IOS ร่างมาตรฐานกลางสำหรับผู้ใช้โดรนทั่วโลก

Loading

มาแล้วกับความพยามยามสร้างมาตรฐานกลางผู้ใช้โดรนที่ทั่วโลกยอมรับตรงกัน โดยเปิดให้แสดงความคิดเห็นก่อนนำไปปรับปรุงและประกาศใช้ภายในปี 2019 ตอนนี้มีผู้โดรนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทั่วโลกแต่สิ่งที่โตตามไม่ทันก็คือกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ที่เรียกว่าแต่ละประเทศนั้นก็ต่างกันไปตามวิจารณญาณของแต่ละพื้นที่ประเทศ ยังไม่มีใครกำหนดมาตรฐานกลางสากลที่ทุกคนบังคับใช้ตรงกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ไทยห้ามบินในรัศมี 19 กิโลเมตรรอบสนามบิน แต่ในอังกฤษห้ามบินแค่ในระยะ 1 กิโลเมตรรอบสนามบินเท่านั้น เพื่อให้ผู้ใช้โดรนมีมาตรฐานเดียวกัน ทางองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization : IOS) ได้ปล่อยร่างแนวทางแรกออกมาเพื่อสร้างมาตรฐานสากลสำหรับการใช้งานทั่วโลก โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้ผลิตโดรนก่อน ร่างมาตรฐานแรกจะมีการพูดถึงเขตห้ามบินโดรน (no-fly zones) รอบสนามบินและพื้นที่หวงห้ามต่าง ๆ  ด้วยการใช้มาตรการ geofencing หรือใช้ข้อมูลพิกัด ทำเป็นรั้วที่ตาเรามองไม่เห็น ป้องกันไม่ให้โดรนบินเข้าไปในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว นอกจากนั้นยังมีมาตรฐานสำหรับผู้ให้บริการโดรนในเรื่องของการเคารพความเป็นส่วนตัวและการแทรกแซงของคนที่อาจทำให้เครื่องตกได้ ทาง IOS แนะนำว่าควรจะเพิ่มการฝึกอบรมการใช้งาน, เก็บ flight logging , มาตรฐานการซ่อมบำรุงและดูแลรักษา รวมถึงกฎในการรักษาและปกป้องข้อมูล การปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรฐานนี้จะเปิดกว้างให้เสนอความคิดเห็นจนถึง 21 มกราคมปีหน้า จากนั้นก็จะหาข้อสรุปแล้วเริ่มนำมาบังคับใช้ภายในปี 2019 แม้ว่ากฎนี้ยังไม่ได้เป็นกฎแบบเป็นทางการ ทาง ISO หวังว่าน่าจะเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ผลิตและผู้ให้บริการโดรนทั่วโลก ส่วนร่างมาตรฐานต่อไปจะลงลึกในรายละเอียดของเรื่องเชิงเทคนิค…

ถูกนำตัวออกจากเครื่องบินเพราะกินยานอนหลับ

Loading

ชายชาวแคนาดาถูกนำตัวลงจากเที่ยวบินจากแคนาดาไปยังคิวบา ขณะจอดแวะพักที่สนามบินกลางทางที่เมืองโตรอนโต ด้วยเหตุที่เขากินยานอนหลับระหว่างรอเดินทางต่อ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ต.ค. บนเครื่องบินของสายการบินเวสต์เจ็ต นายสตีเฟน เบนเนทท์ ชาวเมืองบริติชโคลัมเบียของแคนาดา อยู่ระหว่างกำลังเดินทางไปคิวบา พร้อมด้วยภรรยาและลูกชาย ได้เปิดเผยว่า ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อหนึ่งในลูกเรือพยายามจะปลุกเขาให้ตื่นก่อนเครื่องจะทะยานขึ้น เขาถูกนำตัวออกจากเที่ยวบินและไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาโดยสารบนเที่ยวบินนั้นต่อ แม้แพทย์ประจำตัวที่สั่งยาจะอีเมลคำอธิบายเพื่อยืนยันความพร้อมของสุขภาพ อีกทั้งหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินของสนามบินจะประเมินแล้วว่าเขาเดินทางต่อได้ นายเบนเนทท์ซึ่งเพิ่งฟื้นตัวจากอาการโรคหลอดเลือดในสมอง บอกอีกว่า เขาไม่ได้นอนมาเลยในช่วงเที่ยวบินกลางคืนที่เดินทางมาจากเมืองบริติชโคลัมเบีย จึงกินยานอนหลับ ซึ่งมีใบสั่งยาจากแพทย์ ก่อนที่จะเดินทางต่อเครื่อง หลังจากนั้นเขาเริ่มง่วงในแทบจะทันที ก่อนจำได้ว่าสะดุ้งตื่นจากการกระทุ้งตัวของภรรยา และพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบอกว่า เขาต้องออกจากเครื่องบิน เพราะสภาพของเขาอยู่ในภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ พนักงานสายการบินได้เรียกรถกู้ชีพฉุกเฉินและนำตัวนายเบนเนทท์ออกจากห้องโดยสารโดยพานั่งวีลแชร์ออกไป หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่หน้าหน่วยกู้ชีพได้ตรวจร่างกายและแจ้งกับพนักงานสายการบินว่า ร่างกายของนายเบนเนทท์แข็งแรงดี อวัยวะสำคัญของร่างกายไม่มีปัญหาและสามารถเดินทางได้ แต่ทั้งหมดก็ไม่เป็นผล เขาบอกอีกว่า แพทย์ประจำตัวที่สั่งยานอนหลับได้เขียนรับรองมาทางอีเมล ว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้ “เป็นเรื่องน่าอายมาก… เรื่องนี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทำตัวราวว่าเป็นผู้พิพากษา คณะลูกขุน และเพชฌฆาตในคราวเดียวกัน” ด้านสายการบินเวสต์เจตต์ ชี้แจงว่า ไม่สามารถให้รายละเอียดและความเห็นเกี่ยวกับกรณีของนายเบนเนทท์เป็นการเฉพาะได้ เนื่องจากนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร อย่างไรก็ตาม สายการบินเวสต์เจ็ต ระบุว่า ในกรณีเช่นนี้ หากลูกเรือเห็นว่าผู้โดยสารรายใด มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าสภาพร่างกายไม่พร้อมที่จะโดยสาร ผู้โดยสารรายนั้นจะถูกเชิญออกจากเที่ยวบินด้วยความระมัดระวัง “กรณีที่มีการเชิญตัวผู้โดยสารออกยังรวมถึง ผู้โดยสารที่สภาพร่างกายสูญเสียสมรรถภาพจากการใช้ยาเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์” สายการบินเวสต์เจ็ต ระบุว่า…