กสทช ร่วมตำรวจ ตรวจติดตามการปรับเสาสัญญาณ และมาตรการลงทะเบียนเปิดใช้ซิม ชายแดนไทยกัมพูชา รับ นโยบายของ นายกรัฐมนตรี กำชับให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเร่งแก้ปัญหา แต่ดูเหมือนว่ายังไม่เป็นที่พอใจของผู้นำรัฐบาล ที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ต้องออกมาบัญชาการ ขีดเส้นในการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ให้มีผลงานชัดเจนใน 30 วัน!!
วันนี้ (22 เมษายน) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และหน่วยงานช่วยเหลือดูแลประชาชนที่เกี่ยวข้อง เร่งควบคุมสถานการณ์ดูแลผลกระทบที่อาจเกิดแก่ประชาชน กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้กากสารเคมีอุตสาหกรรม บริเวณอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ไม่ได้คุกคามเฉพาะด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ แต่จะมีบทบาทไปทุกภาคส่วนของสังคม รวมถึงภาครัฐที่จำเป็นจะต้องปรับตัวให้ทันตามเทคโนโลยีทั้งในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน การกำกับดูแลเทคโนโลยีที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ขับเคลื่อนนโยบายเอไอ รวมถึงการเจรจากับบริษัทข้ามชาติ เพื่อให้เกิดการลงทุนปัญญาประดิษฐ์ และเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะให้ความสำคัญ
การรับอารักขาขบวนเสด็จเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่เราต้องให้การดูแลบุคคลสำคัญ และกำชับให้สำนักข่าวกรองดูแลเรื่องนี้ให้ดี ๆ เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกันขึ้น อยากให้อยู่ด้วยกันด้วยความสามัคคี
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ นทท.จีน ในการท่องเที่ยวประเทศไทย รัฐบาลมีโครงการให้ ตร.จีน ลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวหลักและรอง ขณะที่ภาคเอกชนยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่ขอเเสดงความคิดเห็น ภายหลังการประชุมร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า นายกฯ ได้ติดตามเรื่องความปลอดภัย คุณภาพสินค้า และการบริการนักท่องเที่ยว
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว