เกาหลีเหนือ ‘ล้วงแผนสงครามเกาหลีใต้-สหรัฐฯ’

Loading

แฮ็กเกอร์ หรือ นักเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของเกาหลีเหนือขโมยข้อมูลลับทางการทหารจากเกาหลีใต้ รวมถึงแผนลอบสังหารนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ แผนทำสงครามที่สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้วางไว้ร่วมกัน รวมทั้งรายงานที่นำเสนอต่อผู้บัญชาการอาวุโสของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ด้วย นายรี ชอล-ฮี สมาชิกรัฐสภาของเกาหลีใต้ ระบุว่า ข้อมูลที่ถูกขโมยมาจากกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ขณะที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว ทรัมป์บริภาษกลางยูเอ็น เตือนอาจต้องทำลายเกาหลีเหนือราบคาบ “เปรียบมวย” เกาหลี เหนือ-ใต้ จาก ส่วนสูง สู่ กำลังพล นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า แฮ็กเกอร์ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ระบุแผนการของกองกำลังพิเศษของเกาหลีใต้ ข้อมูลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าและสถานที่ทางการทหารที่สำคัญต่าง ๆ ในเกาหลีใต้ด้วย นายรี ซึ่งมาจากพรรครัฐบาลของเกาหลีใต้ และเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกลาโหมของรัฐสภาด้วย กล่าวว่า เอกสารทางการทหารขนาด 235 กิกะไบต์ ถูกขโมยไปจากศูนย์ข้อมูลรวมกลาโหม (Defence Integrated Data Center) และเอกสารเหล่านี้ราว 80% ยังไม่ได้รับการตรวจสอบว่าเป็นเอกสารอะไร การเจาะระบบของแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว และเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เกาหลีใต้ออกมาระบุว่าถูกล้วงข้อมูลไปเป็นจำนวนมาก และคิดว่าเกาหลีเหนืออาจจะปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ แต่เกาหลีใต้ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ด้านเกาหลีเหนือปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและกล่าวหาเกาหลีใต้ว่า “กุเรื่อง” ขึ้น…

สุดเหิมเกริม! คนร้ายถือปืนบุกพระราชวังกษัตริย์ซาอุ สังหารราชองครักษ์ตาย 2 นาย

Loading

วันที่ 7 ต.ค. อัลจาซีรารายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายบุกกราดยิงที่พระราชอัล-ซาลามในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้ราชองครักษ์เสียชีวิต 2 นาย รายงานระบุว่า คนร้ายที่ทราบชื่อภายหลังว่า นายมันเซาร์ อัล-อมารี ชาวซาอุดีอาระเบีย อายุ 28 ปี ขับรถมาที่ประตูตะวันตกของพระราชวังอัล-ซาลาม ก่อนลงจากรถที่จุดตรวจ พร้อมด้วยปืนไรเฟิลและระเบิดขวด และได้เปิดฉากกราดยิงจนราชองครักษ์เสียชีวิต 2 นาย ก่อนที่คนร้ายจะถูกวิสามัญในเวลาต่อมา ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุมีเป้าหมายหรือแรงจูงใจใด ทั้งนี้ ขณะเกิดเหตุ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย ไม่ได้ประทับอยู่ในประเทศ แต่อยู่ระหว่างการเสด็จฯ เยือนประเทศรัสเซีย ที่มา : ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 8 ตุลาคม 2560 – 20:46 น. ลิงค์ : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_557597

ทอท.แจงชายไลฟ์เฟซบุ๊ก ใช้บัตร ตร.ท่องเที่ยวเข้าสนามบินชั้นใน

Loading

กรณีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เผยแพร่ภาพสดขณะเดินเข้าเขตพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้านท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า ชายคนดังกล่าวได้นำบัตรประจำตัวของตำรวจท่องเที่ยว ที่ไม่ใช่ของตนเองเข้าไปในพื้นที่ ภาพเหตุการณ์ ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังเผยแพร่ภาพสด ระหว่างเดินเข้าไปรับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน ภายในพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้า ประตู F5 สนามบินสุวรรณภูมิ โดยใช้ช่องทางพิเศษสำหรับผ่านเข้า-ออก ที่มีไว้สำหรับพนักงาน และผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และจากภาพจะพบว่าชายคนดังกล่าวไม่ได้ติดบัตรอนุญาตให้เข้าพื้นที่แต่อย่างใด ทำให้โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบิน และเกิดคำถามในสังคม ว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้ชายคนนี้เข้าไปพื้นที่ชั้นในของสนามบิน เพราะไม่เห็นบัตร ที่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ รวมถึงแสดงความคิดเห็นในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบินด้วย นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า มีการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าชายที่แพร่ภาพสด ได้นำบัตรประจำตัวของตำรวจท่องเที่ยวนายหนึ่ง เข้าไปในพื้นที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนตำรวจท่องเที่ยวเป็นเจ้าของบัตรถูกสั่งย้ายไปช่วยปฏิบัติราชการในส่วนอื่นชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน ก่อนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมยืนยันว่า สนามบินทุกแห่ง มีมาตรฐานในการตรวจสอบบุคคลเข้า-ออกพื้นที่เฉพาะเข้มงวด โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นพื้นที่ชั้นใน หรือ แอร์ไซด์ จะต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมก่อน และที่สำคัญไม่อนุญาตให้มีการนำบัตรผู้อื่นเข้าไปใช้ได้ และเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลลบต่อการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยในสนามบิน ที่องค์การการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ ICAO จะเข้ามาตรวจสอบสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ด้านผู้กำกับการ 6…

ลาสเวกัส: มือปืนบุกเดี่ยวสาดกระสุนใส่คอนเสิร์ตกลางแจ้ง ตายอย่างน้อย 58 เจ็บกว่า 500

Loading

มือปืนบุกเดี่ยวกราดยิงจากห้องพักชั้นบนของโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ในลาสเวกัสเข้าใส่ฝูงชนในงานเทศกาลดนตรีกลางแจ้งซึ่งจัดขึ้นใกล้กับโรงแรม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 58 คน บาดเจ็บ 515 คน ส่วนมือปืนฆ่าตัวตายในที่เกิดเหตุ นับเป็นเหตุสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในสหรัฐฯ ตำรวจแถลงว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 22.08 น. ของคืนวันอาทิตย์ (12.08 น. ของวันจันทร์ ตามเวลาในประเทศไทย) โดยภาพวิดีโอที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นฝูงชนหลายร้อยคน พากันวิ่งหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ โดยมีกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือจำนวนหนึ่งเข้าระงับเหตุ และไล่ล่าติดตามตัวมือปืน   ตำรวจระบุว่า มือปืนเป็นชายชาวลาสเวกัสวัย 64 ปี ชื่อ สตีเฟน แพดด็อก เขาเปิดฉากกราดยิงลงมาจากห้องพักชั้น 32 ของโรงแรม เข้าใส่ฝูงชน ที่กำลังไปร่วมชมดนตรีกลางแจ้งซึ่งคาดว่ามีผู้ชมถึง 22,000 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่ามือปืนได้ฆ่าตัวตายในห้องพักของโรงแรมในขณะที่ตำรวจจู่โจมเข้าไปในห้อง ซึ่งพบว่ามีปืนอีก 10 กระบอกอยู่ ล่าสุดตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายแพดด็อก และตามหาหญิงชาวเอเชีย ชื่อมาริลู แดนลีย์ ซึ่งเชื่อว่าเคยอยู่กับนายแพดด็อก โดยเขาได้ใช้เอกสารของผู้หญิงคนนี้ลงทะเบียนเข้าพักโรงแรมดังกล่าว   อย่างไรก็ดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบว่าแดนลีย์ ไม่ได้อยู่ในสหรัฐฯ และไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ…

‘โดรน’ ให้คุณหรือโทษแก่มวลมนุษยชาติกันแน่?

Loading

อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ที่ล้ำสมัยขึ้นเรื่อยๆ ได้สร้างประโยชน์ให้กับนักวิทยาศาสตร์ ตำรวจ และภาคธุรกิจ แต่ในทางกลับกันราคาของโดรนที่ถูกลงและหาซื้อได้ง่ายนั้น อาจเป็นช่องทางในการผลิตอาวุธสังหารแบบเคลื่อนที่เร็วได้ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้สร้างความกังวลให้กับวงการตำรวจ โดย Larry Satterwhite จาก Houston Police Department ในรัฐเท็กซัส บอกว่า เทคโนโลยีรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และในฐานะตำรวจก็ต้องเล่นไล่จับกับเทคโนโลยีที่ใช้ในทางมิชอบในปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่ Richard Lusk นักวิทยาศาสตร์จาก Oak Ridge National Laboratory บอกว่า มีหลายเหตุการณ์ที่ใช้โดรนขนส่งยาเสพติดและอาวุธปืนไปให้กับนักโทษในเรือนจำสหรัฐฯ หรือในตะวันออกกลางได้ใช้โดรนทิ้งระเบิดเข้าทำร้ายพลเมืองเลยก็มี คุณ Richard ย้ำว่า แนวทางรับมือการโจมตีจากโดรน สามารถทำได้ด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำลายระบบควบคุมระบบระบุพิกัดบนโลก หรือ GPS ที่อยู่ภายในโดรน และใช้คลื่นวิทยุรบกวนระบบการสื่อสารระหว่างโดรนและผู้ควบคุม อย่างไรก็ตาม ในด้านมืดก็มีด้านสว่าง เพราะการก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีโดรน อาจเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้ได้เช่นกัน อย่างอุตสาหกรรมเคมี ได้เลือกใช้อากาศยานไร้คนขับนี้เพื่อตรวจสอบโครงสร้างภายในและทำหน้าที่แทนมนุษย์ในงานที่เสี่ยงอันตราย ที่โรงกลั่นน้ำมัน Shell ใกล้กับเมือง Houston เริ่มใช้โดรนในงานเสี่ยงภัยแทนมนุษย์เมื่อปีก่อน Gary Scheibe ตัวแทนจากโรงกลั่นน้ำมัน…

กรณี Deloitte ยังไม่จบ! ข้อมูล Login สำหรับ VPN และ Proxy ถูกเปิดสาธารณะ เปิด RDP ให้เข้าจากภายนอกโดยตรงได้จำนวนมาก

Loading

ยังไม่จบกับเรื่องราวของ Deloitte ที่เพิ่งมีเหตุข้อมูลรั่วไป อ่านต่อได้ที่ (ยืนยัน Deloitte ถูกแฮ็ค ข้อมูลอีเมลลูกค้ารั่วสู่สาธารณะ) ล่าสุดนี้มีการพบหลักฐานมากมายเกี่ยวกับประเด็นปัญหาด้านความมั่นคงปลอดภัยของ Deloitte เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นกรณี Credential ของ VPN ถูกเปิดเผยบน GitHub, Credential ของ Proxy ถูกเผยบน Google+ และยังมีการเปิดให้เชื่อมต่อ RDP เข้าไปยังบริการสำคัญภายใน Deloitte จากภายนอกโดยตรงได้อีกจำนวนมาก ในวันอังคารที่ผ่านมาได้มีผู้พบการเปิดเผยข้อมูล VPN Username, Password และวิธีการใช้งานของ Deloitte บน GitHub ที่เปิดสาธารณะ และปัจจุบันได้ถูกลบออกไปแล้ว รวมถึงยังมีกรณีที่พนักงานของ Deloitte เองได้ทำการอัปโหลดข้อมูล Login Credential สำหรับบริการ Proxy ภายใน Deloitte ขึ้นไปบน Google+ มาแล้วเป็นเวลากว่า 6 เดือน ก่อนจะถูกลบออกไปเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้ Dan Tentler…