หวั่นสหรัฐเอาไม่อยู่ ถ้าเกิดสงครามนาทีนี้จะถูกรัสเซีย-จีน สอยเครื่องบินรบได้ง่ายดาย

Loading

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เว็บไซต์นิวสวีก รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประเมินว่าจากเทคโนโลยีการทหารของรัสเซีย และจีนที่พัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน อาจจะทำให้เครื่องบินรบของสหรัฐต้องเจอปัญหาความยุ่งยาก และอาจถูกยิงตกได้ภายในวันแรก หากเกิดสงครามขึ้น ฮีตเธอร์ วิลสัน รัฐมนตรีหญิงแห่งกระทรวงทหารอากาศสหรัฐ รายงานต่อคณะอนุกรรมาธิการวุฒิสภาในเรื่องกลาโหมถึงแผนการยกระดับอัพเกรดเครื่องบินรบของรัสเซีย และจีนที่มีเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นว่าอาจจะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพสหรัฐได้ง่ายขึ้น หากสหรัฐไม่เร่งพัฒนาให้ล้ำหน้ากว่า นอกจากนี้นางวิลสันยังพูดถึงเรื่องระบบ JSTARS (ย่อมาจาก Joint Surveillance Target Attack Radar System) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ควบคุมและกำหนดทิศทางการบินให้กับหน่วยบินสอดแนมเพื่อหาข้อมูลให้กับทหารภาคพื้น โดยทางกองทัพอาหารเล็งที่จะเปลี่ยนเอาเทคโนโลยี JSTARS ที่ใช้มานานในเครื่องบินสอดแนม 17 ลำออก และจะเอาระบบจัดการการต่อสู้ขั้นสูงเข้ามาแทนที่ ระบบนี้จะผสานทั้งระบบควบคุมโดยมนุษย์ และไร้มนุษย์ อีกทั้งยังทำระดับขึ้นสู่อวกาศเพื่อสอดแนมได้ แต่อนุกรรมาธิการเสนอว่าหากปลดระบบ JSTARS ออก งบประมาณจะถูกลดลงถึงร้อยละ 50 นางวิลสันชี้แจงว่าแม้ว่าทางกองทัพจะอัพเกรดระบบ JSTARS ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรับมือรัสเซีย และจีนในแง่การป้องกันประเทศ พร้อมระบุว่าสองประเทศนี้มีระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศที่มีระยะไกลกว่าระยะของระบบ JSTARS และเครื่องบินของสหรัฐจะถูกยิงตกในวันแรกของสงครามอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ทางกองทัพสหรัฐรู้ดีถึงขีดความสามารถของรัสเซีย และจีน อย่างระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน เอส-400 ที่โจมตีศัตรูในระยะไกลกว่า 400 กิโลเมตร…

สวีเดนแจกแผ่นพับเตรียมตัวรับมือศึกรัสเซีย

Loading

รัฐบาลสวีเดนแจกแผ่นพับแก่ประชาชน แนะแนววิธีรับมือหากเกิดสงคราม ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดทั่วโลกที่บางครั้งสุ่มเสี่ยงต่อการเปิดฉากทำสงคราม ทางการสวีเดนซึ่งขึ้นชื่อว่าเรื่องความสงบและปลอดภัย ได้เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์เลวร้ายด้วยการจัดทำแผ่นพับคู่มือรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินแจกจ่ายพลเมือง 4.8 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ รวมทั้งเผยแพร่ในเว็บไซต์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น แผ่นพับดังกล่าวชื่อว่า “Om krisen eller kriget kommer” หรือ “หากเกิดวิกฤตหรือสงคราม” เนื้อหาจำนวน 20 หน้าเป็นไปตามหลักปฏิบัติของสำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนสวีเดน (MBS) โดยให้คำแนะนำวิธีการเตรียมตัวว่าในกล่องฉุกเฉินควรมีอุปกรณ์อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารกระป๋อง พาสต้า อาหารแห้ง แผ่นแป้งตอติลย่า มันบดสำเร็จรูป ซอสโบโลเนส ส่วนอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ได้แก่ กระป๋องมีฝาปิด วิทยุ ทิชชู่เปียก หมายเลขโทรศัพท์สำคัญที่จดลงกระดาษ รวมทั้งให้พกเงินสดแทนบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต เนื่องจากตู้เอทีเอ็มอาจขัดข้อง นอกจากสงครามแล้ว ในแผ่นพับยังเอ่ยถึงภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยจากการก่อการร้าย แฮกเกอร์ และข่าวปลอม โดยแนะนำวิธีการกรองข่าวเบื้องต้นด้วยการตั้งคำถามง่ายๆ ว่า จุดประสงค์ของข่าวคืออะไร มีแหล่งข่าวจากที่ใด แหล่งข่าวนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ การปัดฝุ่นคู่มือครั้งนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี หลังจากประกาศใช้เวอร์ชั่นแรกในสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี 1980 และมีขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความมั่นคงในแถบทะเลบอลติก…

ไทยเตรียมใช้ ‘ดิจิทัล ไอดี’ ปลายปี 61 หนุนใช้กับโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ จ่ายผ่านอีมันนี่ อุดช่องฉวยโอกาสทุจริต

Loading

ข่าวเกี่ยวกับการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง จนทำให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตัดสินใจให้จ่ายเงินผ่านรูปแบบการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้รับบริการหรือระบบอีเพย์เมนต์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2561 เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ แต่ในบางทัศนะกลับมองว่า มาตรการใหม่นี้ช่วยแก้ปัญหาการทุจริตแค่เฉพาะหน้าหรืออาจไม่ได้เลย ดังเช่นกรณีทุจริตกองทุนเงินเสมาพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่มีการนำบัญชีธนาคารของเครือญาติเข้ามารับประโยชน์แทน กรณีเหล่านี้จึงกลายเป็นช่องโหว่ที่ต้องช่วยกันขบคิดหาวิธีรับมือ แน่นอนว่า จำเป็นต้องปรับระบบสวัสดิการให้สอดคล้องและพร้อมรับมือกับโลกสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ‘สุทธิพงษ์ กนกากร’ สมาชิกคณะทำงานด้านเทคนิค National Digital ID อธิบายให้เห็นภาพเป็นฉาก ๆ ในเรื่องการวางระบบป้องกันทุจริตในโครงการเกี่ยวข้องกับสวัสดิการแห่งรัฐ ในเวทีสัมมนา เรื่อง ปรับทิศทางเศรษฐกิจไทยให้พร้อมสู่ยุคแห่งความปั่นป่วนทางเทคโนโลยี ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ จัดโดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เขาบอกว่า ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถนำมาปรับใช้กับระบบสวัสดิการแห่งรัฐ 3 รูปแบบ คือ 1. บล็อกเชน (Blockchain) คือ เครือข่ายการเก็บข้อมูลรูปแบบหนึ่ง โดยสามารถป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลและทำให้รู้แม้กระทั่งว่า ใครเขียนข้อมูลอะไรลงไปบ้าง 2.ดิจิทัล ไอดี (Digital ID) คือ ระบบที่ช่วยพิสูจน์ตัวตน 3.เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) คือ การทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งจะมีหรือไม่มีบัญชีธนาคารเลยก็ได้ โดยการนำเทคโนโลยีทั้ง 3 รูปแบบ มาใช้กับระบบสวัสดิการแห่งรัฐนั้น สุทธิพงษ์ อธิบายว่า ส่วนใหญ่ขั้นตอนการคัดกรองผู้มีสิทธิรับประโยชน์…

รวบยุ่นคาสนามบินดอนเมือง หอบซากระเบิดเคลย์มอร์-แมกกาซีนเอ็ม-16 บินกลับญี่ปุ่น มึนอ้างไม่รู้ผิด กม.ไทย

Loading

MGR Online – รวบหนุ่มญี่ปุ่นคาสนามบินดอนเมือง หอบแมกกาซีนปืนเอ็ม 16 ระเบิดเคลย์มอร์ รับซื้อมาจากเวียดนามกำลังจะเดินทางต่อไปญี่ปุ่น อ้างเป็นของสะสม ไม่รู้ผิดกฎหมายประเทศไทย อีโอดีเข้าตรวจสอบระบุยุทธภัณฑ์ทั้งหมดไม่สามารถใช้งานได้ วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจท่องเที่ยวประจำท่าอากาศยานดอนเมืองได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่การท่าอากาศแห่งประเทศไทย ว่าพบชายชาวญี่ปุ่นนำเครื่องยุทธภัณฑ์เป็นแมกกาซีนของอาวุธปืนเอ็ม 16 ขึ้นเครื่องบิน ปลายทางที่ประเทศญี่ปุ่น จากการตรวจสอบพบว่า ชายชาวญี่ปุ่นกำลังจะเดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยนำกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องเอกซเรย์ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เจอแมกกาซีนปืน ระเบิดเคลย์มอร์ จึงขอตรวจสอบพบเครื่องยุทธภัณฑ์ต่างๆ เช่น ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล M 18 A 1 เคลย์มอร์ จำนวน 1 ทุ่น(ไม่มีดินระเบิด) ชนวนจุดระเบิด M 57 แม็กกาซีนปืนขนาด 5.56. มม.จำนวน 1 แม็ก (ชนิดยาว) แม็กกาซีนปืนขนาด 5.56. มม.จำนวน 13 แม็ก(ชนิดสั้น) แม็กกาซีนขนาด 7.62 มม.จำนวน 8 แม็ก…

สนามบินญี่ปุ่นจะใช้เทคโนโลยี “สแกนใบหน้า” ในระบบตรวจคนเข้าเมือง

Loading

กระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นจะติดตั้งเทคโนโลยี “จดจำใบหน้า” ตามสนามบินต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2019 นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกประเทศญี่ปุ่นจะผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองโดยการสแกนใบหน้า ซึ่งเมื่อคอมพิวเตอร์เทียบข้อมูลกับภาพถ่ายที่เข้ารหัสไว้ในไมโครชิปที่ฝังไว้ในหนังสือเดินทางแล้ว ประตูอัตโนมัติก็จะเปิดออก ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาเพียง 15 วินาทีเท่านั้น และภาพถ่ายใบหน้าที่สแกนไว้จะถูกลบทันทีเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เทคโนโลยี “จดจำใบหน้า” จะถูกนำมาใช้ตามสนามบินหลักทั่วประเทศญี่ปุ่นในปี 2019 เพื่อลดเวลาต่อแถวในการตรวจคนเข้าเมือง และจะได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติภารกิจอื่น เช่น การป้องกันการก่อการร้าย ในช่วงก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2020 ปัจจุบันมีเครื่องสแกนใบหน้าติดตั้งอยู่ที่สนามบินฮาเนดะจำนวน 3 เครื่อง แต่จะเพิ่มเป็น 137 เครื่องในปีหน้า และยังจะติดตั้งในสนามบินนาริตะ, สนามบินชูบุ, สนามบินคันไซ และสนามบินฟุกุโอกะ เมื่อปี 2007 ญี่ปุ่นได้ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือในการตรวจคนเข้าเมือง แต่กลับมีชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวใช้เพียงแค่ร้อยละ 7.9 เท่านั้น เนื่องจากต้องลงทะเบียนลายนิ้วมือก่อน แต่ระบบสแกนใบหน้านี้เป็นการเปรียบเทียบกับภาพในหนังสือเดินทาง ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใดๆ รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าจะให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเยือนญี่ปุ่น 40 ล้านคนในปี 2020 จึงจำเป็นใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจคนเข้าเมือง ธนาคารก็ใช้ “สแกนใบหน้า” แทนรหัสลับ เทคโนโลยี “จดจำใบหน้า” ยังกำลังถูกทดลองใช้โดยธนาคารต่างๆ ในญี่ปุ่นเพื่อยืนยันตัวตน โดยให้เจ้าของบัญชีใช้กล้องบนสมาร์ทโฟนถ่ายภาพตัวเอง…