ก่อการร้ายเขย่ากรุงเวียนนาของออสเตรีย : ใครทำ?

Loading

ที่มาภาพ: https://www.bbc.com/news/world-europe-54798508 Written by Kim หลายชั่วโมงก่อนที่ออสเตรียจะปิดเมือง (lockdown) อีกครั้ง เพื่อสะกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2020 ได้เกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงเวียนนา โดยที่เกิดเหตุหลายแห่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ขณะที่ผู้นำยุโรปรวมทั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษบอริส จอห์นสันและประธานาธิบดีฝรั่งเศสเอ็มมานูเอล มาครงร่วมประณามการโจมตีดังกล่าว ซึ่งแสดงเครื่องหมายการก่อการร้ายของ ISIS ที่คล้ายคลึงกับปฏิบัติการโจมตีกรุงปารีส (พฤศจิกายน 2015) และกรุงบรัสเซลส์ (มีนาคม 2016)[1]           การโจมตีแบบประสานงานของผู้ก่อการร้าย (ไม่ทราบจำนวน) ใช้อาวุธปืนไรเฟิลและปืนพกกราดยิง 6 จุดในกรุงเวียนนาเมื่อ 20.00 น. ของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2020 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน (ชาย 2 หญิง 2) บาดเจ็บมากกว่า 15 คน (มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงคนร้ายเสียชีวิต 1 คน) ทางการออสเตรียระบุว่า เหตุดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย ขณะที่ข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์รวมถึงการจับตัวประกันที่โรงแรมฮิลตันและร้านซูชิญี่ปุ่นสถานที่เกิดเหตุทั้ง 6 แห่งยังคงอยู่ภายใต้การตรวจสอบของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ทางการออสเตรียเตือนให้ประชาชน (พลเรือน) หลีกเลี่ยงการเดินทางใจกลางกรุงเวียนนา โดยเฉพาะสถานีขนส่งสาธารณะ เนื่องจากหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายได้เปิดปฏิบัติการรักษาความมั่นคงขนาดใหญ่ เพื่อพิสูจน์ทราบและกักตัวผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย มีการปิดกั้นพื้นที่สถานบันเทิง ธุรกิจและถนนรอบเมือง รถยนต์กู้ภัยฉุกเฉินมุ่งสู่ถนนใจกลางกรุงเวียนนาซึ่งเป็นทางสัญจรหลักที่มีบาร์และร้านอาหารจำนวนมาก…

มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ผู้นำเอธิโอเปียประกาศสงครามกับภูมิภาคไทเกรย์

Loading

นายกรัฐมนตรี อาบีย์ อาห์เหม็ด แห่งเอธิโอเปีย ประกาศสงครามกับภูมิภาค ไทเกรย์ ทางตอนเหนือของประเทศ จนเกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงกับกลุ่ม TPLF ที่ปกครองดินแดนแห่งนี้อยู่ ชนวนของสงครามครั้งนี้เริ่มขึ้นมานานหลายปี และค่อยๆ สะสมมาเรื่อยๆ จนถึงขีดสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และลุกลามกลายเป็นหนึ่งในวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ การต่อสู้ในภูมิภาคไทเกรย์อาจบานปลาย ทำให้ความขัดแย้งลุกลามไปทั่วประเทศ และอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วภูมิภาคแหลมแอฟริกา ทหารจากภูมิภาคอัมฮารา ถูกส่งเข้าไปเผชิญหน้ากับกลุ่มกำลังของ TPLF เมื่อ 9 พ.ย. 2563 กลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก เมื่อนายกรัฐมนตรี อาบีย์ อาห์เหม็ด ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพไปเมื่อปีที่แล้ว ประกาศสงครามกับภูมิภาคไทเกรย์ ดินแดนกึ่งปกครองตนเองในภาคเหนือของประเทศ อย่างไม่มีใครคาดคิด เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2563 สงครามครั้งนี้มีชนวนเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม ‘แนวหน้าปลดปล่อยประชาชนไทเกรย์’ (TPLF) ซึ่งปกครองไทเกรย์ และเคยเป็นสมาชิกสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาลเอธิโอเปียมานานหลายทศวรรษ กับรัฐบาลของนายกฯ อาบีย์ ที่คุกรุ่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะปะทุขึ้นเมื่อไทเกรย์ขัดคำสั่งรัฐบาลกลางและจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี อาบีย์ สั่งให้กองทัพออกปฏิบัติการโจมตีในภูมิภาคไทเกรย์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีที่ฐานทัพแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย รวมทั้งทรัพย์สินของกองทัพได้รับความเสียหาย โดยเขาโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่ม TPLF เอธิโอเปียมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร…

ประเมินภัยคุกคามบ้านเกิด: ส่องแนวโน้มอันตรายของประเทศ

Loading

ที่มาภาพ: https://www.crisisgroup.org/united-states/too-much-lose-steering-us-away-election-related-violence Written by Kim กระทรวงความมั่นคงแห่งบ้านเกิด (Department of Homeland Security – DHS) สหรัฐฯ เปิดเผยรายงานการประเมินภัยคุกคามบ้านเกิดฉบับปฐมฤกษ์เมื่อต้นตุลาคม 2020 โดยเน้นย้ำว่า รัสเซียและจีนกำลังใช้เครื่องมือทางไซเบอร์และสื่อสังคม (social media) ทำลายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ขณะที่ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actor) เช่น กลุ่มคนขาวผู้สูงส่ง (white supremacists) และ neo-Nazis รวมทั้งพวกขวาจัดอื่น ๆ เป็นภัยคุกคามบ้านเกิด DHS ประเมินด้วยว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) และ al-Qaeda ยังคงมุ่งหมายที่จะโจมตีสหรัฐฯในดินแดนบ้านเกิด แต่ความสามารถในการปฏิบัติการของกลุ่มดังกล่าวลดลงอย่างมาก[1]           เมื่อ 6 ตุลาคม 2020 DHS ได้เปิดตัวรายงานประเมินภัยคุกคคามบ้านเกิด (Homeland Threat Assessment – HTA)[2] เป็นครั้งแรกรวม 7 ด้าน ได้แก่ ไซเบอร์ อิทธิพลจากต่างประเทศ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การก่อการร้าย องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายและภัยพิบัติธรรมชาติ สาระสำคัญส่วนใหญ่เป็นการตรวจสอบภัยคุกคามบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและไม่เข้าข้างฝ่ายใด…

ความผิดปกติของข่าวสาร (information disorder) ขณะที่การเมืองไม่ปกติ

Loading

ที่มาภาพ: https://medium.com/@dr.vossdaniel/5-tips-to-look-after-your-mental-health-during-the-time-of-covid19-4febe2cf2753 Written by Kim ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรามักได้ยินคำว่า “ข่าวปลอม” หรือ “สื่อปลอม” อยู่เสมอ ข่าวปลอมเป็นปรากฏการณ์ที่ได้ยินมากในยุคการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต แต่อันที่จริงเนื้อหาที่แสดงความคิดเห็นชวนให้เชื่อจนเกินข้อเท็จจริง เกิดขึ้นมาก่อนยุคอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู โดยมีคำเรียกสื่อประเภทนี้ว่า สื่อเหลือง (เพราะแต่ก่อน หนังสือพิมพ์แนวใส่สีตีไข่นิยมใช้สีเหลืองสีพิมพ์)[1] ขณะเดียวกันก็อาจได้ยินคำว่า ข้อมูลเท็จ (False information) ข้อมูลที่ผิด (Misinformation) และข้อมูลบิดเบือน (Disinformation) ทั้งหมดนี้หมายถึงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (incorrect)[2]           คำสัญญาของยุคดิจิทัลสนับสนุนให้เราเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเป็นไปในทางบวกเมื่อเราอยู่ในชุมชนที่มีการเชื่อมต่อสูงสุด เราสามารถหาข้อมูลที่จำเป็นโดยการคลิกหรือปัดหน้าจอ ความเชื่อดังกล่าวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเรายอมรับว่าระบบนิเวศน์ข้อมูลของเราตกอยู่ในอันตรายของมลพิษซึ่งแบ่งแยกเรามากกว่าการเชื่อมต่อกัน Clare Wardle แห่ง First Draft ได้เขียนบทความเกี่ยวกับความไม่ปกติของข่าวสาร (ข้อมูล) ซึ่งถูกปรับใช้เป็นอาวุธ (weaponisation) มากขึ้น หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2016 โดยจัดแบ่งข้อมูลข่าวสารออกเป็น 3 ประเภท[3]           ข้อมูลที่ผิด (misinformation) คือ ข่าวสารที่ปลอมขึ้นมาหรือเนื้อหาเป็นเท็จ (False information) แต่บุคคลที่เผยแพร่ (agent) เชื่อว่าเป็นจริง ข้อมูลประเภทนี้มักถูกเผยแพร่โดยไม่ตั้งใจ (inadvertent) เช่น เราอ่านข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตหรือในไลน์ระบุว่า ชอคโกแลตทำให้คนเราฉลาดขึ้น (น่าขัน) แต่ก็ตัดสินใจแชร์ (ข้อมูลผิด) โดยไม่รู้ว่าเป็นข้อมูลผิด แสดงว่าเราได้แชร์ข้อมูลที่ผิดไปแล้ว ข้อมูลที่ผิดขับเคลื่อนโดยปัจจัยทางจิตวิทยาสังคม บนสังคมออนไลน์ผู้คนแสดงอัตลักษณ์เพราะต้องการรู้สึกเชื่อมต่อกับเผ่า (tribe) พวกของตน           ข้อมูลบิดเบือน (dis-information) คือ ข่าวสารที่มีเนื้อหาเป็นเท็จ  ถูกบิดเบือนและคนที่เผยแพร่ก็รู้ว่าไม่เป็นจริง มีเจตนาโกหก (ออกแบบมาโดยมีเจตนาร้าย) เป้าหมายคือ…

Telegram คืออะไร ปลอดภัยแค่ไหน มีอะไรเด่น

Loading

ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันส่งข้อความให้เลือกใช้หลายแอป ไม่ว่าจะเป็นแอปยอดฮิตในไทยอย่าง LINE แอปสากลอย่าง WhatsApp หรือแอปสายจีนอย่าง WeChat และอีกแอปหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ใครก็คือ Telegram Telegram คืออะไร Telegram เป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความที่ก่อตั้งโดยสองพี่น้องชาวรัสเซีย ชื่อ Pavel Durov และ Nikolai Durov ในปี 2013 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้กำเนิด “VK” เครือข่ายสังคมออนไลน์สัญชาติรัสเซียมาแล้ว ด้านโมเดลธุรกิจ Telegram เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้ฟรี 100 เปอร์เซ็นต์โดยไม่มีทางเลือกให้ต้องจ่ายค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น โดยมี Pavel เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนจำนวนมหาศาล Telegram ให้ข้อมูลว่าเงินจำนวนนี้ยังเพียงพอ แต่หากประสบปัญหาในอนาคตก็อาจเพิ่มทางเลือกแบบเสียเงินเข้ามา อย่างไรก็ตาม Telegram จะไม่พุ่งเป้าที่การแสวงผลกำไร เมื่อเดือนเมษายน 2563 Telegram มีผู้ใช้ต่อเดือนอยู่ที่ 400 ล้านคน มีผู้ใช้ใหม่อย่างต่ำ 1.5 ล้านคนต่อวัน และมีสติ๊กเกอร์ให้ใช้งานกว่า 2 แสนชุด Telegram ปลอดภัยแค่ไหน Telegram โฆษณาตัวเองว่ามีความปลอดภัยกว่าแอปพลิเคชันกระแสหลักอย่าง…

คิมบีบน้ำตาจระเข้ จัดพาเหรดโชว์โคตรมิสไซล์ ส่งข้อความถึงสหรัฐฯ-เกาหลีใต้

Loading

สัญญาณแห่งความหวัง หรือภัยคุกคาม เกาหลีเหนือจัดงานฉลองวันครบรอบ 75 ปี การก่อตั้งพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ต.ค. 2563 แต่การจัดงานครั้งนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ เช่น พิธีถูกจัดขึ้นในช่วงเช้ามืดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือประชาชนทั่วไปที่มาร่วมงานมีจำนวนไม่มากเท่าเมื่อก่อนที่จะมากันหนาแน่นกว่านี้ ด้าน คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดรุนแรงเรื่อง ยุติการระงับการทดลองขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธนิวเคลียร์ตามข้อตกลงที่ทำไว้กับสหรัฐฯ ที่เขาพูดและแสดงออกตลอดช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่กล่าวคำพูดเชิงเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ว่า ต้องการให้เกาหลีทั้งสองจับมือกันอีกครั้ง หลังจากวิกฤติโควิดผ่านพ้นไปแล้ว สุนทรพจน์ของ คิม จอง-อึน เหมือนเป็นสัญญาณที่ดีว่า เกาหลีเหนือต้องการผูกมิตร แต่ทว่า ขบวนพาเหรดของกองทัพที่จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ภายในงาน กลับส่งสัญญาณที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงออกมา โดยเกาหลีเหนือเปิดตัวทั้ง ทหารพร้อมปืนจู่โจมรุ่นใหม่ ระบบป้องกันอากาศยาน, ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) รุ่นใหม่, รถหุ้มเกราะ และขีปนาวุธชนิดยิงจากเรือดำน้ำชื่อ ‘ปุกกุกซอง 4เอ’ แต่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ขนาดยักษ์รุ่นใหม่ ที่มีการเปิดเผยชื่อในภายหลังว่า ‘ฮวาราง-16’ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการส่งข้อความโดยตรงถึงสหรัฐฯ ในขณะที่ทั้งสองฝ่าย ยังไม่สามารถฝ่าทางตันในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีใต้…