รับมือภัยไซเบอร์ ! ไทย – สหรัฐฯ ร่วมสานพลัง

Loading

วุฒิสมาชิกรัฐโคราโดและประธานคณะอนุกรรมการด้านเอเชียตะวันออก แปซิฟิกและนโยบายความมั่นคงทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี วุฒิสมาชิกรัฐโคราโดและประธานคณะอนุกรรมการด้านเอเชียตะวันออก แปซิฟิกและนโยบายความมั่นคงทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี วันนี้  (พฤ 31 พ.ค. 2561 ) เวลา 13.30 น. นาย Cory Gardner (คอรี่ย์ การ์ดเนอร์) ประธานคณะอนุกรรมการด้านเอเชียตะวันออก แปซิฟิก และนโยบายความมั่นคงทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรี ยินดีต้อนรับวุฒิสมาชิก Cory Gardner ที่เดินทางเยือนไทยเป็นครั้งแรก โดยปีนี้จะครบรอบ 200 ปี ที่ประชาชนของทั้งสองติดต่อค้าขายกัน และครบรอบ 185 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และหวังว่าไทยและสหรัฐฯ จะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในอนาคตอย่างยาวนานต่อไป โอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จฯ ในพิธีเปิดนิทรรศการ…

นักวิจัยรายงานการโจมตีการเชื่อมต่อ Z-Wave แฮกเกอร์อาจเข้าควบคุมล็อกประตู, สัญญาณกันขโมยได้

Loading

ทีมวิจัยจาก Pen Test Partners รายงานถึงการโจมตีโปรโตคอล Z-Wave ที่มักใช้งานในอุปกรณ์ IoT หลากหลายยี่ห้อ ช่องโหว่ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าควบคุมอุปกรณ์ IoT ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น หลอดไฟ, ล็อกประตู, หรือแม้แต่สัญญาณกันขโมย การโจมตีครั้งนี้อาศัยการลดการเข้ารหัสจากกระบวนการแบบ S2 ที่ความปลอดภัยสูงไปสู่การเข้ารหัสแบบเก่ากว่าคือ S0 ที่เคยมีรายงานการโจมตีตั้งแต่ปี 2013 สาเหตุจากแพ็กเก็ตส่งข้อมูลว่าตัวควบคุมอุปกรณ์รองรับการเข้ารหัสแบบใดบ้างนั้น ไม่มีการเข้ารหัสหรือการยืนยันความถูกต้องของแพ็กเก็ตแต่อย่างใด เมื่อแฮกเกอร์สามารถดักแพ็กเก็ตจากตัวควบคุมที่ส่งไปยังอุปกรณ์ปลายทางแล้วส่งแพ็กเก็ตปลอมไปแทนที่ ก็สามารถบังคับให้อุปกรณ์เชื่อมต่อกับตัวควบคุมในรูปแบบการเข้ารหัส S0 ที่แฮกได้ง่ายได้ การสาธิตการโจมตี ผู้โจมตีต้องอยู่ในระยะใกล้บางกรณีอาจจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ด้วย อย่างไรก็ดี Pen Test Partners แสดงความไม่พอใจต่อ Silabs ผู้ออกมาตรฐาน Z-Wave และรับรองอุปกรณ์ ที่ออกมาตอบว่าช่องโหว่นี้เป็นช่องโหว่ที่รู้อยู่ก่อนแล้ว และจะไม่มีการแก้ไขเพราะมาตรฐานระบุว่าหากคอนโทรลเลอร์เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ด้วยการเข้ารหัส S0 ให้แจ้งเตือนผู้ใช้ และ Z-Wave Alliance เคยประกาศว่าอุปกรณ์ที่จะได้รับรองหลังเดือนเมษายน 2017 ต้องรองรับการเข้ารหัส S2 แต่หนึ่งปีที่ผ่านมา อุปกรณ์ที่ได้รับรองหลังเส้นตาย 180 รายการกลับรองรับ S2…

นักวิจัยพบ องค์กรกว่า 31% ทำข้อมูลความลับใน Google G Suite รั่วสู่สาธารณะ

Loading

Kenna Security บริษัทวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยได้ทำการสำรวจข้อมูลบน Google Group ขององค์กรกว่า 9,600 แห่ง และพบว่ามีองค์กรกว่า 31% ที่ทำข้อมูลจาก Email ขององค์กรรั่วบน Google Group นี้เนื่องจากการตั้งค่าที่ผิดพลาด Kenna Security ได้ให้ความเห็นว่า Google Group ซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถใน Google G Suite นี้มีความสามารถในการใช้งานที่ซับซ้อน และทำให้ผู้ดูแลระบบเกิดความสับสนในเรื่องของการกำหนดสิทธิ์ต่างๆ ภายในระบบ ทำให้ผู้ดูแลระบบบางส่วนเข้าใจเอกสารอธิบายความสามารถและการทำงานของระบบผิด ทำให้การตั้งค่าผิดตาม และเกิดกรณีที่ข้อมูล Email นั้นรั่วไหลสู่สาธารณะออกมาทาง Google Group นั่นเอง กรณีข้อมูลรั่วในครั้งนี้เกิดขึ้นกับองค์กรหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่หน่วยงานรัฐ, ธุรกิจใน Fortune 500, โรงพยาบาล, มหาวิทยาลัย, หนังสือพิมพ์, สถานีโทรทัศน์ และอื่นๆ ครอบคลุมทั้งข้อมูลด้านการเงิน, รหัสผ่าน และอื่นๆ โดยที่ผู้โจมตีและต้องการเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ไม่ได้ต้องอาศัยความรู้เทคนิคเชิงลึกเลย อย่างไรก็ดี กรณีนี้ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการตั้งค่าของผู้ดูแลระบบ ดังนั้นจึงไม่มีการแก้ไขออกมาจากทางฝั่งของ Google…

‘ออสซี่’ ทบทวนหน่วยงานข่าวกรองครั้งใหญ่ เพิ่มความแข็งแกร่งสู้อิทธิพลต่างชาติ

Loading

รัฐบาลออสเตรเลียประกาศ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา เริ่มกระบวนการทบทวนหน่วยงานด้านข่าวกรองของประเทศที่ครอบคลุมมากที่สุดในรอบหลายสิบปี ท่ามกลางความห่วงกังวลด้านการก่อการร้าย รวมถึงการแทรกแซงทางการเมืองจากต่างประเทศ รายงานระบุว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองความมั่นคงแห่งชาติ (เอเอสไอโอ) ของออสเตรเลียจะเป็นประธานในการตรวจสอบที่จะเน้นไปที่การทบทวนการแบ่งปันข้อมูล ทรัพยากร รวมถึงกฎหมาย ที่หน่วยงานข่าวกรองส่วนกลางและท้องถิ่นนั้นใช้ร่วมกัน คริสเตียน พอร์เตอร์ อัยการสูงสุดออสเตรเลียระบุว่า การทบทวนครั้งนี้นับเป็นการทบทวนกฎหมายด้านข่าวกรองครั้งใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 โดยการทบทวนดังกล่าวนั้นมีขึ้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมด้านข่าวกรองในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป และการทบทวนมีความจำเป็นเพื่อทำให้แน่ใจว่าหน่วยงานข่าวกรองมีเครื่องมือและกรอบการทำงานที่จะทำงานให้เป็นไปตามเป้าประสงค์หลักนั่นคือการทำให้ชาวออสเตรเลียปลอดภัย ทั้งนี้การทบทวนดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในกระบวนการปฏิรูปกฎหมายจารกรรมและการแทรกแซงจากต่างชาติ ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีก่อนโดยเน้นไปที่ความห่วงกังวลในการแทรกแซงทางการเมืองจากจีน หลังมีรายงานข่าวว่ามหาเศรษฐีชาวจีน ใช้การบริจาคเงินเพื่อเข้าถึงพรรคการเมืองออสเตรเลีย ———————————————————————- ที่มา : MATICHON Online / 30 พฤษภาคม 2561 Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_976991

หวั่นสหรัฐเอาไม่อยู่ ถ้าเกิดสงครามนาทีนี้จะถูกรัสเซีย-จีน สอยเครื่องบินรบได้ง่ายดาย

Loading

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เว็บไซต์นิวสวีก รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประเมินว่าจากเทคโนโลยีการทหารของรัสเซีย และจีนที่พัฒนามากขึ้นในปัจจุบัน อาจจะทำให้เครื่องบินรบของสหรัฐต้องเจอปัญหาความยุ่งยาก และอาจถูกยิงตกได้ภายในวันแรก หากเกิดสงครามขึ้น ฮีตเธอร์ วิลสัน รัฐมนตรีหญิงแห่งกระทรวงทหารอากาศสหรัฐ รายงานต่อคณะอนุกรรมาธิการวุฒิสภาในเรื่องกลาโหมถึงแผนการยกระดับอัพเกรดเครื่องบินรบของรัสเซีย และจีนที่มีเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นว่าอาจจะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพสหรัฐได้ง่ายขึ้น หากสหรัฐไม่เร่งพัฒนาให้ล้ำหน้ากว่า นอกจากนี้นางวิลสันยังพูดถึงเรื่องระบบ JSTARS (ย่อมาจาก Joint Surveillance Target Attack Radar System) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ควบคุมและกำหนดทิศทางการบินให้กับหน่วยบินสอดแนมเพื่อหาข้อมูลให้กับทหารภาคพื้น โดยทางกองทัพอาหารเล็งที่จะเปลี่ยนเอาเทคโนโลยี JSTARS ที่ใช้มานานในเครื่องบินสอดแนม 17 ลำออก และจะเอาระบบจัดการการต่อสู้ขั้นสูงเข้ามาแทนที่ ระบบนี้จะผสานทั้งระบบควบคุมโดยมนุษย์ และไร้มนุษย์ อีกทั้งยังทำระดับขึ้นสู่อวกาศเพื่อสอดแนมได้ แต่อนุกรรมาธิการเสนอว่าหากปลดระบบ JSTARS ออก งบประมาณจะถูกลดลงถึงร้อยละ 50 นางวิลสันชี้แจงว่าแม้ว่าทางกองทัพจะอัพเกรดระบบ JSTARS ก็ยังไม่เพียงพอต่อการรับมือรัสเซีย และจีนในแง่การป้องกันประเทศ พร้อมระบุว่าสองประเทศนี้มีระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศที่มีระยะไกลกว่าระยะของระบบ JSTARS และเครื่องบินของสหรัฐจะถูกยิงตกในวันแรกของสงครามอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ทางกองทัพสหรัฐรู้ดีถึงขีดความสามารถของรัสเซีย และจีน อย่างระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน เอส-400 ที่โจมตีศัตรูในระยะไกลกว่า 400 กิโลเมตร…