ยูเครนประกาศภาวะฉุกเฉิน-แจ้งพลเมืองกลับประเทศ ผวารัสเซียจู่โจมเต็มรูปแบบ

Loading

ยูเครนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันพุธ (23 ก.พ.) และแจ้งให้พลเมืองที่อยู่ในรัสเซียเดินทางกลับมาตุภูมิทันที หลังจากมอสโกเริ่มอพยพเจ้าหน้าที่ในสถานทูตประจำกรุงเคียฟ ในสัญญาณลางร้ายล่าสุดสำหรับชาวยูเครนที่หวั่นเกรงว่ารัสเซียอาจเปิดปฏิบัติการโจมตีเต็มรูปแบบ เหตุยิงระเบิดโจมตีกันไปมาตามแนวชายแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เมื่อวันอังคาร (22 ก.พ.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพิ่งประกาศรับรองเอกราชของ 2 เขตกบฏที่ได้รับการหนุนหลังจากรัสเซีย และสั่งให้กองกำลังมอสโกเข้าประจำการในดินแดนดังกล่าวในฐานะ “กองกำลังรักษาสันติภาพ” ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ขบวนยุทโธปกรณ์ทางทหาร ในนั้นรวมถึงรถถัง 9 คัน ได้เคลื่อนจากชายแดนของรัสเซีย เข้าสู่เมืองโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ปูติน จะลงมือโจมตีครั้งใหญ่เล่นงานยูเครนหรือไม่ แม้ระดมกองกำลังมากกว่า 100,000 นายตามแนวชายแดนติดกับยูเครน ในขณะที่เจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่งของสหรัฐฯ เชื่อว่ากองกำลังรัสเซียพร้อมแล้วสำหรับการลงมือโจมตี “ให้คาดเดาว่าก้าวย่างต่อไปของรัสเซียคืออะไร ให้เดาการตัดสินใจของพวกแบ่งแยกดินแดนหรือการตัดสินใจส่วนตัวของประธานาธิบดีรัสเซีย ผมไม่อาจล่วงรู้ได้” ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ โซเลนสกี แห่งยูเครนกล่าว ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 30 วันผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาในวันพุธ (23 ก.พ.) โดยมีเป้าหมายช่วยหล่อหลอมแนวทางตอบสนองต่อภัยคุกคามจากการรุกรานของรัสเซีย มาตรการที่ได้รับความเห็นชอบอย่างท่วมท้นนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่มอสโกเริ่มต้นอพยพบรรดาเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตในกรุงเคียฟ และวอชิงตันยกระดับคำเตือนเกี่ยวกับโอกาสที่รัสเซียจะลงมือโจมตีเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะเปิดทางให้รัฐบาลเขตต่างๆ ของยูเครน บังคับใช้มาตรการความมั่นคงขั้นสูงสุด ไล่ตั้งแต่ค้นเอกสารสำคัญประจำตัวของประชาชนและตรวจค้นยานพาหนะเข้มข้นขึ้น…

ทูตลงพื้นที่ยูเครน สำรวจความพร้อมเตรียมทำแผนอพยพคนไทย ท่ามกลางวิกฤต

Loading

  ทูตลงพื้นที่ยูเครน-วันที่ 17 ก.พ.นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงการเตรียมการสำหรับคนไทยในสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซียว่า จากเหตุการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนยูเครนนั้น สถานทูตไทยในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ซึ่งดูแลประเทศยูเครนด้วย ได้ดำเนินการเพื่อดูแลความปลอดภัยของคนไทยในยูเครน อาทิ การลงพื้นที่สำรวจเมืองเพื่อใช้เป็นฐานในการอพยพ การตั้งกลุ่มไลน์พิเศษสำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างสถานทูต และกลุ่มคนไทยในยูเครน ซึ่งมีประมาณ 230 คน   คณะของสถานทูตหารือกับทีมร้านสปา Wai Thai (ภาพจากสถานทูตไทยในโปแลนด์) นายธานีกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตได้หารือกับฝ่ายรัฐบาลยูเครน รัฐบาลโปแลนด์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยในการเตรียมแผนอพยพคนไทยในกรณีฉุกเฉินและยังได้ออกประกาศเตือนร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ขอให้คนไทยที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยูเครนในระยะนี้   นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (ภาพจากกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวอีกว่า เมื่อ 13 – 15 กุมภาพันธ์ 2565 นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ เอกอัครราชทูตประจำโปแลนด์และทีมเจ้าหน้าที่ทูตได้เดินทางลงพื้นที่โดยรถยนต์ไปยังเมืองลวิฟ ( Lviv) ประเทศยูเครน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของยูเครน ใกล้ชายแดนโปแลนด์ เพื่อสำรวจความพร้อมในการที่จะใช้เมืองลวิฟเป็นฐานในการอพยพคนไทยกลับประเทศไทยโดยเครื่องบินหรือเดินทางเข้าโปแลนด์เพื่อเดินทางกลับไทย ซึ่งคณะของสถานทูตได้พบหารือกับผู้จัดการสนามบินนานาชาติเมืองลวิฟ และสำรวจเส้นทางจากเมืองลวิฟไปยังกรุงวอร์ซอ รวมทั้งสำรวจโรงแรมที่พัก…

เว็บไซต์กระทรวงกลาโหมยูเครนและธนาคาร 2 แห่ง ถูกโจมตีทางไซเบอร์

Loading

  หน่วยงานการสื่อสารพิเศษและปกป้องข้อมูลแห่งรัฐของยูเครน (SSSCIP) รายงานว่า เมื่อวันอังคาร (15 ก.พ.) ที่ผ่านมา มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้การโจมตีทางไซเบอร์จู่โจมเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมและกองทัพของยูเครน และเว็บไซต์ธนาคารยูเครน 2 แห่ง   วิกเตอร์ โซรา รองผู้อำนวยการ SSSCIP กล่าวว่า ยังไม่มีความไม่ชัดเจนว่าใครหรือฝ่ายไหนเป็นผู้โจมตี โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว “ยังเร็วเกินไปที่จะระบุตัวคนทำและเหตุผลที่ทำ”   เหตุการณ์ดังกล่าเกิดขึ้นขณะที่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ดับมอดไปซะทีเดียว โดยล่าสุดแม้รัสเซียประกาศว่าสั่งถอนกำลังทหารออกจากชายแดนยูเครนไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ทางการยูเครนยังไม่ปีกใจเชื่อ 100% ว่ารัสเซียถอนกำลังไปจริง   ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ เตือนว่า การรุกรานของรัสเซียครั้งใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ขณะที่รัสเซียก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้วางแผนที่จะบุกยูเครน   SSSCIP ระบุว่า เหตุการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น มีลักษณะเป็นการโจมตีเพื่อทำให้ระบบเป้าหมายปฏิเสธหรือหยุดการให้บริการ (DDoS) โดยทำให้เว็บไซต์มีปริมาณการใช้ข้อมูลปลอมจำนวนมากเพื่อทำให้เว็บไซต์เข้าถึงไม่ได้ การโจมตีแบบ DDoS นั้นค่อนข้างง่ายต่อการดำเนินการ ไม่มีความซับซ้อน และเป็นการก่อกวนที่พบเห็นได้บ่อย   เจ้าหน้าที่ยูเครนบอกว่า การโจมตีแบบ DDoS เป็นเรื่องยากที่จะติดตามหาแหล่งที่มาหรือตัวคนทำ เนื่องจากแฮกเกอร์สามารถปลอมแปลงตำแหน่งของตนเพื่อให้ดูเหมือนว่าอยู่ในประเทศใดก็ได้  …

‘ไบเดน’ เตือนพลเมืองอเมริกัน รีบเดินทางออกจากยูเครนทันที

Loading

  วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) -ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เตือนว่า พลเมืองอเมริกันทุกคนที่อยู่ในยูเครนควรเดินทางออกจากประเทศทันที เนื่องจากยังคงมีสัญญาณจากรัสเซียว่าจะบุกรุกยูเครนในเร็วๆ นี้ แต่ยืนยันจะไม่ส่งทหารไปรับพลเมืองอเมริกันออกจากยูเครน เพราะจะทำให้กลายเป็น “สงครามโลก”   ประธานาธิบดีไบเดนให้สัมภาษณ์ในรายการข่าว “เอ็นบีซี นิวส์” เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกของไบเดนในปีนี้ว่า พลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในยูเครนควรเดินทางออกจากประเทศทันที สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่การรับมือกับกลุ่มก่อการร้าย แต่เป็นประเทศหนึ่งที่มีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดของโลก และสถานการณ์อาจพลิกผันได้อย่างรวดเร็ว   ผู้นำสหรัฐยังระบุว่า สหรัฐฯ จะไม่ส่งกองทัพเข้าไปช่วยอพยพพลเมืองอเมริกันออกจากยูเครน เพราะการกระทำเช่นนั้นจะมีขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดสงครามโลกโดยที่สหรัฐฯ หรือรัสเซียเริ่มเปิดฉากยิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขากล่าวด้วยว่า โลกปัจจุบันนั้นแตกต่างจากอดีตที่เคยเป็น อย่างไรก็ดี ไบเดนยังกล่าวถึงประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียว่า เขาเชื่อว่าปูตินไม่โง่พอที่จะบุกยูเครน และฉลาดพอที่จะไม่ทำสิ่งใดที่จะส่งผลกระทบในทางลบต่อคนอเมริกันในยูเครน ทั้งนี้ มีชาวอเมริกันอยู่ในยูเครนประมาณ 30,000 คน   ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยเตือนชาวอเมริกันในยูเครนให้รีบออกจากยูเครนมาแล้ว โดยระบุเหตุผลเดียวกันคือ ภัยคุกคามเพิ่มมากขึ้นจากการเคลื่อนไหวทางทหารของกองทัพรัสเซียรวมไปถึงการระบาดของโควิด-19 ด้วยแต่คำเตือนในเดือนที่แล้ว ยังไม่ถึงขั้นให้เดินทางออกจากยูเครนทันทีเหมือนครั้งล่าสุดนี้   อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาเช่นกัน คำพูดของไบเดนเคยทำให้รัฐบาลยูเครนตกใจมาก…

สงครามยุคใหม่! ยูเครนระดมทุนสู้รัสเซียด้วย ‘คริปโต’

Loading

กลุ่ม NGO และแฮ็กเกอร์ที่สนับสนุนยูเครนได้รับบริจาคคริปโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังเกิดวิกฤตตึงเครียดกับรัสเซีย   Reuters อ้างรายงานจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านบล็อกเชน Elliptic ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่า องค์กรเอกชนและกลุ่มนักแฮ็กข้อมูลทางไซเบอร์ที่ให้การสนับสนุนยูเครน สามารถระดมทุนในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังเกิดความตึงเครียดบริเวณชายแดนยูเครน ท่ามกลางความกังวลว่ายูเครนจะถูกโจมตีโดยกองทัพรัสเซีย   รายงานระบุว่าในปี 2021 มีการบริจาคสกุลเงินดิจิทัลไปยังองค์กรเอกชนเหล่านี้มูลค่ากว่า 550,000 เหรียญสหรัฐ โดยบางส่วนใช้ในการจัดหาอุปกรณ์ให้แก่กองกำลังยูเครน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ 6,000 เหรียญสหรัฐในปี 2020   Elliptic ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดิจิทัลบนบล็อกเชน พบว่ากลุ่ม Come Back Alive ซึ่งมีฐานอยู่ในเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เริ่มระดมทุนคริปโตในปี 2018 แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 ได้รับบริจาคคริปโตไปแล้วมูลค่าเกือบ 200,000 เหรียญสหรัฐ   โดยกลุ่ม Come Back Alive กล่าวว่าได้จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์และเวชภัณฑ์ให้แก่กองทัพยูเครน รวมถึงโดรน กล้องติดปืนไรเฟิลซุ่มยิง และระบบเฝ้าระวัง   “เราสร้างกระเป๋าเงิน…

Microsoft เผยรายละเอียดการโจมตีไซเบอร์ต่อยูเครน บางส่วนเชื่อนี่เพียงแค่เริ่มต้น

Loading

  Microsoft ระบุว่าคอมพิวเตอร์จำนวนมากในระบบโครงข่ายของรัฐบาลยูเครนติดมัลแวร์ทำลายล้างซึ่งอำพรางเป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ หลังจากมีกรณีการแก้หน้าเว็บไซต์ (defacement) ของกระทรวงการต่างประเทศยูเครน และเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาลมากกว่า 70 เว็บไซต์ล่ม Microsoft ยังระบุด้วยว่า การโจมตีสร้างความเสียหายต่อหน่วยงานรัฐ องค์กรไม่แสวงหากำไร และองค์กรไอทีจำนวนมาก “มัลแวร์ตัวนี้อำพรางตัวเองเป็นมัลแวร์เรียกค่าไถ่ แต่เมื่อถูกเปิดใช้งานโดยผู้ทำการโจมตีก็จะสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์เป้าหมายจนใช้งานไม่ได้” Microsoft ระบุ โดยเสริมว่า มัลแวร์ตัวนี้จะทำงานต่อเมื่ออุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่นั้นถูกปิดลง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์กรด้านไซเบอร์ในภาคเอกชนอธิบายว่า เริ่มจากการมีผู้ไม่หวังดีเจาะเข้าไปยังผู้ให้บริการซอฟแวร์ร่วมในการโจมตีที่เรียกว่า Supply-Chain Attack เซอร์ฮีย์ เดเมดยัค (Serhiy Demedyuk) รองเลขาธิการสภาความมั่นคงและการป้องกันประเทศแห่งชาติยูเครนระบุว่า แฮกเกอร์ได้ใช้มัลแวร์คล้ายกับที่หน่วยข่าวกรองของรัสเซียเคยใช้ ซึ่งในการสืบสวนขั้นต้นโดยสำนักงานความมั่นคงยูเครน (SBU) เชื่อว่าผู้ก่อเหตุโจมตีมีความสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย แต่ทางรัสเซียได้ปฏิเสธมาโดยตลอด ทั้งนี้ เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ปะทุขึ้นมาตั้งแต่ปี 2557 ได้กลับมาร้อนระอุขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนให้หลังมานี้ และยังเป็นสมรภูมิการเมืองระหว่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรก้าวเข้ามามีบทบาทคุ้มครองยูเครน ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานจากสื่อหลายสำนักว่าทางรัสเซียได้ระดมกำลังทหารมากกว่า 100,000 นายใกล้กับชายแดนยูเครน ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจเข้าบุกยูเครนอีกครั้งหนึ่ง และอาจจะผสมการรบแบบใช้กำลังทหารเข้ากับการโจมตีทางไซเบอร์ (Hybrid Warfare) เหมือนกับที่เคยทำกับจอร์เจียและยูเครนมาแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่าโจมตีทางไซเบอร์ต่อยูเครน ตัวอย่างการโจมตีที่ผ่านมา อาทิ การเลือกตั้งระดับชาติยูเครนเกือบล่มเพราะการโจมตีทางไซเบอร์ในปี 2557 การโจมตีโรงไฟฟ้าจนไฟดับเป็นวงกว้างในช่วงปี…