รัสเซียระงับร่วมมือตามกรอบ “ข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับสุดท้าย” กับสหรัฐ

Loading

    ผู้นำรัสเซียประกาศ “พักความร่วมมือ” กับสหรัฐ ตามเงื่อนไขของ “นิว สตาร์ต” สนธิสัญญาที่ถือกันว่า “เป็นข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับสุดท้าย” ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ว่า ในช่วงหนึ่งของการแถลงประจำปี ต่อที่ประชุมสภาแห่งสหพันธรัฐ เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศระงับความร่วมมือกับสหรัฐ ตามกรอบสนธิสัญญาสันติภาพระดับทวิภาคี ว่าด้วยการลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งมีชื่อเรียกกันในทางการทูตว่า “นิว สตาร์ต”   ทั้งนี้ ผู้นำรัสเซีย เน้นย้ำว่า ท่าทีของรัฐบาลมอสโกเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ “การระงับ” หรือ “พักชั่วคราว” ไม่ใช่ “การถอนตัว” หรือ “การยุติข้อตกลง” ขณะเดียวกัน ปูติน กล่าวถึงการดำเนินงานของ โรซาตอม ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย ต้องมีความพร้อมทุกเมื่อ “ในยามถึงคราวจำเป็น” ที่รัสเซียต้องทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งปูติน ยืนยันว่า รัสเซียจะไม่เป็นฝ่ายดำเนินการก่อน แต่เมื่อใดก็ตามที่สหรัฐทดสอบ รัสเซียจะทำเช่นกัน…

รัสเซียทราบล่วงหน้า ไบเดนจะเดินทางเยือนยูเครน

Loading

    ทำเนียบขาวเผย ได้มีการแจ้งรัสเซียไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ปธน.สหรัฐฯ โจ ไบเดน จะเดินทางเยือนยูเครน   การเดินทางเยือนยูเครนสุดเซอร์ไพรส์โดยไม่บอกล่วงหน้าของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) กลายเป็นที่จับตาและพูดถึงทั่วโลก เพราะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนเริ่มต้น ที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้มาเยือนยูเครน   แทบจะไม่มีใครทราบถึงการเดินทางครั้งนี้เลย ไบเดนปรากฏตัวครั้งสุดท้ายช่วงค่ำวันเสาร์ แล้วหายตัวไปในวันอาทิตย์ โดยทางทำเนียบขาวสับขาหลอกบรรดาสื่อด้วยการแจ้งว่า ไบเดนมีกำหนดการออกเดินทางเยือนโปแลนด์ในวันจันทร์     การเดินทางครั้งนี้กินเวลานานหลายสิบชั่วโมง ไบเดนโดยสารเครื่องบินจากฐานทัพแอนดรูว์สในเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันอาทิตย์ มุ่งหน้าไปยังเยอรมนีเพื่อแวะเติมน้ำมัน จากนั้นบินต่อไปยังโปแลนด์ และนั่งรถไฟมุ่งหน้าไปยังกรุงเคียฟใช้เวลาอีก 10 ชั่วโมง   เขาขึ้นรถไฟจากโปแลนด์ในช่วง 22.00 น. ของคืนวันอาทิตย์ โดยคณะเดินทางเหมาตู้รถไฟไว้ 8 ตู้ การเดินทางตลอดทั้งคืนไม่ได้มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เพียงต้องจอดที่จุดแวะพัก 2-3 แห่ง จนกระทั่งรถไฟมาถึงสถานีเคียฟในเวลา 8.00 น. ของวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น  …

แรงจูงใจ “มือปริศนาวางระเบิด” นอร์ดสตรีม เรื่องลับโลกต้องรู้

Loading

    เปิดเบื้องหลังและข้อมูลที่อาจเชื่อมโยงเหตุการณ์ระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีมของรัสเซียจนได้รับความเสียหาย จากมือมืดปริศนาที่ได้ปฏิบัติการใต้ทะเลและพยายามเก็บงำความลับจนถึงตอนนี้ เพียงเพื่อขุดหลุมฝังรัสเซียให้สิ้นชื่อ และสวมสิทธิขายก๊าซให้ยุโรปหรือไม่   หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานอ้างแหล่งข่าวที่ล่วงรู้แผนปฏิบัติการลับสหรัฐระบุว่า เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว นักประดาน้ำของกองทัพเรือสหรัฐได้ปฏิบัติการลับระหว่างการฝึกที่มีขึ้นกลางฤดูร้อนในประเทศสมาชิกนาโต รู้จักในชื่อ BALTOPS 22 ซึ่งได้วางระเบิดที่เป็นการจุดชนวนจากระยะไกล หลังจากนั้น 3 เดือนต่อมา ท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมก็เกิดระเบิดขึ้นและได้รับความเสียหาย 3 ใน 4 ของท่อก๊าซทั้งหมด   รัสเซียมีท่อก๊าซธรรมชาติ 2 แห่ง ประกอบด้วย นอร์ดสตรีม 1 ได้ให้บริการขายก๊าซธรรมชาติของรัสเซียในราคาถูกแก่เยอรมนีและยุโรปตะวันตกมากว่าทศวรรษ ขณะที่มีการก่อสร้างท่อก๊าซส่งคู่กันที่เรียกว่า นอร์ดสตรีม 2 แต่ยังไม่ได้เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ   แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ กองทัพรัสเซียบุกเข้าถล่มยูเครน ส่งผลให้มีการนองเลือดและสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินมหาศาล ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนมองว่า “ท่อส่งก๊าซ” นี่แหละเป็นท่อน้ำเลี้ยงทางการเงินให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินนำไปใช้ซื้ออาวุธรุกรานยูเครนและสร้างอำนาจความทะยานอยากทางการเมืองของผู้นำมอสโก ในการช่วงชิงดินแดนมาจากยูเครน   เมื่อสอบถามเรื่องนี้ไปยัง “เอเดรียน วัตสัน” โฆษกทำเนียบขาว ซึ่งตอบกลับทางอีเมลว่า “นี่เป็นเรื่องโกหกและแต่งขึ้น” ขณะที่ “แทมมี่ ธอร์ป” โฆษกข่าวกรองสหรัฐก็บอกในทำนองเดียวกันว่า…

รัสเซียเริ่มส่งเรือรบติดอาวุธนิวเคลียร์มาทะเลบอลติก ครั้งแรกรอบ 30 ปี

Loading

    หน่วยข่าวกรองนอร์เวย์ เผย รัสเซียเริ่มส่งเรือรบติดอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีไปประจำการในทะเลบอลติกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ท่ามกลางความตึงเครียดกับชาติตะวันตก   เมื่อวันอังคารที่ 14 ก.พ. 2566 สำนักงานข่าวกรองแห่งประเทศนอร์เวย์ (NIS) เผยรายงานประจำปี ระบุว่า รัสเซียเริ่มส่งเรือรบติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (Tactical Nuclear Weapon) มาประจำการในทะเลบอลติกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี นับตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย   ทั้งนี้ ในช่วงสงครามเย็น กองทัพเรือทะเลเหนือของรัสเซีย หรือ โซเวียตในขณะนั้นส่งเรือรบติดอาวุธนิวเคลียร์ออกมาลาดตระเวนในทะเลเป็นประจำ แต่นี่นับเป็นครั้งแรกในยุคสหพันธรัฐรัสเซีย   รายงานของหน่วยข่าวกรองนอร์เวย์ ระบุว่า ในขณะที่รัสเซียมีเรือดำน้ำ อาวุธต่อต้านดาวเทียมและความสามารถทางไซเบอร์ ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อนอร์เวย์และกองกำลังพันธมิตรนาโตได้ แต่อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีคือภัยคุกคามร้ายแรงเป็นพิเศษในหลายเหตุการณ์ที่ชาติสมาชิกนาโตอาจเข้าไปมีส่วนร่วม   NIS ระบุอีกว่า ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกหมายความว่า รัสเซียจะเป็นภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาโตและต่อนอร์เวย์ต่อไป และไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่สงครามในระดับท้องถิ่นจะบานปลายเป็นความขัดแย้งวงกว้างขึ้น ซึ่งจะทำให้รัสเซีย สหรัฐฯ นาโต และนอร์เวย์ เข้าไปมีส่วนร่วมทางทหารโดยตรง   รายงานย้ำด้วยว่า รัสเซียจะรักษา พัฒนา และทำให้คลังแสงนิวเคลียร์ของพวกเขาทันสมัยอยู่เสมอ…

เปิดโปงปฏิบัติการลับทำลายท่อก๊าซนอร์ดสตรีม

Loading

      เมื่อวันที่ 9 ก.พ. สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างนายซีมัวร์ เฮิร์ช อดีตผู้สื่อข่าวมือรางวัลพูลิตเซอร์ของหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์สที่เขียนตีแผ่เหตุการณ์ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ “นอร์ดสตรีม” ใต้ทะเลบอลติก เชื่อมต่อตรงระหว่างรัสเซีย-เยอรมนี ถูกก่อวินาศกรรมจนพังเสียหายใช้การไม่ได้เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย.2565   ทั้งนี้ ในรายงานที่เขียนลงบล็อก “Substack” ของนายเฮิร์ช อ้างแหล่งข่าวความมั่นคงสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ว่า ปฏิบัติการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีมของรัสเซียเป็นฝีมือหน่วยประดาน้ำกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่นำระเบิดหลายลูกไปติดตั้งบนท่อก๊าซใต้ทะเลระหว่างการซ้อมรบบัลท็อบส์ 22 ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในทะเลบอลติก เมื่อเดือน มิ.ย. 2565   จากนั้นอีก 3 เดือนต่อมา หรือวันที่ 26 ก.ย. 2565 ระเบิดจึงถูกจุดชนวนแบบไร้สายผ่านตัวส่งสัญญาณที่ติดอยู่กับทุ่นโซนาร์ที่หย่อนลงไปในทะเลโดยเครื่องบินลาดตระเวน P8 ของกองทัพเรือนอร์เวย์ ความสำเร็จครั้งนี้มีขึ้นหลังทำเนียบขาว กองทัพ และสำนักงานข่าวกรองกลางแห่งชาติสหรัฐฯ (CIA) ประสานงานกันอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2564 ว่าจะทำเช่นไรถึงจะไม่เหลือหลักฐานโยงใยมาถึงสหรัฐฯ พร้อมมีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษขึ้นมาดูแลภารกิจนี้ ซึ่งนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ มีส่วนร่วมโดยตรง  …

วิเคราะห์: อาวุธใหม่ ‘จรวดติดจีพีเอส’ จะเปลี่ยนทิศทางสงครามยูเครนอย่างไร?

Loading

    สหรัฐฯ เตรียมจัดส่งความช่วยเหลือทางทหารรอบใหม่ให้แก่ยูเครน ด้วยจรวดที่สามารถโจมตีในระยะไกลลึกเข้าไปในเขตแนวหน้าของรัสเซีย ซึ่งทำให้รัสเซียอาจต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อรับมืออาวุธชนิดใหม่นี้   อาวุธดังกล่าวเรียกว่าระเบิดนำวิถีขนาดเล็กที่ยิงจากภาคพื้นดิน (Ground Launched Small Diameter Bomb) หรือ GLSDB ซึ่งมีระยะยิงได้ไกล 150 กิโลเมตร ไกลกว่าระบบยิงจรวด High Mobility Artillery Rocket System (HIMARS) ของสหรัฐฯ ที่ยูเครนใช้อยู่ในขณะนี้ราวสองเท่า ซึ่งหมายความว่าจะสามารถโจมตีได้ถึงเส้นทางขนส่งเสบียงของกองทัพรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน รวมทั้งบางส่วนของแคว้นไครเมีย     ยูเครนเชื่อว่า อาวุธใหม่นี้จะกดดันให้รัสเซียต้องถอยเส้นทางขนส่งเสบียงไปไกลจากแนวหน้ามากกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้กองทัพรัสเซียอ่อนแอลงและยังเพิ่มความยากลำบากให้แก่รัสเซียในการโจมตีรอบใหม่ด้วย   แอนเดรีย ซาโกรอดเนียค อดีตรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน เชื่อว่า “ระบบยิงจรวดแบบใหม่อาจทำให้การรุกคืบของรัสเซียช้าลงมาก และจะส่งผลกระทบต่อทิศทางของสงครามครั้งนี้ยิ่งกว่าที่ระบบ HIMARS เคยส่งผลมาแล้ว”   GLSDB คือระเบิดนำวิถีแบบร่อนที่ใช้จีพีเอสนำทาง สามารถสั่งการโจมตีเป้าหมายที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น ศูนย์บัญชาการรบ ผลิตโดยบริษัทซาบ เอบี (SAAB AB) และ โบอิ้ง…