ถึงแบนก็ไม่สน นอร์เวย์สร้างเว็บกลาง ให้ส่งข่าวสงครามไปรัสเซีย

Loading

  ในขณะที่สงครามที่ยูเครนกำลังดำนเนินการอยู่ เหมือนทั่วโลกจะเอนเอียงไปทางฝั่งยูเครนมากกว่า สาเหตุน่าจะมาจากเพราะรัสเซียเป็นฝ่ายบุกเข้าไปทำสงครามในยูเครน   และด้วยสถานการณ์ดังกล่าว รัสเซียได้พยายามบล็อคไม่ให้คนในประเทศเข้าถึงข้อมูลในการบุกเข้าไปทำสงครามในยูเครน เพราะกลัวว่าจะเกิดการต่อต้านภายในประเทศ ซึ่งตอนนี้รัสเซียก็โดนคว่ำบาตรในหลาย ๆ เรื่องและทำให้เศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่อย่างมาก   แต่แม้รัสเซียจะพยายามบล็อคแพลทฟอร์มต่าง ๆ พร้อมทั้งออกกฏหมายที่ไม่ให้ประชาชนพูดถึงกรณีการบุกรุกยูเครน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ชาวนอร์เวย์ได้สร้างเว็บไซต์ที่ให้ทุกคนสามารถส่งอีเมลเกี่ยวกับข้อมูลสงครามในยูเครนไปยังที่อยู่อีเมลของคนรัสเซียได้ครั้งละ 150 ที่อยู่ เพื่อให้คนรัสเซียมีโอกาสได้เข้าถึงความจริงที่รัฐบาลของพวกเขาปกปิดไว้   เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นภาษารัสเซีย และมีคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ โดยหนึ่งในเนื้อหาคือ “เพื่อนที่รัก ฉันกำลังเขียนถึงคุณเพื่อแสดงความกังวลต่ออนาคตที่ปลอดภัยของลูกหลานของเราบนโลกใบนี้ ตอนนี้โลกส่วนใหญ่ประณามการรุกรานยูเครนของปูติน”   นอกจากนี้ ยังมีอีเมลฉบับยาวส่งถึงคนรัสเซียเพื่อให้ปฏิเสธสงครามในยูเครนและค้นหาความจริงเกี่ยวกับการบุกรุกจากบริการข่าวที่ไม่ได้มาจากรัฐ   ต้องยอมรับว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่สงครามที่ใช้กำลังทางทหารเพียงอย่างเดียวแล้ว ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าสงครามจะไม่บานปลายจนถึงขั้นใช้อาวุธนิวเคลียร์ และภาวนาให้มันจบไว ๆ ครับ เพราะตอนนี้บ้านเราก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามดังกล่าวแล้ว     ที่มาข้อมูล  https://www.bbc.com/news/technology-60697261       ——————————————————————————————————————————————————- ที่มา :    Techhub             …

รัสเซียมีอาวุธเคมีมากแค่ไหนและใช้กับยูเครนจริงหรือไม่

Loading

    เป็นอีกครั้งที่ฝ่ายตะวันตกชี้ว่ารัสเซียใช้อาวุธที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากที่รัสเซียอ้างว่าพบสหรัฐช่วยเหลือยูเครนพัฒนาอาวุธชีวภาพ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีหลังจากการรุกรานยูเครน และการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นอาชญากรรมสงคราม ตามการสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เยอรมัน Welt am Sonntag   ข้อกล่าวหาของ NATO “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้ยินคำกล่าวอ้างที่ไร้สาระเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ” สโตลเทนเบิร์กกล่าวในการรายงานโดยสื่อเยอรมัน Welt am Sonntag พร้อมเสริมว่ารัสเซียกำลังประดิษฐ์ข้ออ้างเท็จเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้   “ตอนนี้ที่มีการกล่าวอ้างเท็จเหล่านี้แล้ว เราต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพราะเป็นไปได้ว่ารัสเซียเองก็สามารถวางแผนปฏิบัติการอาวุธเคมีภายใต้การหลอกลวงนี้ได้ นั่นจะเป็นอาชญากรรมสงคราม” สโตลเทนเบิร์กกล่าว   เขาเสริมว่าแม้ว่าชาวยูเครนจะต่อต้านการรุกรานของรัสเซียด้วยความกล้าหาญ แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้ามีแนวโน้มที่เกิดความยากลำบากมากยิ่งขึ้น   อาวุธเคมีใช้สารที่เป็นอันตรายได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้บาดเจ็บ ทำให้ไร้ความสามารถ หรือฆ่ากองกำลังของฝ่ายตรงข้าม หรือสกัดกั้นการใช้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง   ทั้งนี้ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (1992) มีผลผูกพันทางกฎหมาย ห้ามทั่วโลกในการผลิต กักตุน และใช้อาวุธเคมีและสารตั้งต้น อย่างไรก็ตาม อาวุธเคมีจำนวนมากยังคงมีอยู่ โดยปกติแล้วจะเป็นการป้องกันไว้ก่อนที่อาจเป็นไปได้โดยผู้รุกราน     รัสเซียมีอาวุธเคมีหรือไม่? รัสเซียเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (CWC) พร้อมประกาศว่ามีคลังอาวุธเคมีที่ใหญ่ที่สุด…

เจาะรถประจำตำแหน่งคันใหม่ของ วลาดีเมียร์ ปูติน

Loading

  รถยนต์ประจำตำแหน่งของผู้นำระดับสูงที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะต้องเป็นยานพาหนะที่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง ศัตรูที่หมายปองจ้องทำลายล้าง ทำให้รถยนต์ของผู้นำในทุกวันนี้ต้องหุ้มเกราะพร้อมกระจกกันอาวุธสงครามแบบจัดเต็ม รถยนต์แบรนด์ Aurus Senat หรือ Cortege Limousine ผลิตในรัสเซีย กลายเป็นยานพาหนะหรูหุ้มเกราะกันทั้งระเบิดและกระสุนปืนเจาะเกราะ   นี่คือรถประจำตำแหน่งคันใหม่ของ วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย รถ Cortege Limousine คันใหม่ เข้ามารับหน้าที่ต่อจาก Mercedes-Benz S 600 Guard Pullman โดยมีระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีไฮเทคอื่นๆ อีกเพียบ ไม่น้อยหน้ารถของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แม้แต่น้อย       Aurus Senat เป็นแบรนด์รถลีมูซีนที่มีการติดตั้งระบบป้องกันอาวุธหนักของรัสเซีย ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษตามคำสั่งของปูติน มิติตัวถังของ Cortege Limousine มีความยาว 6,620 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,695 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ…

Cheget กระเป๋าสั่งยิงนิวเคลียร์ที่อยู่กับปูตินทุกที่

Loading

  ปูตินมีกระเป๋าสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ติดตัวไปด้วยทุกที่ โดยเรียกกระเป๋านี้ว่า เชเกต (Cheget) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบอัตโนมัติสำหรับการสั่งการและควบคุมกองกำลังนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย (SNF) โดยพัฒนาขึ้นในช่วงรัฐบาล ยูริ อันโดรปอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตในช่วงต้นทศวรรษ 1980   แต่กว่าจะนำมาใช้จริงๆ ก็ในสมัยที่ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตเมื่อเดือน มี.ค. 1985   ชีเกตจะเชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารพิเศษที่มีโค้ดเนมว่า กัฟกัซ (Kavkaz ซึ่งเป็นชื่อท้องถิ่นของภูมิภาคคอเคซัส) ซึ่ง สนับสนุนการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลในขณะที่พวกเขากำลังตัดสินใจว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือไม่   ต่อไปนี้คือขั้นตอนการยิงอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย     ใครมีสิทธิ์ตัดสินใจสั่งยิง   เอกสารเมื่อปี 2020 ฉบับหนึ่งที่ชื่อว่า “หลักการพื้นฐานของนโยบายรัฐของสหพันธรัฐรัสเซียเกี่ยวกับการยับยั้งนิวเคลียร์” ระบุว่า ประธานาธิบดีรัสเซียมีอำนาจตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยตัวกระเป๋าชีเกตเองนั้นไม่ได้ติดตั้งปุ่มสั่งยิง เพียงแต่ส่งคำสั่งยิงไปยังหน่วยบัญชาการทหารส่วนกลาง นั่นคือเสนาธิการ   ส่วนอีก 2 คนที่มีกระเป๋าชีเกตคือ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและเสนาธิการเช่นเดียวกับในสมัยโซเวียต     ถ้าปูตินสั่งยิงจะเกิดอะไรขึ้น   เสนาธิการรัสเซียเป็นผู้ถือรหัสสั่งยิงและมี 2 วิธีในการปล่อยหัวรบนิวเคลียร์คือ 1.ส่งรหัสไปยังผู้สั่งการอาวุธแต่ละคน…

รัสเซีย สั่งแบนแอป Walkie-Talkie Zello

Loading

  แอป Walkie-Talkie ของ Zello กลายเป็นแอปล่าสุดที่ถูกทางการรัสเซียสั่งแบน เพื่อหยุดส่งข้อความที่มีข้อมูลเท็จถึงผู้ใช้งาน เกี่ยวกับการรุกรานของยูเครน สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 6 มีนาคม 2565 ทางหน่วยงานกำกับดูแลด้านโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมวลชนของสหพันธรัฐรัสเซีย หรือที่รู้จักกันในนาม Roskomnadzor มีประกาศคำสั่งห้าม Zello ให้หยุดบริการส่งข้อความถึงผู้ใช้งาน เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เกี่ยวกับการรุกรานของยูเครน ประกาศของ Roskomnadzor ยังมีเนื้อหาสาระสำคัญทางด้านกฏหมาย ที่ทาง Zollo มีการบริหารทรัพยากรอินเตอร์เน็ตไม่ได้ปฏิบัติให้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่มีการระบุเอาไว้ ซึ่งจะทำให้การเข้าถึงแอป Zollo ภายในรัสเซีย จะถูกจำกัดลง ซึ่งจะมีผลทันทีภายใน 24 ชั่วโมงหลังการประกาศ เมื่อวันศุกร์ก่อนการประกาศสั่งแบน Zello ทาง Roskomnadzor ได้มีประกาศว่าจะทำการบล็อกการเข้าถึง Facebook โดยได้กล่าวหาตามข้อเท็จจริงว่า บริษัทด้านโซเชียลยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เลือกปฏิบัติต่อสื่อและแหล่งข่าวของรัสเซีย โดยจะเป็นการ “ลดระดับ” เนื้อหาจากสื่อที่รัสเซียหนุนหลังอยู่บน Facebook และ Instagram เพื่อให้พลเรือนในรัสเซียเห็นเนื้อหาบางอย่างได้ยากขึ้น นอกจากนี้ BBC…

ทำไมรัสเซียเล่นเกมเสี่ยง ยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่สุดในยุโรปของยูเครน

Loading

  – รัสเซียบุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ซึ่งถือเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่สุดในยุโรป จนถูกประณามอย่างหนัก หวั่นวิตกจะก่อให้เกิดความเสียหายจนสารกัมมันตรังสีรั่วไหล ซ้ำรอยหายนะภัยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล – ผู้เชี่ยวชาญชี้ รัสเซียบุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ถือเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เพื่อหวังควบคุมพลังงานไฟฟ้าในยูเครน ส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ หลังรัสเซียเปิดฉากทำสงครามในยูเครน บุกโจมตีอย่างหนักหน่วงตั้งแต่ 24 ก.พ.65 – หวั่นหากมีกระสุนปืนใหญ่สักลูกตกใส่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อาจทำให้เกิดความเสียหายจนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลาย สารกัมมันตรังสีรั่วไหล เตือนไม่ควรใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ให้กลายเป็นสมรภูมิรบ และแล้ว รัสเซียก็เรียกเสียงประณามลั่นโลกอีกครั้ง จากการโจมตีและบุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ได้สำเร็จเมื่อ 5 มี.ค.65 หลังจากทำสงคราม ส่งทหารบุกโจมตียูเครนอย่างดุเดือด เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยุโรป ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นที่อาคารศูนย์ฝึกภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ หลังจากเบื้องต้น มีการเข้าใจกันว่า บริเวณที่เกิดไฟไหม้ คือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 1 ใน 6 เตาที่อยู่ระหว่างการซ่อมแซม ทำให้นานาประเทศทั่วโลกหวั่นวิตกว่าจะเกิดภัยพิบัติซ้ำรอยโศกนาฏกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลระเบิด จนสารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกมาในปี 1986 โชคยังดีที่การปะทะกันระหว่างทหารรัสเซียกับยูเครนเกิดขึ้นบริเวณใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย และไม่ได้เกิดไฟไหม้ที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ในขณะที่ ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ระบุว่า ไม่พบความผิดปกติของระดับกัมมันตรังสีในบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชีย แน่นอนว่า คำถามที่ตามมาก็คือ…