รัสเซียมีอาวุธเคมีมากแค่ไหนและใช้กับยูเครนจริงหรือไม่

Loading

    เป็นอีกครั้งที่ฝ่ายตะวันตกชี้ว่ารัสเซียใช้อาวุธที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ หลังจากที่รัสเซียอ้างว่าพบสหรัฐช่วยเหลือยูเครนพัฒนาอาวุธชีวภาพ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีหลังจากการรุกรานยูเครน และการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นอาชญากรรมสงคราม ตามการสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เยอรมัน Welt am Sonntag   ข้อกล่าวหาของ NATO “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้ยินคำกล่าวอ้างที่ไร้สาระเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ” สโตลเทนเบิร์กกล่าวในการรายงานโดยสื่อเยอรมัน Welt am Sonntag พร้อมเสริมว่ารัสเซียกำลังประดิษฐ์ข้ออ้างเท็จเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้   “ตอนนี้ที่มีการกล่าวอ้างเท็จเหล่านี้แล้ว เราต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพราะเป็นไปได้ว่ารัสเซียเองก็สามารถวางแผนปฏิบัติการอาวุธเคมีภายใต้การหลอกลวงนี้ได้ นั่นจะเป็นอาชญากรรมสงคราม” สโตลเทนเบิร์กกล่าว   เขาเสริมว่าแม้ว่าชาวยูเครนจะต่อต้านการรุกรานของรัสเซียด้วยความกล้าหาญ แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้ามีแนวโน้มที่เกิดความยากลำบากมากยิ่งขึ้น   อาวุธเคมีใช้สารที่เป็นอันตรายได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้บาดเจ็บ ทำให้ไร้ความสามารถ หรือฆ่ากองกำลังของฝ่ายตรงข้าม หรือสกัดกั้นการใช้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง   ทั้งนี้ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (1992) มีผลผูกพันทางกฎหมาย ห้ามทั่วโลกในการผลิต กักตุน และใช้อาวุธเคมีและสารตั้งต้น อย่างไรก็ตาม อาวุธเคมีจำนวนมากยังคงมีอยู่ โดยปกติแล้วจะเป็นการป้องกันไว้ก่อนที่อาจเป็นไปได้โดยผู้รุกราน     รัสเซียมีอาวุธเคมีหรือไม่? รัสเซียเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (CWC) พร้อมประกาศว่ามีคลังอาวุธเคมีที่ใหญ่ที่สุด…

การเริ่มนับระยะเวลา แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล | ศุภวัชร์ มาลานนท์

Loading

  พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 37(4) กำหนดให้องค์กรซึ่งเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ “แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถกระทำได้”   หน้าที่แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว มีประเด็นที่ต้องพิจารณาทางกฎหมายหลายประการ โดยเฉพาะการเริ่มนับระยะเวลา 72 ชั่วโมงว่าเริ่มเมื่อไหร่ เนื่องจากองค์กรอาจมีความรับผิดทางกฎหมายหากไม่แจ้งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด   ถ้อยคำหนึ่งในมาตรา 37(4) ที่เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการเริ่มนับระยะเวลา คือ “นับแต่ทราบเหตุ” (become aware) ซึ่งต้องทำความเข้าใจทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายประกอบกัน เพื่อทำความเข้าใจจุดเริ่มต้นการนับระยะเวลาดังกล่าวมากขึ้น     ผู้เขียนขอนำกรณีศึกษาตาม WP29 Guidelines on Personal Data Breach Notification under Regulation 2016/679 (GDPR) มาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ดังนี้   WP29 ให้ข้อแนะนำว่าตาม GDPR “นับแต่ทราบเหตุ” ให้เริ่มต้นเมื่อ “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” มีความแน่ใจในว่าเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลที่เกิดขึ้น (security incident) มีผลทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกละเมิด…

เปิดฐานทัพลับของสหรัฐ บังเกอร์สุดแกร่งที่ใช้หลบภัยสงครามนิวเคลียร์

Loading

      ในภูเขาแห่งนี้มีฐานทัพลับสุดแข็งแกร่งซ่อนอยู่ ขนาดระเบิดปรมาณูก็ทำอะไรไม่ได้   Cheyenne Mountain Complex (ไชแอนน์ เมาน์เทน คอมเพล็กซ์) บนเทือกเขาไชแอนน์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เป็นศูนย์บัญชาการลับใต้ดินของสหรัฐ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่ปลอดภัยที่สุดในโลก และยังใช้เป็นหลุมหลบภัยจากเครื่องบินทั้งระเบิดระยะไกลของโซเวียต ในช่วงจุดพีกของสงครามเย็น ตลอดจนเป็นที่หลบภัยหากเกิดสงครามนิวเคลียร์   แน่นอนว่าศูนย์บัญชาการลับแห่งนี้ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนามากๆ ถึงขั้นได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่ปลอดภัยที่สุดในโลก   –  ศูนย์บัญชาการอยู่ลึกลงไปใต้ดินกว่า 600 เมตร มีการขุดเจาะหินแกรนิตมากกว่า 693,000 ตัน พร้อมกับประตูนิรภัยบานใหญ่ที่ทำจากคอนกรีตและเหล็ก ซึ่งมีน้ำหนักกว่า 20 ตัน มีระบบป้องกันการสั่นไหวของอาคาร ทำให้ปลอดภัยต่อแรงระเบิดนิวเคลียร์ การโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แผ่นดินไหว การทิ้งระเบิด และการโจมตีรูปแบบอื่นๆ –  คอมเพล็กซ์แห่งนี้สามารถทนต่อระเบิดปรมาณู 30 เมกะตันในระยะใกล้ถึง 1.24 ไมล์ (2 กิโลเมตร) ในกรณีที่มีระเบิดปรมาณูกระทบคอมเพล็กซ์ประตูสามารถทนต่อคลื่นระเบิดได้ และตัวคอมเพล็กซ์ยังมีตัวกรองเพื่อดักจับสารปนเปื้อนทางเคมี  ชีวภาพ กัมมันตภาพรังสี และนิวเคลียร์ในอากาศ – …

เจาะรถประจำตำแหน่งคันใหม่ของ วลาดีเมียร์ ปูติน

Loading

  รถยนต์ประจำตำแหน่งของผู้นำระดับสูงที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะต้องเป็นยานพาหนะที่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง ศัตรูที่หมายปองจ้องทำลายล้าง ทำให้รถยนต์ของผู้นำในทุกวันนี้ต้องหุ้มเกราะพร้อมกระจกกันอาวุธสงครามแบบจัดเต็ม รถยนต์แบรนด์ Aurus Senat หรือ Cortege Limousine ผลิตในรัสเซีย กลายเป็นยานพาหนะหรูหุ้มเกราะกันทั้งระเบิดและกระสุนปืนเจาะเกราะ   นี่คือรถประจำตำแหน่งคันใหม่ของ วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย รถ Cortege Limousine คันใหม่ เข้ามารับหน้าที่ต่อจาก Mercedes-Benz S 600 Guard Pullman โดยมีระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีไฮเทคอื่นๆ อีกเพียบ ไม่น้อยหน้ารถของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แม้แต่น้อย       Aurus Senat เป็นแบรนด์รถลีมูซีนที่มีการติดตั้งระบบป้องกันอาวุธหนักของรัสเซีย ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษตามคำสั่งของปูติน มิติตัวถังของ Cortege Limousine มีความยาว 6,620 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,695 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ…

Cheget กระเป๋าสั่งยิงนิวเคลียร์ที่อยู่กับปูตินทุกที่

Loading

  ปูตินมีกระเป๋าสั่งยิงอาวุธนิวเคลียร์ติดตัวไปด้วยทุกที่ โดยเรียกกระเป๋านี้ว่า เชเกต (Cheget) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบอัตโนมัติสำหรับการสั่งการและควบคุมกองกำลังนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย (SNF) โดยพัฒนาขึ้นในช่วงรัฐบาล ยูริ อันโดรปอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตในช่วงต้นทศวรรษ 1980   แต่กว่าจะนำมาใช้จริงๆ ก็ในสมัยที่ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตเมื่อเดือน มี.ค. 1985   ชีเกตจะเชื่อมต่อกับระบบการสื่อสารพิเศษที่มีโค้ดเนมว่า กัฟกัซ (Kavkaz ซึ่งเป็นชื่อท้องถิ่นของภูมิภาคคอเคซัส) ซึ่ง สนับสนุนการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลในขณะที่พวกเขากำลังตัดสินใจว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือไม่   ต่อไปนี้คือขั้นตอนการยิงอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย     ใครมีสิทธิ์ตัดสินใจสั่งยิง   เอกสารเมื่อปี 2020 ฉบับหนึ่งที่ชื่อว่า “หลักการพื้นฐานของนโยบายรัฐของสหพันธรัฐรัสเซียเกี่ยวกับการยับยั้งนิวเคลียร์” ระบุว่า ประธานาธิบดีรัสเซียมีอำนาจตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยตัวกระเป๋าชีเกตเองนั้นไม่ได้ติดตั้งปุ่มสั่งยิง เพียงแต่ส่งคำสั่งยิงไปยังหน่วยบัญชาการทหารส่วนกลาง นั่นคือเสนาธิการ   ส่วนอีก 2 คนที่มีกระเป๋าชีเกตคือ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและเสนาธิการเช่นเดียวกับในสมัยโซเวียต     ถ้าปูตินสั่งยิงจะเกิดอะไรขึ้น   เสนาธิการรัสเซียเป็นผู้ถือรหัสสั่งยิงและมี 2 วิธีในการปล่อยหัวรบนิวเคลียร์คือ 1.ส่งรหัสไปยังผู้สั่งการอาวุธแต่ละคน…

เปิด ‘แผนก 13’ ทีมลอบสังหารของสายลับรัสเซีย

Loading

  สหภาพโซเวียตและรัสเซียเคยส่งทีมลอบสังหารจากแผนก 13 ไปปลิดชีพผู้นำประเทศและฝ่ายต่อต้านชาวยูเครนมาแล้วหลายคน และผู้นำยูเครนคนล่าสุดก็บอกว่าเขาเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของปูติน เพียง 1 สัปดาห์หลังจากรัสเซียบุกยูเครนก็มีข่าวว่า ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ถูกลอบสังหารแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง โดย 2 ใน 3 ครั้งเป็นฝีมือกลุ่มว้ากเนอร์ (Wagner) ทหารรับจ้างชื่อดังของรัสเซีย แต่ยูเครนได้รับการแจ้งข่าวจากเจ้าหน้าที่ FSB ของรัสเซียก่อน ทีมลอบสังหารจึงลงมือไม่สำเร็จ แหล่งข่าวเผยกับ Times of London ว่า มีสมาชิกกกลุ่มว้ากเนอร์แฝงตัวอยู่ในรุงเคียฟอย่างน้อย 400 ราย โดยมีรายชื่อของเจ้าหน้าที่คนสำคัญของยูเครนที่ตกเป้าหมาย 24 คน อยู่ในมือ ส่วนอีกครั้งหนึ่งเป็นฝีมือของ Kadyrovites ทีมสังหารจากสาธารณรัฐเชเชนที่ลงมือย่านชานกรุงเคียฟ อันที่จริงรัสเซียมีหน่วยงานเฉพาะสำหรับลงมือสังหารเป้าหมายที่เป็นภัยคุกคามสหภาพโซเวียตที่รู้จักกันในชื่อ Thirteenth Department หรือ แผนก 13 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ภายใต้การนำของ วิกเตอร์ วลาดิมีรอฟ เจ้าหน้าที่สายลับ KGB ที่ปฏิบัติการในฟินแลนด์ เอกสารที่ได้รับการปลดออกจากการเป็นเอกสารลับของ CIA…