“บล็อกเชน” ป้องกันการโกงเลือกตั้งได้จริงหรือ!?”

Loading

  “การเลือกตั้ง” นั้นเป็นหนึ่งในกระบวนการในระบบประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ประชาชนนั้นสามารถมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศด้วยการเข้าคูหาเพื่อเลือกตัวแทนเข้าสู่สภา ซึ่งทำให้การเลือกตั้งกลายเป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยรอคอยและคาดหวังว่าจะเห็นประเทศไปในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเราจะได้เห็นข้อครหารวมไปถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งล่วงหน้าจนก่อให้เกิดการล่ารายชื่อถอนถอน กกต. เลยทีเดียว   ซึ่งเหตุการณ์ความไม่พอใจในลักษณะนี้รวมไปถึงความผิดพลาดในการทำงานที่เกิดขึ้นจริงนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เป็นการเกิดขึ้นซ้ำ ๆ มาหลายครั้งและในแต่ละกรณีก็มีความละเอียดอ่อนไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดแนวคิดว่าหากเรานำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาบริหารและจัดการในระบอบการเลือกตั้งจะแก้ปัญหาได้หรือไม่!?   นายพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน (CIO) บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของไทยภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นถึงการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ รวมถึงประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้   การเลือกตั้งด้วยระบบ Blockchain จะแก้ปัญหาได้หรือเปล่า?   เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) นั้นเป็นระบบฐานข้อมูลที่ไม่สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้ทำให้มันดูเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีประเทศไหนบนโลกที่ทำการเลือกตั้งสาธารณะด้วยระบบ Blockchain หรือแม้แต่ระบบดิจิทัลทั่วไปเลย   สาเหตุสำคัญคือในกระบวนการเลือกตั้งนั้นมีหลายองค์ประกอบมาก การใช้ระบบ Digital หรือแม้แต่ Blockchain นั้นเป็นการแก้ไขปัญหาได้เพียงบางส่วนเท่านั้นเช่นการแก้ปัญหาด้าน Software แต่ในกระบวนการเลือกตั้งนั้นยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีก  …

สังคมโลก : สวิสการ์ด

Loading

  นอกจากต้องใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ในการสวมใส่เครื่องแบบหลากสีสันของ “สวิสการ์ด” หรือ กองกำลังทหารรักษาการณ์แห่งนครรัฐวาติกัน ทหารนายใหม่ต่างพบในไม่ช้าว่า พวกเขาไม่สามารถใส่ชุดเกราะที่มีน้ำหนักรวม 15 กิโลกรัม ได้ด้วยตัวเอง   เจเรมีและพอล ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยนามสกุลได้ เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย จะเข้าพิธีสาบานตน และเข้าร่วมองค์กรเก่าแก่อันทรงเกียรติ ซึ่งมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยแก่สมเด็จพระสันตะปาปา ปัจจุบัน นครรัฐวาติกันมีสวิสการ์ดอย่างน้อย 125 นาย   สมเด็จพระสันตะปาปายูลิอุสที่ 2 ก่อตั้งสวิสการ์ด เมื่อปี 2049 ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา จากเครื่องแบบลายแถบสีน้ำเงิน, สีเหลือง และสีแดง แต่ในสามเหตุการณ์สำคัญประจำปีสำหรับคริสตจักร ได้แก่ เทศกาลคริสต์มาส, เทศกาลอีสเตอร์ และพิธีสาบานตน พวกเขาจะสวมใส่ชุดเกราะหนักที่แวววาว   ห่างไปเพียงไม่กี่เมตร ในลานที่ประดับด้วยธงของ 26 รัฐของสวิตเซอร์แลนด์ พอลอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ ที่กำลังซ้อมพิธีสาบานตนเหมือนกับคนอื่น ๆ หลังผ่านการฝึกภาคปฏิบัติเป็นเวลา 1 เดือน ในสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนเข้ารับการฝึกอีกครั้งที่วาติกัน  …

ทำไม ‘กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า’ เป็นสิ่งต้องห้ามของบางสายการบิน

Loading

    ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะ “กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะ” ที่สามารถเคลื่อนที่เองได้เพื่อลดภาระ และช่วยทุ่นแรงให้ผู้ใช้งานในการลากกระเป๋าเดินทาง แต่เริ่มมีบางสายการบินห้ามใช้กระเป๋าดังกล่าวแล้ว   Key Points:   -แม้ว่ากระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะ จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่มีบางสายการบินที่ห้ามนำขึ้นเครื่อง   -แบตเตอรี่ลิเทียมคือส่วนประกอบสำคัญของกระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะ แต่อาจเกิดอันตรายได้เมื่อนำขึ้นเครื่อง   -รู้หรือไม่? กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นใหม่บางรุ่น สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ หากถอดแบตเตอรี่ออกจากกระเป๋าแล้ว   “กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะ” หรือ “กระเป๋าขี่ได้” (Smart Baggage) กำลังได้รับความนิยมจากนักเดินทางและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยลดความเมื่อยล้าจากการลากกระเป๋าหนักๆ หรือการหอบหิ้วสัมภาระหลายชิ้นในการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินภายในสนามบินที่ต้องเดินไกลจากจุดให้บริการต่างๆ ในสนามบิน ไปจนถึงประตูทางออกขึ้นเครื่อง (Gate) โดยกระเป๋าดังกล่าวถูกออกแบบมาให้เคลื่อนที่ตามเจ้าของ ซึ่งทำงานด้วยแบตเตอรี่จากการชาร์จไฟฟ้า   แม้ว่ากระเป๋าดังกล่าวจะได้รับความนิยมในกลุ่มนักเดินทางเป็นอย่างมาก แต่ก็มีบางสายการบินที่ออกมาประกาศว่า กระเป๋าเดินทางไฟฟ้าอัจฉริยะ บางรุ่นไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ เพราะมีแบตเตอรี่ในตัว โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้ “แบตเตอรี่ลิเทียม” ที่ไม่สามารถถอดแยกออกจากตัวกระเป๋าได้ เนื่องจากอาจเกิดระเบิดและเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารและลูกเรือได้   สำหรับ “แบตเตอรี่ลิเทียม” เป็นแบตเตอรี่คุณภาพสูง มีพลังงานไฟฟ้าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง…

ปั้นแผน “คลาวด์รัฐ” วางงบ 2,200 ล้านบาท

Loading

  สดช.ลุยจัดระเบียบพื้นที่จีดีซีซี ระบุหน่วยงานรัฐใดไม่เคยใช้งานนาน 3 เดือน ต้องถูกเวนคืน หลังปูทางให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมชงของบครม.กว่า 2,200 ล้านบาทต่อปี   นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เปิดเผยว่า แผนงานโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ หรือ จีดีซีซี ปี 2566-2568 ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไปแล้ว โดยจะให้บริการกับหน่วยงานรัฐประมาณ 25,000 วีเอ็ม ใช้งบประมาณปีละ 2,200 ล้านบาท แต่ทางสำนักฯ งบประมาณ ได้จัดสรรให้เพียงครึ่งเดียว หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท   จึงได้ของบประมาณจากทางกองทุนดีอีสนับสนุนงบอีก 700 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐแจ้งความต้องการใช้งานเข้ามาถึง 40,000 วีเอ็ม ขณะที่ปัจจุบันโครงการฯ สามารถรองรับได้ประมาณ 30,000 วีเอ็ม เท่านั้น   “ แม้จะมีหน่วยงานรัฐต้องการใช้มาก แต่ สดช.จะมีการสำรวจการใช้งานว่า หน่วยงานที่ขอหรือจองพื้นที่ไว้ แต่ไม่ใช่เคยใช้ในระยะ…

ชายแดนใต้ : คนรุ่นใหม่สามจังหวัดฯ ในวงการไอทีที่มาเลเซีย

Loading

    หลายคนอาจจะเข้าใจว่า คนไทยที่ไปทำงานในมาเลเซีย มีแต่แรงงานในร้านต้มยำกุ้ง แต่เรื่องราวต่อไปนี้ บีบีซีไทยจะชวนไปทำความรู้จักกลุ่มคนรุ่นใหม่จากจังหวัดชายแดนใต้ที่อยู่ในแวดวงอาชีพของบริษัทด้านไอทีในประเทศมาเลเซีย   จากสามจังหวัดชายแดนใต้ พื้นที่ที่ได้ชื่อว่ารายได้ต่อหัวประชากรน้อยที่สุดในประเทศไทย พวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาในรุ่น “ทศวรรษที่สูญหาย” จากความไม่สงบในชายแดนใต้ที่ดำเนินมา 19 ปี เด็กสามจังหวัดฯ จำนวนไม่น้อยที่พัฒนาศักยภาพของตัวเองผ่านระบบการศึกษา ความสามารถทางภาษา จนสามารถเข้าทำงานในองค์กรชั้นนำในมาเลเซียได้   ด้วยภาษา วัฒนธรรม วิถีศาสนาที่ใกล้เคียงกัน นี่จึงเป็นพื้นที่ที่คล้ายบ้านสำหรับพวกเขา แต่โอกาสในชีวิตกลับแตกต่าง เพียงแค่ข้ามเขตแดนมายังฝั่งไทย   สำหรับคนอายุวัยกลาง 30 ปี ซึ่งอาจจะนิยามตัวเองว่าเป็นชนชั้นกลาง ในจังหวัดอื่นของประเทศไทยเช่นผู้เขียน ที่เติบโตมากับการเรียนในโรงเรียนมัธยมสามัญ ก่อนแสวงหาเส้นทางเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ผู้เขียนเคยมีคำถามสงสัยว่า แล้วเส้นทางชีวิตของคนรุ่นราวคราวเดียวกันในพื้นที่ความไม่สงบอย่างชายแดนใต้ เป็นแบบไหน   การสนทนากับ นัสมี สาและ คนหนุ่มจาก จ.ยะลา เจ้าหน้าที่วิทยาการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ซึ่งเคยทำงานในบริษัทไอบีเอ็มในไซเบอร์จายา เมืองศูนย์กลางทางด้านไอทีของมาเลเซีย ทำให้รู้ว่าคนจากจังหวัดชายแดนใต้ที่ไปทำงานในมาเลย์ ไม่ได้มีเพียงแต่แรงงานในร้าน “ต้มยำกุ้ง” ธุรกิจร้านอาหารไทยฮาลาลที่เฟื่องฟูในประเทศเพื่อนบ้าน   แต่คนไทยจากชายแดนใต้อีกกลุ่ม คือ หนุ่มสาวที่ทำงานในออฟฟิศ และส่วนใหญ่เป็นทรัพยากรมนุษย์ในแวดวงบริษัทด้านไอที…

กฎหมายต้านจารกรรมจีน สะเทือน’ธุรกิจต่างชาติ’

Loading

    กฎหมายต้านจารกรรมจีน สะเทือน’ธุรกิจต่างชาติ’ ขณะที่การขาดความโปร่งใสของการตรวจสอบของจีน สร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดากลุ่มธุรกิจข้ามชาติในจีนอย่างมาก   ธุรกิจต่างชาติในจีนตกอยู่ในภาวะกระวนกระวายใจ หลังมีการตรวจสอบด้านความมั่นคงแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง ในบรรดาธุรกิจให้คำปรึกษาที่เป็นของต่างชาติ ตอกย้ำถึงความความเสี่ยงในการทำธุรกิจยุคผู้นำจีนอย่าง “สี จิ้นผิง”   “เอริก เจิ้ง” ประธานหอการค้าอเมริกัน (แอมแชม) เปิดเผยว่า บริษัทที่ให้บริการด้านการตรวจสอบหรือวิเคราะห์สถานะทางธุรกิจของกิจการหลายแห่ง ตกเป็นเป้าของการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ   “เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน ควรวิเคราะห์ขอบข่ายการทำงานให้ชัดเจนว่า บริษัทต่าง ๆ สามารถวิเคราะห์ทรัพย์สินของกิจการต่าง ๆ ได้หรือไม่ เพราะการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนจะทำให้บริษัทต่างชาติมีความมั่นใจมากขึ้นและสามารถปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลจีนได้” เจิ้ง กล่าว   คำแนะนำของเจิ้ง เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มธุรกิจสหรัฐได้รับคำเตือนที่คล้ายกันจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งมาจากการขยายขอบข่ายกฎหมายจารกรรมฉบับล่าสุดของจีน ที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจในจีนมากขึ้น   “จอร์จ โทเลโด อัลบินานา” เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป (อียู) ในจีน แถลงเมื่อวันอังคาร (9 พ.ค.) ว่า กฏหมายกฎหมายต้านจารกรรมจีนดังกล่าวไม่ใช่ข่าวดีสำหรับธุรกิจที่คาดหวังว่า เศรษฐกิจจีนจะเปิดกว้าง   หอการค้าสหภาพยุโรป เผยว่า การปราบปรามของรัฐบาลปักกิ่ง ส่งสัญญาณหลายอย่างมาก…