จับตา ‘ไบเดน’ เยือน 3 ประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกสัปดาห์นี้

Loading

  ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีวาระสำคัญที่ต้องบรรลุในภารกิจ 8 วันในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ตั้งแต่การกระชับสัมพันธ์กับพันธมิตรอันยาวนานของสหรัฐฯ การสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีอเมริกันคนแรกที่เยือนปาปัวนิวกินีในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และการตอกย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในแปซิฟิก   ไบเดนจะเยือนที่ไหนบ้าง?   จุดหมายปลายทางแรก ประธานาธิบดีไบเดน จะเยือนฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 7 โดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ในฐานะประเทศเจ้าภาพ เลือกฮิโรชิมาบ้านเกิดของเขาเป็นสถานที่จัดการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นพิกัดในประวัติศาสตร์ยุคสงคราม ที่สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองดังกล่าว เมื่อปี 1945   แม้สงครามจะสิ้นสุดไปหลายทศวรรษแล้ว แต่ความสำคัญของฮิโรชิมายังหยั่งรากลึกมาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้สถานการณ์ที่รัสเซียได้ข่มขู่มาตลอดว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี (tactical nuclear weapons) ส่วนบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเกาหลีเหนือก็เดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์วิถีโค้ง และฝั่งอิหร่านเดินหน้าโครงการอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง   จากญี่ปุ่น ปธน.ไบเดน จะสร้างประวัติศาสตร์ในการเยือนปาปัวนิวกินี เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการขยายอิทธิพลด้านการทหารและด้านเศรษฐกิจของจีนในภูมิภาค   ก่อนจะจบทริปด้วยการเยือนออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดจตุภาคี หรือ Quad ร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียแอนโธนี อัลบาเนซี (Anthony Albanese) นายกรัฐมนตรีอินเดียนเรนทรา…

รัฐบาลสหรัฐฯทุ่ม 4.7 พันล้าน วิจัยและพัฒนา AI เรียก CEO บริษัทเทคคุยผลกระทบ

Loading

    เมื่อวันพฤหัสบดี (4 พฤษภาคม 2566) ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลงทุนวิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายใต้งบประมาณ 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,715 ล้านบาท ท่ามกลางความนิยมและตื่นตัวทั่วโลกของเทคโนโลยีใหม่นี้   รัฐบาลสหรัฐฯ ทุ่ม 4.7 พันล้านวิจัยและพัฒนา AI   งบประมาณดังกล่าวจะมาจากมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยส่วนหนึ่งจะใช้สร้างสถาบันวิจัย AI แห่งชาติใหม่อีก 7 แห่ง ทำให้สหรัฐฯ จะมีสถาบันวิจัยด้านนี้รวมแล้ว 25 แห่งด้วยกัน ซึ่งสถาบันวิจัยเหล่านี้จะทำงานร่วมกับรัฐบาลกลาง ธุรกิจในอุตสาหกรรม และสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ เช่น ปัญหาสภาพอากาศ การเกษตร สาธารณสุข   เตรียมออกคู่มือใช้ AI สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ   ในเร็วๆ นี้ สำนักงานการจัดการและงบประมาณของสหรัฐฯ จะออกคำแนะนำเชิงนโยบายเกี่ยวกับการใช้ AI สำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง   นอกจากนั้นบริษัทที่กำลังพัฒนา AI…

ศาลสหรัฐฯ ตัดสินแกนนำ “พราวด์ บอยส์” และพวก มีความผิด ยุยงปลุกปั่นจลาจลรัฐสภา

Loading

    แกนนำกลุ่ม “พราวด์ บอยส์” และพวกพ้อง ถูกคณะลูกขุนตัดสินมีความผิด ฐานยุยงปลุกปั่นบุกจลาจลก่อรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 2 ปีก่อน   เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2566 คณะลูกขุนของศาลรัฐบาลกลาง ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ มีคำตัดสินว่า นายเอนริเก ทาร์ริโอ อดีตประธานกลุ่ม “พราวด์ บอยส์” (Proud Boys) กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายขวาจัดของสหรัฐฯ รวมทั้งสมาชิกกลุ่มอีก 3 คนที่เคยมีตำแหน่งแกนนำส่วนภูมิภาคของกลุ่ม ได้แก่ นายโจ บิกส์ นายอีธาน นอร์ดีน และนายแซ็ค เรห์ล มีความผิด ในข้อหามีบทบาทในการสมรู้ร่วมคิด ยุยงปลุกปั่นที่นำไปสู่เหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564   ในส่วนของจำเลยรายที่ 5 ได้แก่ นายโดมินิค เพซโซลา อดีตนาวิกโยธินที่เข้าร่วมกลุ่มพราวด์ บอยส์ และร่วมบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ แต่ไม่ได้มีบทบาทเป็นแกนนำ…

T-Mobile ผู้ให้บริการสัญญาณมือถือเจ้าใหญ่ของสหรัฐฯ ถูกแฮ็ก (อีกแล้ว)

Loading

    T-Mobile หนึ่งในผู้ให้บริการสัญญาณมือถือรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาเผยว่าบริษัทถูกแฮ็กเป็นครั้งที่ 9 ในรอบ 6 ปี   สำหรับครั้งนี้ บริษัทระบุว่าแฮ็กเกอร์อาจสามารถขโมยเลขที่บัญชี เบอร์โทรศัพท์ ข้อมูลการติดต่อ รหัส PIN เลขที่รัฐบาลออกให้ วันเกิด และข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ของลูกค้า 836 คน ออกไปได้   โดยได้รีเซตรหัส PIN ของลูกค้าแล้ว และยังเสนอให้บริการเฝ้าระวังและติดตามความเคลื่อนไหวบัญชีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 2 ปี   จากข้อมูลในเอกสารของสำนักงานอัยการรัฐเมน ที่ได้รับการเผยแพร่โดยเว็บไซต์ Bleeping Computer ชี้ว่าการแฮ็กครั้งนี้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์แล้ว บริษัทพบการแฮ็กในวันที่ 27 มีนาคม และสามารถจัดการปัญหาได้ในวันที่ 30 มีนาคม   แต่กว่าจะแจ้งให้ลูกค้ารับรู้ก็ปาเข้าไปวันที่ 28 เมษายนแล้ว   ขณะที่เว็บไซต์ The Verge ชี้ว่านี่เป็นเหตุการณ์แฮ็กครั้งที่ 9 แล้วที่เกิดขึ้นกับ…

ภาพดาวเทียมพบเรือเหาะทางทหารของจีนที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

Loading

    ดาวเทียมของบริษัทสหรัฐฯ สามารถถ่ายภาพวัตถุคล้าย “เรือเหาะ” ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนได้ในฐานทัพกลางทะเลทรายของจีน   เมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาซึ่งมีข่าวว่าสหรัฐฯ ยิงดาวเทียมสอดแนมของจีนตกนั้น ได้ทำให้หลายฝ่ายเฝ้าจับตาเทคโนโลยีทางทหารของจีนเป็นพิเศษมากขึ้น เพราะถือเป็นอีกหนึ่งมหาอำนาจทางทหารที่ยังคงเดินหน้าพัฒนากำลังรบของตัวเองอยู่อย่างต่อเนื่อง   ล่าสุด สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ได้รับข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณฐานทัพอันห่างไกลในทะเลทรายของจีน ที่เผยให้เห็นถึง “เรือเหาะทางทหาร” ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน     ภาพดังกล่าวนี้ถ่ายโดยดาวเทียมของบริษัท BlackSky ของสหรัฐฯ เมื่อเดือน พ.ย. 2022 หรือราว 3 เดือนก่อนที่บอลลูนสอดแนมของจีนจะถูกยิงตก โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ภาพนี้เป็นหลักฐานและสัญญาณถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาเรือเหาะของจีน ซึ่งมีความอเนกประสงค์และคล่องแคล่วกว่าที่เคยพบหรือรู้จัก   จากภาพแสดงให้เห็นเรือเหาะความยาวประมาณ 30.5 เมตร กลางรันเวย์ยาวเกือบกิโลเมตร ณ ฐานทัพแห่งหนึ่งกลางทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน รวมถึงยังเห็นโรงเก็บเรือเหาะขนาดมหึมา 275 เมตรด้วย     เจมีย์ เจคอบส์ ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันการบินและอวกาศโอคลาโฮมา กล่าวว่า เรือเหาะแบบนี้เป็นเหมือนกับ “เรือดำน้ำบนท้องฟ้า” โดยดูเหมือนว่าจะมีระบบขับเคลื่อนและความสามารถในการนำทางโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้มันสามารถลอยเหนือพื้นได้นานขึ้น  …

เกาหลีเหนือยัน ข้อตกลงสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ‘ยกระดับความตึงเครียด’

Loading

    เกาหลีเหนือออกโรงวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่จะเปิดทางให้กรุงวอชิงตันส่งเจ้าหน้าที่และยุทโธปกรณ์เข้ามาในคาบสมุทรเกาหลี ว่าเป็นชนวนที่ทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ยกระดับขึ้นจน “เข้าใกล้การเกิดสงครามนิวเคลียร์” แล้ว ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อ้างข้อมูลจากสื่อ KCNA ของกรุงเปียงยางในวันจันทร์   ระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดียูน ซุก ยอล ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่กรุงวอชิงตัน ผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้สัญญาว่า จะเปิดทางให้กรุงโซลได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแผนการด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ ขณะที่ หลายฝ่ายมีความวิตกกังวลมากขึ้นต่อการเผชิญหน้าระหว่างโครงการพัฒนาอาวุธของกรุงเปียงยางและศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอเมริกา   ทั้งนี้ สองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสามารถด้านกลาโหมของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะนำส่งปัจจัยทางยุทธศาสตร์ของตนมาให้อย่างสม่ำเสมอ โดยภายใต้คำสัญญานี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ จะส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธวิถีโค้งมายังเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 ด้วย   สื่อ KCNA รายงานโดยอ้างอิงความเห็นของ เช จู ฮยอน นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้แสดงให้เห็นถึงความสมัครใจของพันธมิตรทั้งสองที่จะ “ดำเนินการอุกอาจและเป็นปฏิปักษ์อย่างที่สุด” ต่อเกาหลีเหนือ   รายงานข่าวนี้ยังระบุด้วยว่า การที่สหรัฐฯ จะส่งปัจจัยทางยุทธศาสตร์ของตนมาในแถบคาบสมุทรเกาหลีเป็นเหมือน “ปลักหล่มของการไม่มีเสถียรภาพ” ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้าง “กลุ่มก้อนทางทหารพิเศษจำเพาะเชิงรุก” ในภูมิภาคนี้   นอกจากนั้น…