นักสิทธิโวยตร.ลอนดอน งัดเทคโนโลยีจดจำใบหน้า พุ่งเป้าม็อบ งานพิธีบรมราชาภิเษกคิงชาร์ลส์

Loading

    วันที่ 4 พ.ค. เดอะการ์เดียนรายงานมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับพิธีบรมราชาภิเษกพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ว่า ตำรวจนครบาลลอนดอนถูกกล่าวหาว่า ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าหรือแอลเอฟอาร์ในพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อพุ่งเป้าผู้ประท้วงหรือนักเคลื่อนไหว แต่ตำรวจปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวระบุว่า การใช้เทคโนโลยียังน่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากตำรวจเคยกระทำดังกล่าวมาแล้ว   นักเคลื่อนไหวระบุว่า ตำรวจนครบาลของลอนดอนกำลังใช้พิธีบรมราชาภิเษกเพื่อปฏิบัติการจดจำใบหน้าในรูปแบบถ่ายทอดสดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษและอาจถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป   ต่อมาสำนักงานตำรวจนครบาลลอนดอนออกแถลงการณ์ว่า ทางตำรวจตั้งใจที่จะใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งสามารถสแกนใบหน้าและจับคู่ใบหน้าดังกล่าว เพื่อสกัดกั้นบุคคลที่ตำรวจต้องการตัวในข้อหาอาชญากรรมและอาจใช้ระบุตัวผู้ก่อการร้าย ซึ่งเข้ามาปะปนในฝูงชนในงานพระราชพิธีที่คาดว่ามีประชาชนหลายแสนคนบนสองฝั่งถนน ในวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.ในระหว่างที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ หลังจากขบวนแห่ผ่านใจกลางกรุงลอนดอน ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา   นายพีท ฟัสซีย์ ศาสตราจารย์และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการกล้องวงจรปิดและการตรวจพิสูจน์บุคคลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ระบุว่า ขอบเขตการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่ตำรวจนครบาลลอนดอนวางแผนดำเนินการอยู่ในขณะนี้อยู่ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน   ที่ผ่านมา เทคโนโลยีนี้ถูกใช้ครั้งใหญ่ที่สุด คือ งานนอตติง ฮิลในปี 2560 ซึ่งเป็นเทศกาลแคริบเบียนประจำปีจัดขึ้นในกรุงลอนดอนและมีประชาชนจำนวน 100,000 คนถูกสแกนใบหน้า ทั้งนี้ ประกาศการใช้เทคโนโลยีข้างต้นเกิดขึ้นในช่วงที่ตำรวจได้รับมอบอำนาจให้ปราบปรามการประท้วง และเพิ่งถูกบังคับใช้เป็นกฎหมายจากรัฐบาลก่อนงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเพียงไม่กี่วัน   น.ส.เอ็มมานูเอลลา แอนดรูส์ นักเคลื่อนไหวจากกลุ่มลิเบอร์ตี…

ตำรวจอังกฤษล็อกชายปริศนา ขว้าง “กระสุนปืนช็อต” ใส่วังบักกิงแฮม

Loading

    ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนจับกุม ชายต้องสงสัยขว้าง “กระสุนปืนช็อต” หลายนัด ใส่พระราชวังบักกิงแฮม   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่าสำนักงานตำรวจนครบาลกรุงลอนดอน หรือ สกอตแลนด์ยาร์ด ออกแถลงการณ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกี่ยวกับการจับกุมชายคนหนึ่ง ฐานครอบครอง “อาวุธร้ายแรงเพื่อใช้กระทำความผิด” หลังมีการตรวจค้นแล้วพบมีด และ “วัตถุต้องสงสัยเป็นระเบิดแบบควบคุม” โดยพนักงานสอบสวนกล่าวหาชายคนดังกล่าว ขว้างกระสุนปืนช็อตหลายนัด เข้าไปภายในพระราชวังบักกิงแฮม   ขณะที่สำนักงานพระราชวังบักกิงแฮมปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รายงานของตำรวจยืนยัน ว่าสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ไม่ได้ประทับอยู่ภายในพระราชวัง ในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของทั้งสองพระองค์ ซึ่งจะเกิดขึ้น ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน ในวันที่ 6 พ.ค.นี้   Chief Superintendent Joseph McDonald, said: “Officers worked immediately to detain…

ระทึก!! กำลังรบพิเศษอังกฤษบินเครื่องทหารอเมริกันเข้า “ซูดาน” ใช้ความมืดปกคลุมเป็นประโยชน์ อพยพขนนักการทูตตัวเองออกสำเร็จใช้เวลา 1 ชม.ครึ่ง

Loading

    เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – เป็นที่ฮือฮาเมื่อมีการเปิดเผยปฏิบัติการช่วยนักการทูตอังกฤษออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน พบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งหน่วยรบพิเศษเข้ากรุงคาร์ทูม อาศัยความมืดให้เป็นประโยชน์ก่อนขับรถดิ่งตรงเข้าสถานทูตอังกฤษ นำเจ้าหน้าที่การทูตกลับออกมาใช้เวลาเบ็ดเสร็จราว 1 ชั่วโมงครึ่ง ท่ามกลางความวิตกชาวซูดานที่ยังคงติดอยู่ระหว่างสงครามกลางสู้รบสมรภูมิเลือด   สกายนิวส์รายงานวานนี้ (23 เม.ย.) ว่า ปฏิบัติการอพยพเหล่านักการทูตอังกฤษออกมาจากกรุงคาร์ทูม เกิดขึ้นเมื่อช่วงคืนดึกวันเสาร์ (22) ซึ่งเป็นการส่งหน่วยรบพิเศษอังกฤษขึ้นเครื่องบินรบสหรัฐฯ เข้าซูดานเพื่อเริ่มปฏิบัติการอพยพ   นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชี ซูแน็ก กล่าวในวันอาทิตย์ (23) โดยชี้ว่า เป็นการแสดงความขอบคุณต่อปฏิบัติการอพยพที่ “สลับซับซ่อนและรวดเร็ว” รอยเตอร์รายงานวันอาทิตย์ (23)   “ผมแสดงปวารณาต่อข้อผูกพันของนักการทูตของพวกเรา และความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ทหารที่ออกปฏิบัติยากลำบาก” ซูแน็ก กล่าวผ่านทางทวิตเตอร์   และเสริมต่อว่า “ผมยังคงดำเนินไปทุกช่องทางเพื่อยุติความขัดแย้งนองเลือดให้เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัยของพลเมืองอังกฤษที่ยังคงอยู่ในประเทศ”   ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เบน วอลเลซ เปิดเผยว่า ทหารอังกฤษออกปฏิบัติการอพยพร่วมกับสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ พร้อมเปิดเผยว่ามีการใช้ทหารไม่ต่ำกว่า 1,200 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการ   อย่างไรก็ตาม…

สหราชอาณาจักรแต่งตั้ง ผอ.สายลับ ‘หญิง’ คนแรก

Loading

  สหราชอาณาจักรแต่งตั้ง Anne Keast-Butler เป็นผู้อำนวยการหญิงคนแรกของหน่วยข่าวกรอง ‘GCHQ’ โดยเธอได้รับมอบหมายให้ปกป้องประเทศจากผู้ก่อการร้าย อาชญากรไซเบอร์ และอำนาจจากต่างชาติที่มุ่งร้ายต่อประเทศ   เธอจะเข้ารับตำแหน่งนี้ในเดือนพฤษภาคม ต่อจาก Jeremy Fleming ซึ่งกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งหลังรับหน้าที่มานานกว่า 6 ปี   James Cleverly รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งกล่าวว่า Keast-Butler มีประวัติการทำงานที่น่าประทับใจ Anne จะใช้ประสบการณ์อันล้นหลามของเธอเพื่อช่วยให้สาธารณชนชาวอังกฤษปลอดภัย   ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ของหน่วยข่าวกรองภายในประเทศของอังกฤษ หรือที่รู้จักในชื่อ MI5   GCHQ หรือกองบัญชาการสื่อสารของรัฐบาล ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลังครามโลกครั้งที่หนึ่ง เป็นหน่วยข่าวกรองและความมั่นคงของสหราชอาณาจักรซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Security Agency) เช่นเดียวกับหน่วยงานในแคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “Five Eyes”   อย่างไรก็ดี ในปี 1992 Stella Rimington กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นผู้นำ MI5 และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นแรงบันดาลใจในการคัดเลือกให้ Judi Dench…

สหราชอาณาจักรสั่งปรับ “TikTok” 500 กว่าล้านบาท

Loading

  สหราชอาณาจักร สั่งปรับ TikTok เป็นเงิน 500 กว่าล้านบาท เหตุพบการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล   เรียกว่างานเข้าไม่หยุด สำหรับแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์ชื่อดังอย่าง “TikTok” ที่ก่อนหน้านี้ก็ถูกสั่งแบนในอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐหลายประเทศ ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เม.ย. หน่วยเฝ้าระวังข้อมูลของสหราชอาณาจักรได้ประกาศสั่งปรับ TikTok เป็นเงินจำนวนกว่า 12.7 ล้านปอนด์ (ราว 538 ล้านบาท) เนื่องจากพบการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล จากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และพบการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง     สำนักงานคณะกรรมาธิการด้านข้อมูลข่าวสารแห่งสหราชอาณาจักร (Information Commissioner’s Office หรือ ICO) ประมาณการว่า ในปี 2020 แอปพลิเคชัน TikTok อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ประมาณ 1.4 ล้านคนทั่วสหราชอาณาจักร สามารถเข้าถึง TikTok ได้ แม้แอปพลิเคชันจะกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้สร้างบัญชีใช้งานว่า ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 13…

สื่อผู้ดีอ้างจีนตั้งฐานเรดาร์ทหารกลางป่าทึบศรีลังกา สอดแนมสหรัฐฯ-อังกฤษ-อินเดีย

Loading

    เอเจนซีส์ – โปรเจกต์สถานีรับสัญญาณดาวเทียมกลางป่าทึบของสถาบันวิจัยข้อมูลอวกาศ AIR (Aerospace Information Research Institute) ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน CAS ที่กำลังจะเกิดขึ้นกลางป่าทึบที่อ่าวดอนดรา (Dondra Bay) มีเป้าหมายเพื่อสอดแนมความเคลื่อนไหวเรือรบชาติตะวันตกและอินเดียในมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงฐานที่ตั้งทางทหารอเมริกัน-อังกฤษในดินแดนอาณานิคมอังกฤษ ดิเอโก การ์เซีย (Diego Garcia) กลางมหาสมุทรอินเดียและของอินเดียอย่างไม่ต้องสงสัย   เดลีเอ็กซเพรสของอังกฤษรายงานวันนี้ (3 เม.ย.) ว่า โปรเจกต์สถานีรับสัญญาณดาวเทียมจีนนี้ถูกเปิดเผยโดยแหล่งข่าวกรองศรีลังกา และโปรเจกต์ฐานเรดาร์ลับของทางการทหารของจีนกลางป่าทึบที่อ่าวดอนดรา (Dondra Bay) ในรูฮูนา (Ruhuna) ตั้งอยู่ทางปลายสุดศรีลังกา ที่ถูกผู้เชี่ยวชาญประณามได้กลายเป็นข้อพิสูจน์อย่างแน่นหนาว่า ปักกิ่งใช้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อทำให้ศรีลังกาตกอยู่ในบ่วงหนี้โปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานพันล้านอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของปักกิ่ง   สถานีรับสัญญาณดาวเทียมเป็นของสถาบันวิจัยข้อมูลอวกาศ AIR (Aerospace Information Research Institute) ของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน CAS สื่ออังกฤษชี้ว่า ปักกิ่งสามารถใช้ฐานเรดาร์ลับใหม่นี้ที่มีที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญในทางปลายแหลมของศรีลังกาเพื่อการเพิ่มศักยภาพในการสอดแนมปฏิบัติการข่าวกรองของตัวเองต่อการเคลื่อนไหวเรือรบโลกตะวันตกในมหาสมุทรอินเดีย   และที่ร้ายแรงกว่านั้นมันจะเป็นการเปิดโอกาสให้จีนสามารถสอดแนมที่ตั้งทางการทหารสหรัฐฯ และอังกฤษตั้งอยู่ในดินแดนอาณานิคมอังกฤษกลางมหาสมุทรอินเดีย ดิเอโก การ์เซีย (Diego Garcia) และอินเดีย…