จำคุกนักเคลื่อนไหวสิงคโปร์ จัดม็อบเล็กๆ ประท้วงรัฐบาล

Loading

ศาลสิงคโปร์ตัดสินจำคุกโจโลแวน แวม หลังจัดม็อบบนขบวนรถไฟใต้ดิน   เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมาศาลสิงคโปร์จำคุกโจโลแวน แวม วัย 40 ปี หลังรับสารภาพว่าจัดประท้วงเล็กๆ บนรถไฟใต้ดินเมื่อเดือนมิถุนายน 2017 เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่กลุ่มคน 22 คนที่ถูกจับกุมในปี 1987 ภายใต้กฎหมายโทษร้ายแรงซึ่งอนุญาตให้กักขังได้โดยไม่ต้องพิจารณาคดี นอกจากนี้ประท้วงโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วแวมยังถูกตั้งข้อหาทำลายทัพย์สินเนื่องจากการติดประกาศบนหน้าต่างรถไฟ และข้อหาปฏิเสธลงนามในแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง แวมรับสารภาพผิดทั้ง 3 ข้อหา ซึ่งเขาจะถูกปรับเป็นเงิน 8,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 180,000 บาท หรือรับโทษจำคุก 32 วัน โดยแวมเลือกที่จะจ่ายค่าปรับส่วนหนึ่งและรับโทษจำคุก 22 วัน ทั้งนี้ ผู้พิพากษาระบุว่าแวมเป็นผู้กระทำความผิดซ้ำ เนื่องจากในปี 2016 เขาเคยถูกตัดสินโทษจำคุก 10 วันหลังจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งมีโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชื่อดังร่วมสนทนาผ่านทางสไกป์ด้วย —————————————————————————————————————————————————- ที่มา : โพสต์ทูเดย์   / วันที่เผยแพร่ 17 ก.พ.64…

รัฐบาลสิงคโปร์เดินหน้าลดความเสี่ยงด้าน IT หลัง Digital Transformation อย่างรวดเร็วในช่วงโควิด 19

Loading

  คณะกรรมการ Public Accounts Committee ของสิงคโปร์รายงานถึงสถานการณ์ของระบบดิจิทัลและ IT ภายในภาครัฐ โดยพบความเสี่ยงในหลายด้านเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัลอย่างกว้างและรวดเร็วในช่วงวิกฤตโรคระบาด COVID-19 ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้ก็เป็นโจทย์ด้าน IT ที่รัฐบาลวางแผนจะแก้ไขต่อไป รายงานของ Public Accounts Committee เผยถึงจุดอ่อนและความเสี่ยงในระบบ IT ของหน่วยงานราชการสิงคโปร์ในปี 2020 ที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก Digital Transformation ที่ถูกเร่งให้เกิดในช่วงโรคระบาด ความเสี่ยงเหล่านี้ก็มีเช่น ความปลอดภัยของข้อมูล การรักษาความปลอดภัยระบบ การจัดการกับบัญชีผู้ใช้สำหรับพนักงานของรัฐที่โยกย้ายตำแหน่งหรือไม่ใช้งานแล้ว ระบบ Log ที่สามารถตรวจสอบการเข้าใช้งานระบบ IT ได้ และกลกไกการจัดการอื่นๆ เช่น กระบวนการรายงานเหตุเกี่ยวกับความปลอดภัยข้อมูล โดยความเสี่ยงเหล่านี้มีทั้งปัญหาเชิงเทคโนโลยี กระบวนการทำงาน และเชิงนโยบาย แผนการต่อไปของรัฐบาลสิงคโปร์จึงเป็นการอุดรูรั่วเหล่านี้ และเสริมสร้างระบบไอทีที่แข็งแรง ตรวจสอบได้ขึ้น เพื่อให้เป็นที่น่าเชื่อถือในอนาคตที่จะมีการพึ่งพาระบบดิจิทัลมากขึ้น สิงคโปร์มีหน่วยงานอย่าง Smart Nation and Digital Government Group (SNDGG) มาช่วยประเมินความเสี่ยง และจัดการปัญหาด้วยโครงการต่างๆ…

กูรูไซเบอร์ชี้ “สิงคโปร์” ถูกแฮกฐานข้อมูลสุขภาพครั้งใหญ่อาจเป็นฝีมือ “รบ.ต่างชาติ”

Loading

  เอเอฟพี – ผู้เชี่ยวชาญเผยการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์ ซึ่งทำให้ประวัติการรักษาโรคของประชาชนกว่า 1.5 ล้านคนถูกขโมย น่าจะเป็นฝีมือผู้ก่อการระดับรัฐ (state actors) เมื่อพิจารณาจากขนาดและความซับซ้อนในการเจาะข้อมูล รัฐบาลสิงคโปร์ออกมาแถลงยอมรับเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ได้โจมตีฐานข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข และเข้าถึงประวัติการรักษาโรคของชาวสิงคโปร์ราว 1.5 ล้านคน รวมถึงนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ซึ่งตกเป็นเป้าหมายแบบ ‘เฉพาะเจาะจง’ ของคนร้ายกลุ่มนี้ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้ “ผ่านการวางแผนมาอย่างรัดกุม และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่แฮกเกอร์มือสมัครเล่นหรือแก๊งอาชญากรทั่วๆ ไป” เจ้าหน้าที่สิงคโปร์ยังปฏิเสธที่จะระบุตัวตนของแฮกเกอร์กลุ่มนี้ โดยอ้าง ‘ปฏิบัติการด้านความมั่นคง’ แต่ผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ให้ความเห็นว่า รูปแบบการโจมตีที่สลับซับซ้อนและเน้นเป้าหมายระดับไฮโปรไฟล์อย่างนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง บ่งชี้ว่า น่าจะเป็นฝีมือ ‘ผู้ก่อการระดับรัฐ’ อีริค โฮห์ (Eric Hoh) ประธานประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ของบริษัทความมั่นคงไซเบอร์ FireEye เผยกับสำนักข่าวแชนแนลนิวส์เอเชีย ว่า การโจมตีครั้งนี้ถือเป็น “ภัยคุกคามที่ก้าวหน้า” “ลักษณะการโจมตีบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำโดยรัฐ และใช้เครื่องมือที่ทันสมัยมาก… พวกเขามีทั้งทรัพยากร แหล่งทุน…

ทำไมต้องสิงคโปร์? สถานที่ซัมมิต “ทรัมป์-คิม”

Loading

  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันแล้วว่า การประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกากับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ จะจัดขึ้นในวันที่ 12 มิถุนายน นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ “เราทั้งสองจะพยายามทำให้การประชุมสุดยอดเป็นช่วงเวลาพิเศษสุดเพื่อสันติภาพของโลก” ทรัมป์ ทวิตเมื่อวานนี้ ภาพ : AFP   กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ยืนยันเช่นกันว่า สิงคโปร์จะเป็นเจ้าภาพ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม นอกจากแสดงความหวังว่าการประชุมสุดยอดนัดหยุดโลกจะช่วยผลักดันอนาคตสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี การยืนยันในเรื่องนี้มีขึ้นหลังการไปเยือนกรุงเปียงยางครั้งที่สองของ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คนใหม่ เพื่อหารือเรื่องการประชุมเช่นกัน มีการคาดการณ์กันมาตลอดว่า สถานที่ใดที่จะได้ร่วมจารึกในประวัติศาสตร์สำหรับการประชุมสุดยอดที่ไม่เคยมีใครคาดว่าจะเกิดขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ มีการกะเก็งว่าอาจเป็นเขตปลอดทหาร กรุงเทพฯ เองก็เคยติดโผ หรือมองโกเลีย ก่อนมาลงตัวที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นตัวเก็ง เนื่องจากหลายเหตุผลประกอบกัน ตั้งแต่ความเป็นกลาง ความปลอดภัย และประสบการณ์จัดประชุมสุดยอดระหว่างประเทศมาหลายครั้ง ประเทศเกาะเล็กแต่สุดทันสมัยมีระบบรักษาความปลอดภัยรัดกุมและได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองปลอดภัยที่สุดในเอเชีย การจำกัดสื่อและการชุมนุมในที่สาธารณะอย่างเข้มงวด เป็นบรรยากาศแวดล้อมที่เกาหลีเหนือน่าจะพอใจ นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังอยู่ในสถานะที่หาได้ยากนั่นคือมีสัมพันธ์การทูตเป็นมิตรกับวอชิงตันและเปียงยาง เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และมีสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือเปิดดำเนินการเต็มรูปอยู่ในนครรัฐแห่งนี้   ภาพ : ไมค์ ปอมเปโอ -คิม จอง…

สนามบินสิงคโปร์ชางงีเริ่มทดสอบระบบจำแนกใบหน้าเพื่อตามหาตัวผู้โดยสารที่ไม่มาขึ้นเครื่อง

Loading

  ปัญหาของผู้โดยสารหายไม่มาขึ้นเครื่องจนสายการบินต้องประกาศตามนั้นเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้เที่ยวบินล่าช้า เนื่องจากผู้โดยสารอาจกำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ภายในสนามบินจนอาจลืมดูเวลาไม่ได้มาขึ้นเครื่องบินตามกำหนด ล่าสุดท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงีเริ่มทดสอบระบบจำแนกใบหน้าเพื่อตามหาผู้โดยสารหายมาใช้งานในสนามบินแล้ว โดยจะใช้ภาพจากกล้องเปรียบเทียบกับภาพบุคคลในฐานข้อมูลเพื่อตามผู้โดยสารที่อยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ของท่าอากาศยานให้มาขึ้นเครื่อง เพื่อลดระยะเวลาล่าช้าของเที่ยวบินลง Steve Lee หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของกลุ่มท่าอากาศยานชางงีกล่าวว่า “เรามีรายงานผู้โดยสารที่หายไปจำนวนมาก ดังนั้นหนึ่งในวิธีที่เราคิดได้คือจะต้องสืบและค้นหาผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทาง แน่นอนว่าจะต้องได้รับอนุญาตจากสายการบินด้วย” ปัจจุบัน T4 ซึ่งเป็นเทอร์มินัลใหม่ของสนามบินชางงีก็ได้นำมาใช้ในระบบบริการตนเองบ้างแล้ว เช่น เช็คอิน, แบ็คดรอป, ตรวจคนเข้าเมือง, ขึ้นเครื่องบิน ซึ่งท่าอากาศยานก็เตรียมนำระบบจำแนกใบหน้ามาปรับปรุงใช้ในเทอร์มินัล 1-3 ด้วย ซึ่ง Lee บอกว่าในอนาคตอาจจะสามารถใช้ไบโอเมตริกแทนพาสปอร์ตได้ Lee เผยว่านอกจากระบบรู้จำใบหน้าแล้ว ท่าอากาศยานชางงียังทดสอบเทคโนโลยีใหม่อยู่เรื่อย ๆ อย่างเช่นการใช้เซนเซอร์ตรวจสอบเมื่อเครื่องบินถอยกลับจากเกทหรือเมื่อเทคออฟ ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ประสิทธิภาพการตัดสินใจสั่งการบนหอบังคับการบินดีขึ้น และลดเวลา taxiing ของเครื่องบินลงได้ถึง 90 วินาทีต่อเที่ยวในช่วงพีค หรือระบบ AI ที่ทำนายสภาพอากาศ, ลม และเส้นทางการแลนดิ้งของเครื่องบินเพื่อทำนายเวลาถึงสนามบินได้แม่นยำขึ้น   —————————————————————————————————————– ที่มา : Blognone nutmos / วันที่ 1…