบียไม่เพียงแต่เปิดเผยถึงช่องโหว่ของซาอุดิอาระเบียในการทำสงครามกับกบฎฮูษีเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าการโจมตีเป้าหมายระดับสูงเริ่มที่จะมีต้นทุนที่ต่ำลงมาก โดยอาจมีค่าใช้จ่าย 15,000 เหรียญสหรัฐหรือน้อยกว่าในการสร้างโดรน การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการใช้กลยุทธ์แบบ “เดวิดและโกลิอัท” (หรือตัวเล็กล้มยักษ์) และใช้โดรนโดรนราคาถูก เพื่อทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางยิ่งคาดเดาได้ยากขึ้น เพราะการโจมตีดังกล่าวไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัย ทำให้ตลาดปั่นป่วน และทำให้ความหวาดกลัวขยายวงกว้าง แม้ว่า กบฎฮูษีจะไม่มีทุนทรัพย์ทางการเงินที่สำคัญ แต่โดรนกลับกลายเป็นทางออกต้นทุนต่ำให้เขาเพื่อใช้โจมตีศัตรูตัวฉกาจคือ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณทางทหารที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกในปี 2561 โดยมีงบประมาณถึ 67,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ตอกย้ำว่า ประเทศที่มีงบประมาณทางทหารที่สูงมาก ก็อาจเพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายที่ไม่มียุทโธปกรณ์ชั้นเลิศเลย นอกจากนี้ การโจมตีล่าสุด ยังทะลวงลึกเข้าไปในดินแดนของซาอุดิอาระเบียมากกว่าการโจมตีครั้งก่อน ฟาเรีย อัลมุสลิมี ผู้ร่วมก่อตั้งของ Sanaa Center for Strategic Studies ซึ่งเน้นประเด็นเกี่ยวกับเยเมน กล่าวว่า สิ่งทีเกิดขึ้นเป็นความท้าทายต่อซาอุดีอาระเบีย…

อินโดฯ “จำกัด” การให้ชาวต่างชาติท่องเที่ยวในปาปัว

Loading

รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศมาตรการ “ควบคุม” การอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางไปยังภูมิภาคปาปัว ที่อยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ ซึ่งกำลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบครั้งใหม่ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ว่านายวิรันโต รัฐมนตรีด้านการประสานงานกิจการการเมือง กฎหมายและความมั่นคงของอินโดนีเซีย แถลงเมื่อวันอังคาร ว่ารัฐบาลจาการ์ตาได้ออกมาตรการ “จำกัด” การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากประสงค์เข้าไปยังภูมิภาคปาปัวที่อยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการเป็นหนึ่งในชายหาดสวยงามที่สุดของอินโดนีเซีย และระบบนิเวศที่ยังสมบูรณ์อยู่มาก ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ใช่การ “ห้ามอย่างเด็ดขาด” หรือไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าสู่พื้นที่ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาคำร้องเป็นรายกรณี โดยประเมินจากช่วงเวลาเป็นสำคัญ และเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม วิรันโตปฏิเสธกล่าวว่า มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าสู่ภูมิภาคปาปัวครอบคลุมผู้สื่อข่าวชาวต่างชาติด้วยหรือไม่ จากการที่ภูมิภาคแห่งนี้ซึ่งแบ่งเป็นจังหวัดปาปัวและปาปัวตะวันตก เผชิญกับเหตุรุนแรงตั้งแต่วันชาติอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา และฝ่ายความมั่นคงเสริมกำลังทหารและตำรวจเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง “เพื่อจัดการและฟื้นฟูความสงบ” พร้อมทั้งย้ำว่า รัฐบาลจาการ์ตาไม่มีนโยบายเจรจากับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนในปาปัว เรื่อง “ความเป็นอิสระ” ของภูมิภาค สำหรับการออกมาตรการควบคุมการเข้าสู่ภูมิภาคปาปัวของอินโดนีเซีย เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังมีรายงานว่ารัฐบาลจาการ์ตาขับนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย 4 คน ซึ่งเดินทางเข้าสู่พื้นที่ “โดยไม่ได้รับอนุญาต” นอกจากนั้น เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สำนักงานตำรวจจังหวัดปาปัวประกาศห้ามการเดินขบวนประท้วง และจัดกิจกรรมทางการเมืองทุกรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมถึงการปราศรัยแสดงความคิดเห็นในสถานที่สาธารณะ ซึ่งอาจนำไปสู่การปลุกระดมแนวคิดแบ่งแยกดินแดนให้รุนแรงมากขึ้น เครดิตภาพ…