เมื่อ ‘พญามังกร’ ใช้ข้อมูลเป็นอาวุธท้าทายประชาธิปไตยโลก

Loading

“จีน” ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังเปลี่ยนแปลงกติกาการแข่งขันโลกผ่านการใช้ข้อมูลเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ นโยบาย “ข้อมูลเป็นทรัพยากรพื้นฐาน” ที่รัฐบาลจีนผลักดันไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันที่อาจทำให้ประเทศประชาธิปไตยเสียสมดุลอำนาจในเวทีโลกอีกด้วย

ตำรวจเซอร์เบียปะทะผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล

Loading

ผู้ประท้วงราว 140,000 คนรวมตัวกันในกรุงเบลเกรด ซึ่งถือเป็นจำนวนผู้มาชุมนุมมากที่สุดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่การชุมนุมที่นำโดยนักศึกษาได้เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลประชานิยม ฝูงชนตะโกนว่า “เราต้องการการเลือกตั้ง!” ผู้ประท้วงหลายสิบคนถูกจับกุม โดยตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาและระเบิดแสง

ตำรวจสหรัฐฯ จับกุมผู้ต้องสงสัยบุกยิง ส.ส.หญิงเดโมแครต

Loading

ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เผย การตามล่ามือปืน 2 วัน สิ้นสุดลงแล้ว ทางการสามารถจับกุม แวนซ์ โบลเตอร์ ชายวัย 57 ปี ที่บุกยิง เมลิสซา ฮอร์ตแมน สมาชิกสภาผู้แทนผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเดโมแครต และสามีของเธอ จนเสียชีวิตในบ้าน ด้วยการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

รายงานระบุว่าไต้หวันจำเป็นต้องตอบโต้การละเมิดที่เพิ่มขึ้นจากจีน

Loading

รัฐบาลจีนกำลังขยายการเฝ้าระวังและกลยุทธ์การแทรกแซงในไต้หวัน และไต้หวันจำเป็นต้องป้องกันภัยคุกคามเพื่อรักษาความมั่นคงและประชาธิปไตยของตน ตามรายงานของสถาบันวิจัยในสหรัฐอเมริกาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568
สถาบันไต้หวันระดับโลกรายงานว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังพยายามแทรกซึมเข้าไปในไต้หวันผ่านการปฏิบัติการข่าวกรอง การแทรกแซงในโลกไซเบอร์ และการสร้างเครือข่ายในหมู่พลเมืองในด้านการเมือง ธุรกิจ สื่อ และวิชาการ “การดำเนินการเหล่านี้ไม่เพียงแค่รวบรวมข่าวกรองแบบดั้งเดิม แต่ยังมีเป้าหมายที่จะทำลายความสามัคคีในสังคม

คุยการเมืองเรื่องทรัมป์ เทรดวอร์และระเบียบโลกใหม่ กับศ.ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี

Loading

    “กรุงเทพธุรกิจ” ชวนพูดคุยกับ ศ. ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย ถึงผลของการกลับมาของทรัมป์ที่มีต่อระเบียบโลกและประชาธิปไตยสหรัฐ   การกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐจากพรรครีพับลิกันสร้างทั้งความตระหนักและตระหนกให้กับประชาคมโลกโดยเฉพาะประเด็นนโยบาย America First ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกครั้งใหญ่   ว่ากันว่าภายใต้การนำของทรัมป์ สหรัฐมีแนวโน้มที่จะถอยห่างจากบทบาทผู้นำโลกเสรีที่เคยดำรงมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยหันมาเน้นการเจรจาแบบทวิภาคีที่มุ่งผลประโยชน์ระยะสั้นมากกว่าการรักษาพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาว การถอนตัวจากข้อตกลงระหว่างประเทศสำคัญๆ อย่างความตกลงปารีสและองค์การอนามัยโลกในสมัยแรก สะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก   ขณะเดียวกัน การที่ทรัมป์มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำประเทศที่นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์จำนวนหนึ่งมองว่ามิได้ยึดถือหลักการประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน หรือเกาหลีเหนือ ก็ส่งสัญญาณว่าสหรัฐอาจไม่ได้ยึดมั่นในอุดมการณ์ดังกล่าวเหมือนในอดีต (?) การเมืองระหว่างประเทศกำลังเคลื่อนไปสู่ยุคที่ความสัมพันธ์ “ส่วนตัว” ระหว่างผู้นำมีความสำคัญมากกว่าค่านิยมร่วมหรือผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศ   นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานะความเป็นประชาธิปไตยของสหรัฐเอง หลังจากที่ทรัมป์ปฏิเสธผลการเลือกตั้งในปี 2020 จนนำไปสู่เหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาในวันที่ 6 ม.ค. ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของประชาธิปไตยอเมริกัน การแบ่งขั้วทางความคิดที่รุนแรงขึ้น ประกอบกับวิธีการหาเสียงที่เน้นการโจมตีคู่แข่งและการสร้างความเกลียดชัง ทั้งหมดล้วนส่งผลให้สถาบันจัดอันดับประชาธิปไตยระดับโลกจัดให้สหรัฐเป็นเพียง “ประชาธิปไตยที่บกพร่อง”   แม้ว่าทรัมป์จะยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ทิศทางนโยบายต่างประเทศที่เขาวางไว้ก็มีความเป็นไปได้ว่าทั้งโลกกำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะซับซ้อนและไม่แน่นอนมากขึ้น…

สหราชอาณาจักรจ่อแบนรัฐบาลต่างประเทศที่เป็นเจ้าของ “หนังสือพิมพ์อังกฤษ”

Loading

ทางการสหราชอาณาจักร ประกาศแผนห้ามไม่ให้รัฐบาลในต่างประเทศ เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์อังกฤษ นับเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจขัดขวางการเทคโอเวอร์บริษัท “เทเลกราฟ มีเดีย กรุ๊ป” (ทีเอ็มจี) ซึ่งนำโดยรัฐบาลอาบูดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)