เวียดนามเริ่มบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ควบคุมเนื้อหาพิษต่อต้านรัฐ

Loading

เอเอฟพี – กฎหมายที่กำหนดให้บริษัทอินเทอร์เน็ตในเวียดนามต้องลบเนื้อหาที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์เห็นว่าต่อต้านรัฐ มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันอังคาร (1ม.ค.62 ) ความเคลื่อนไหวที่นักวิจารณ์เรียกว่า “รูปแบบเผด็จการของการควบคุมข้อมูล” กฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ฉบับใหม่ของเวียดนาม ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และผู้สนับสนุนเสรีภาพอินเทอร์เน็ต ที่กล่าวว่าเป็นการเลียนแบบการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตของจีน กฎหมายฉบับนี้กำหนดให้บริษัทอินเทอร์เน็ตลบเนื้อหาที่รัฐบาลมองว่าเป็น “พิษ” นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างเฟซบุ๊ก และกูเกิล ยังต้องมอบข้อมูลผู้ใช้งานหากรัฐบาลร้องขอ และเปิดสำนักงานตัวแทนในเวียดนาม กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนามได้ประกาศร่างกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเมื่อเดือน พ.ย. โดยให้เวลาบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตในเวียดนามนาน 12 เดือน ที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ ยังระบุว่า กฎหมายใหม่มีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ และกำจัด “กองกำลังฝ่ายตรงข้ามและผู้ที่เป็นปฏิปักษ์” ใช้อินเทอร์เน็ตยั่วยุปลุกปั่นความรุนแรงและการเห็นต่าง  เฟซบุ๊กตอบสนองต่อกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากรัฐสภาเวียดนามเมื่อเดือน มิ.ย. ว่า พวกเขามุ่งมั่นต่อการปกป้องสิทธิของผู้ใช้งานและทำให้ผู้คนสามารถแสดงความเห็นของตนเองได้อย่างอิสระและปลอดภัย “เราจะลบเนื้อหาที่ละเมิดมาตรฐานของเฟซบุ๊กเมื่อเรารับทราบถึงเนื้อหานั้น” เฟซบุ๊ก ระบุ และเสริมว่า บริษัทมีกระบวนการที่ชัดเจนในการจัดการกับคำร้องขอจากรัฐบาลทั่วโลก ฮานอย กล่าวว่า กูเกิลกำลังดำเนินการที่จะเปิดสำนักงานในเวียดนามเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ กฎหมายยังห้ามมิให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในเวียดนามเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกมองว่าเป็นการต่อต้านรัฐ ต่อต้านรัฐบาล หรือใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อบิดเบือนประวัติศาสตร์ และโพสต์ข้อมูลไม่ถูกต้องที่อาจก่อความสับสนและสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจ นักวิจารณ์ กล่าวว่า เสรีภาพออนไลน์กำลังถดถอยลงภายใต้การบริหารของรัฐบาลสายแข็งกร้าวที่เข้าบริหารประเทศตั้งแต่ปี 2559 และในช่วงหลายปีมานี้ มีนักเคลื่อนไหวหลายสิบรายถูกจำคุก …

มาเลเซียใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าจับอาชญากร

Loading

รัฐปีนังของมาเลเซียนำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าและ AI ที่พัฒนาโดยบริษัท IBM มาใส่ในกล้องวงจรปิด 767 ตัวทั่วเกาะ เพื่อใช้ตรวจจับอาชญากรรม หลายคนอาจจะกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวแต่ทางสภาของรัฐยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้เพื่อตรวจจับใบหน้าของอาชญากรเท่านั้น เพื่อลดการก่อเหตุบนท้องถนน Chow Kon Yeow ผู้ว่าการรับปีนังให้สัมภาษณ์ว่า “เทคโนโลยีนี้จะช่วยจับภาพใบหน้าของอาชญากรหรือคนที่ตำรวจต้องการตัว ด้วยการควบคุมจากห้องควบคุมของ MBPP ที่สภาของเมือง และสำนักงานตำรวจของรัฐปีนัง การตรวจจับจะทำผ่านกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งทั่วเกาะ เป้าหมายเบื้องต้นคือลดอาชญากรรมบนท้องถนน เพื่อสร้างความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีกับประชาชน เค้าตั้งเป้าจะเพิ่มกล้องพร้อมเทคโนโลยีจดจำใบหน้าให้เป็น 3,000 ตัวทั่วรัฐ เพื่อป้องกันการเกิดอาชญากรรมได้ดีขึ้น รวมถึงขยายพื้นที่ไปยังพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่ใต้การปกครองของรัฐ Seberang Perai Municipal Council (MPSP)” ส่วนทาง A. Thaiveegan ผู้บัญชาการตำรวจแห่งรัฐปีนังบอกว่า ได้ทำการอัพโหลดรูปของผู้ร้ายและคนที่ตำรวจต้องการตัวขึ้นไปในระบบเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีการตรวจเจอใบหน้าเมื่อไหร่ AI ก็จะแจ้งเตือนทันที ซึ่งทางปีนังได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศจีนที่เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้มาตั้งแต่ปี 2005 แม้ว่าเทคโนโลยีจดจำใบหน้านั้นอาจจะไม่ได้ไว้วางใจได้ 100% เพราะอย่างในจีนนั้นก็มีปัญหากล้องที่เอาไว้ตรวจจับคนข้ามถนนผิดที่ ตรวจจับโฆษณาข้างรถเมล์ ส่งใบสั่งไปให้คนที่อยู่ในรูปแทนทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดซึ่งอันนี้ก็ต้องมารอดูการปรับปรุงระบบให้ฉลาดขึ้น แต่เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ทางการของจีน ช่วยระบุตัวคนที่น่าสงสัยได้ถึง 2,000 คน จับกุมอาชญากรได้ถึง 200 คดี ————————————————————— ที่มา…