ตำรวจแคนาดารวบตัวพนักงานไฮโดร-ควิเบก ฐานจารกรรมข้อมูลลับให้จีน

Loading

  ตำรวจแคนาดาเปิดเผยว่าได้ดำเนินการจับกุมตัวนายหวัง เยว่เซิง พนักงานบริษัทไฮโดร-ควิเบก วัย 35 ปีเมื่อวันจันทร์ (14 พ.ย.) ในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับให้จีน   ทั้งนี้ ตำรวจแคนาดาระบุในแถลงการณ์ว่า นายหวัง ซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ในเมืองมอนทรีออล ได้ขโมยความลับทางการค้า เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นภัยต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของแคนาดา โดยเขามีกำหนดขึ้นศาลพิจารณาคดีในรัฐควิเบกวันนี้   สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายหวังถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 4 กระทง ได้แก่ ขโมยความลับทางการค้า การใช้งานคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงละเมิดความไว้วางใจจากเจ้าหน้าที่รัฐและหลอกลวงเพื่อล้วงความลับทางการค้า โดยผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดทางอาญาระหว่างเดือนก.พ.ปี 2561 – เดือนต.ค. 2565   ด้านไฮโดร-ควิเบกแถลงว่า นายหวังทำงานด้านแบตเตอรีให้กับศูนย์ความเป็นเลิศด้านการขนส่งด้วยไฟฟ้าและกักเก็บพลังงาน (Center of Excellence in Transportation Electrification and Energy Storage – CETEES) ของบริษัท ซึ่งเป็นศูนย์ที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถไฟฟ้า   นายเดวิด โบวดวน เจ้าหน้าที่สืบสวนแคนาดาระบุว่า นายหวังได้ใช้ตำแหน่งในบริษัทไฮโดร-ควิเบก เพื่อจัดทำวิจัยให้กับมหาวิทยาลัยและศูนย์วิจัยอื่น…

เจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษส่งข้อมูลลับให้รัสเซีย อ้างไม่พอใจที่ทำงาน

Loading

  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสถานทูตอังกฤษในกรุงเบอร์ลิน ส่งเอกสารลับให้ทูตทหารรัสเซีย อ้างไม่พอใจในหน้าที่การงาน   เดวิด สมิธ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัย 58 ปีที่ทำงานให้กับสถานทูตอังกฤษในกรุงเบอร์ลิน สารภาพแล้วว่า ได้ก่อคดีจารกรรม โดยส่งเอกสารลับไปให้ พล.อ.เซอร์เกย์ ชูคูรอฟ ทูตทหารรัสเซีย และอาจถูกตัดสินโทษจำคุก 14 ปี   มีรายงานว่า ระหว่างเดือน พ.ค. 2020 ถึง ส.ค. 2021 เขาได้ส่งเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ จำพวกข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และยังมีผังของสถานทูตอังกฤษ ตลอดจนเอกสารลับอื่น ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่รัสเซีย     เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายนี้ถูกส่งตัวกลับมายังสหราชอาณาจักรจากเยอรมนีในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการสอบสวนโดยหน่วยรักษาความปลอดภัยของเยอรมนีและอังกฤษ และได้ข้อสรุปว่า เขาขายข้อมูลให้กับรัสเซียจริง หลังจากที่สายลับ MI5 และหน่วยงานสายลับในยุโรปเฝ้าติดตามพฤติกรรมของเขาเป็นเวลาหลายเดือน   ตำรวจได้บุกเข้าไปในแฟลตของสมิธ และพบว่าเขาได้ถ่ายรูปบัตรพนักงานของเจ้าหน้าที่ในสถานทูต แผนผังองค์กร โปสเตอร์ และกระดานไวต์บอร์ดในสถานทูต และยังได้ถ่ายวิดีโอในสถานทูตโดยเปิดเผยแผนผังบางส่วนของอาคารด้วย   เจ้าหน้าที่ยังพบอีเมลและเอกสารที่ระบุว่า…

รัสเซียขับจนท.กงสุลญี่ปุ่นพ้นประเทศ ชี้จารกรรมข้อมูลลับ โตเกียวยันโต้กลับ

Loading

  รัสเซียขับจนท.กงสุลญี่ปุ่นพ้นประเทศ ชี้จารกรรมข้อมูลลับ โตเกียวยันโต้กลับ   สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 27 กันยายนว่า สำนักงานความมั่นคงรัสเซีย (เอฟเอสบี) กล่าวเมื่อวันที่ 26 กันยายนว่า รัสเซียได้จับกุม นายโมโตกิ ทัตสึโนริ เจ้าหน้าที่กงสุลชาวญี่ปุ่นที่เมืองท่าวลาดิวอสต็อกของรัสเซีย โทษฐานเป็นผู้ต้องสงสัยจารกรรมข้อมูล ซึ่งต่อมาได้ทำการปล่อยตัวและสั่งให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวออกจากประเทศ ขณะที่ทางการที่ญี่ปุ่นออกมาต่อต้านการจับกุมครั้งนี้อย่างแข็งกร้าว   เอฟเอสบีได้ประกาศให้นายทัตสึโนริเป็น “บุคคลที่ไม่พึงปรารถนา” หลังจากถูกจับกุมตัวได้ขณะกำลังจารกรรมข้อมูลลับเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจในรัสเซียตะวันออกไกล ที่เกิดขึ้นจากการคว่ำบาตรของตะวันตก ซึ่งคาดว่านายมัตสึโนะถูกจ้างวานด้วย “เงินรางวัล” ให้ล้วงข้อมูลในครั้งนี้ อีกทั้ง ยังมีรายงานว่ารัสเซียได้ประท้วงการจารกรรมข้อมูลของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นคนนี้ผ่านช่องทางทางการทูตแล้ว   ขณะที่นายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันที่ 27 กันยายนว่า ญี่ปุ่นคัดค้านอย่างรุนแรงต่อการที่รัสเซียจับกุมเจ้าหน้าที่กงสุล ซึ่งญี่ปุ่นออกมาปกป้องว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ว่าเป็น “การกระทำที่คุกคาม” และเป็นการ “ความรุนแรงอย่างชัดเจนที่ล่วงละเมิดต่ออนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต” พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะตอบโต้ปฏิบัติการของรัสเซียครั้งนี้   ท่าทีของมัตสึโนะสอดคล้องกับกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นที่ได้แจ้งกับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโตเกียวว่า ญี่ปุ่นจะดำเนินการต่างตอบแทนที่เท่าเทียมกัน อีกทั้งยังประเทศต้องการคำขอโทษจากรัสเซียด้วย       ———————————————————————————————————————————————- ที่มา :   มติชนออนไลน์ …

แฮ็กเกอร์นำข้อมูลลับทางทหารของโปรตุเกสไปขายบนดาร์กเว็บ

Loading

  ข้อมูลลับที่อ้างว่าถูกแฮ็กไปจากกองบัญชาการทหารโปรตุเกส (Armed Forces General Staff – EMGFA) ถูกนำไปขายในดาร์กเว็บ   EMGFA เพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนแฮ็กไปก็เมื่อแฮ็กเกอร์ได้เผยตัวอย่างของเอกสารที่ขโมยไปได้บนดาร์กเว็บ โดยมีการเสนอขายข้อมูลดังกล่าวต่อผู้ที่สนใจ   เจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ตรวจพบการขายเอกสารดังกล่าวและได้แจ้งเตือนต่อสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส ซึ่งก็ได้เตือนต่อไปยังรัฐบาลโปรตุเกส   เมื่อได้รับการแจ้งเตือนแล้ว สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Office – GNS) และศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของโปรตุเกสได้เข้าตรวจสอบระบบเครือข่ายของ EMGFA ทันที   ทั้งนี้ สำนักข่าวท้องถิ่น Diario de Noticias อ้างว่าได้ตรวจสอบกับแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อซึ่งมีความใกล้ชิดกับกระบวนการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าข้อมูลที่มีการเสนอขายบนดาร์กเว็บนั้นเป็นของจริง   แหล่งข่าวดังกล่าวระบุว่าเอกสารที่หลุดออกมานั้นมีความร้ายแรงสูงมาก การเผยแพร่ออกไปอาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างร้ายแรง โดยอ้างต่อไปว่าแฮกเกอร์ได้ใช้บอตที่มีความสามารถในการตรวจพบเอกสารชนิดนี้ในการแทรกซึมเข้ามาในระบบ อีกทั้งยังเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้เวลานานและไม่สามารถตรวจพบได้   ณ ขณะนี้ ทางรัฐบาลโปรตุเกสยังไม่มีการออกมาแถลงใด ๆ แต่สมาชิกรัฐสภาหลายรายออกมาแสดงความประหลาดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องที่หน่วยงานด้านข่าวกรองไม่สามารถตรวจพบการแฮ็กได้เลย และขอให้ประธานคณะกรรมาธิการทหารของรัฐสภาออกมาดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด     ที่มา Bleeping Computer  …

นาโตสอบสวนเหตุแฮ็กเกอร์ขายข้อมูลลับบริษัทผลิตขีปนาวุธ

Loading

MBDA MISSILE SYSTEMS   องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เปิดการสืบสวนสอบสวนเพื่อประเมินผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลในเอกสารลับด้านการทหารที่แฮ็กเกอร์กลุ่มหนึ่งขโมยไปขายทางออนไลน์   แฮ็กเกอร์กลุ่มดังกล่าวได้ขโมยข้อมูลที่เชื่อมโยงกับบริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ในยุโรป โดยแฟ้มข้อมูลที่อาชญากรกลุ่มนี้นำออกขาย รวมถึงพิมพ์เขียวอาวุธของชาติพันธมิตรนาโตที่ใช้ในสงครามยูเครน   MBDA Missile Systems บริษัทผลิตอาวุธร่วมทุนของหลายชาติในยุโรปยอมรับว่าข้อมูลของบริษัทอยู่ในแฟ้มที่ถูกขโมยไปขาย แต่ระบุว่าสิ่งที่คนร้ายได้ไปไม่ใช่ข้อมูลลับของบริษัท   MBDA ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฝรั่งเศสระบุว่า แฮ็กเกอร์ได้ล้วงข้อมูลดังกล่าวไปจากฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพา และขณะนี้ได้ประสานงานกับทางการอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่เกิดเหตุแล้ว   เชื่อกันว่า การสอบสวนมุ่งเป้าไปยังบริษัทซัพพลายเออร์ ที่ผลิตสินค้าให้ MBDA   โฆษกนาโตระบุในแถลงการณ์ว่า “เรากำลังตรวจสอบการแจ้งเหตุเรื่องข้อมูลที่ถูกขโมยไปจาก MBDA แต่เรายังไม่พบข้อบ่งชี้ใด ๆ ว่าเครือข่ายของนาโตได้รับความเสียหาย”   แฮ็กเกอร์กลุ่มนี้ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในช่องทางบนโลกออนไลน์ทั้งภาษารัสเซียและภาษาอังกฤษได้ประกาศขายแฟ้มข้อมูลดังกล่าวซึ่งมีขนาด 80 กิกะไบต์ ในราคา 15 เหรียญบิทคอยน์ (ราว 756,000 บาท) และอ้างว่าขณะนี้ได้ขายข้อมูลให้ผู้ซื้อนิรนามไปแล้วอย่างน้อย 1 ราย   MBDA MISSILE SYSTEMS ข้อมูลที่ถูกขโมยไปเป็นพิมพ์เขียวอุปกรณ์ของ MBDA…

อังกฤษไฟเขียวส่งผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์รับโทษในสหรัฐฯ

Loading

  อังกฤษไฟเขียวส่งตัวผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ไปดำเนินคดีตามคำขอสหรัฐฯ ฐานจารกรรมข้อมูลลับรัฐบาลไปเปิดโปงต่อสาธารณชน โดยมีเวลา 14 วันให้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว   วันนี้ (18 มิ.ย.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษอนุมัติการส่งตัวจูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ที่เปิดโปงเอกสารลับของรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ไปเข้ารับการไต่สวนคดีความในสหรัฐฯ ตามคำขอของฝั่งสหรัฐฯ หลังจากอัสซานจ์ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำในกรุงลอนดอน และพยายามหลีกเลี่ยงการถูกส่งตัวไปสหรัฐฯ มานานหลายปี   กระทรวงมหาดไทยอังกฤษ ระบุว่า ศาลพิจารณาแล้วว่าการส่งตัวอัสซานจ์ไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ ไม่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน และเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมเมื่ออยู่ในสหรัฐฯ หลังจากก่อนหน้านี้ศาลอังกฤษเคยพิจารณาคัดค้านการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเนื่องจากสภาพจิตใจของอัสซานจ์ย่ำแย่จนเกรงว่าอาจฆ่าตัวตายในเรือนจำที่สหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่การขออุทธรณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา   ทางเว็บไซต์วิกิลีกส์รวมถึงภรรยาของเขายืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ และหากยื่นเรื่องต่อศาลลอนดอนไม่สำเร็จ ครอบครัวของอัสซานจ์อาจยื่นเรื่องต่อศาลสิทธิมนุษยชนของยุโรปต่อไป   สำหรับ อัสซานจ์ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลียถูกทางการสหรัฐฯ ออกหมายจับหลังจากเปิดเผยเอกสารลับเกี่ยวกับสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน เมื่อปี 2553-2554 ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการสังหารพลเรือนจำนวนมากโดยทหารอเมริกันและทหารอิรัก   ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า การเผยแพร่ของข้อมูลดังกล่าวบนวิกิลีกส์ถือเป็นการกระทำอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นอันตรายต่อบุคคลต่าง ๆ     ที่มา : BBC, Reuters, AP    …