ศัตรูมีหนาว! กองทัพจีนคืบหน้าครั้งสำคัญ วิจัยอาวุธเลเซอร์ยิงได้ไกลทุกพิสัยตามต้องการ

Loading

แฟ้มภาพจากนาวิกโยธินสหรัฐฯ   นักวิทยาศาสตร์ของประสบความคืบหน้าครั้งสำคัญในงานวิจัยพัฒนาอาวุธเลเซอร์พลังงานสูง ที่สามารถยิงเป้าหมายได้ไกลเท่าใดก็ได้ตามความปรารถนาของผู้ปฏิบัติการ โดยไม่สามารถขัดขวางและประสิทธิภาพของมันก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อย   บรรดานักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีป้องกันตนเองแห่งชาติ ในเมืองฉางชา ประเทศจีน เผยแพร่ผลการวิจัยของพวกเขาที่ผ่านการตรวจทานจากผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ในวารสาร Acta Optica Sinica ในเดือนนี้ อ้างว่าได้พัฒนาระบบหล่อเย็นใหม่หนึ่งขึ้นมา ซึ่งมันทำให้การปฏิบัติการเลเซอร์พลังงานสูงแบบไร้ขีดจำกัดนั้นมีความเป็นได้ โดยปราศจากผลกระทบของภาวะร้อนเกินไปแต่อย่างใด   “นี่คือความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบเลเซอร์พลังงานสูง” ทีมงานวิจัยกล่าวในเอกสารการวิจัย “ลำแสงคุณภาพสูง ไม่ได้แค่สามารถผลิตออกมาในวินาทีแรก แต่มันยังคงศักยภาพไว้อย่างไม่มีขีดจำกัด”   ระบบหล่อเย็นจะควบคุมการไหลของกระแสแก๊ส สำหรับเข้าไปขจัดความร้อนภายในอาวุธเลเซอร์ ป้องกันการสั่นและเหตุติดขัดต่าง ๆ มันสามารถปฏิบัติการได้นานขึ้น มีพิสัยทำการเพิ่มขึ้นและมีพลานุภาพการโจมตีมากกว่าเดิม จากคำกล่าวอ้างของพวกนักวิจัย พร้อมเน้นว่ากว่า 60 ปีนับตั้งแต่มีการประดิษฐ์เลเซอร์ทับทิมเป็นครั้งแรก พวกนักพัฒนาอาวุธไม่เคยสามารถสร้าง “ลำแสงมรณะที่สามารถจัดการกับเป้าหมายต่าง ๆ อย่างทันทีทันใดได้เลย”   สหรัฐฯ ได้ยกเลิกโครงการอาวุธเลเซอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดบางส่วนไปแล้ว แม้มันสามารถสอยร่วงเป้าหมายได้อย่างแม่นยำในการทดสอบ “เหตุผลที่แท้จริงของการยกเลิกโครงการต่าง ๆ เหล่านี้คือ พลานุภาพการทำลายล้างของมันไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง” จากความเห็นของเหล่านักวิทยาศาสตร์จีน   อาวุธลักษณะนี้มักก่อลำแสงพลังงานสูงที่ทำให้อุณหภูมิแก๊สพุ่งสูงระหว่างการเดินทาง ขณะที่มันพุ่งผ่านอากาศ จนก่อให้เกิดความปั่นป่วน ผลกระทบนี้อาจทำให้ลำแสงบิดเบี้ยว บั่นทอนความแม่นยำและความเข้มข้นของมัน นอกจากนี้…

จนท.ฮาวายโต้เสียงวิจารณ์เรื่องไม่เปิดเสียงไซเรนเตือนไฟป่า

Loading

  เจ้าหน้าที่รัฐฮาวายของสหรัฐฯ ชี้แจงสาเหตุที่ไม่เปิดเสียงไซเรนเตือนภัยในช่วงที่เกิดไฟป่ารุนแรง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 110 ศพ   เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (16 ส.ค. 2566) หัวหน้าฝ่ายบริหารเหตุฉุกเฉินของเกาะเมาวี กล่าวปกป้องการตัดสินใจของหน่วยงานต่อประเด็นเรื่องการเปิดเสียงไซเรนในช่วงที่เกิดไฟป่ารุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางคำถามว่าการทำเช่นนั้นอาจช่วยชีวิตผู้คนได้หรือไม่   เฮอร์แมน อันดายา ผู้บริหารสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินเขตเมาวี เคาน์ตี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เสียงไซเรนในฮาวายใช้เพื่อเตือนผู้คนให้ระวังสึนามิ การใช้มันขณะเกิดไฟไหม้อาจทำให้ผู้คนต้องอพยพไปยังจุดอันตราย   ไฟไหม้ทุ่งหญ้าเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ลุกลามลงมาจากฐานของภูเขาไฟที่ลาดลงสู่เมืองลาไฮนา เมืองท่องเที่ยวชื่อดัง คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 110 ศพ และทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับอาคารราว 2,200 หลัง   นายอันดายา กล่าวระหว่างการแถลงข่าว เมื่อนักข่าวตั้งคำถามถึงการตอบสนองของรัฐบาลระหว่างที่เกิดไฟป่าว่า “ประชาชนถูกฝึกให้หนีไปยังที่สูงในกรณีที่เสียงไซเรนดังขึ้น หากเราเปิดไซเรนในคืนนั้น เราเกรงว่าผู้คนจะไปรวมตัวกันบริเวณไหล่เขา และถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงเข้าไปในกองไฟแล้ว”   เขากล่าวว่า เมาวีใช้ระบบเตือนภัย 2 ระบบแทนการเปิดไซเรน ระบบหนึ่งจะส่งข้อความไปยังโทรศัพท์ และอีกระบบหนึ่งจะเป็นการออกอากาศข้อความฉุกเฉินทางโทรทัศน์และวิทยุ และเสริมว่า เนื่องจากเสียงไซเรนจะดังในพื้นที่ที่อยู่ริมทะเลเป็นหลัก พวกมันจึงไร้ประโยชน์สำหรับคนที่อาศัยอยู่บนที่สูง  …

เกาหลีเหนืออ้างทหารอเมริกันแปรพักตร์ เพราะถูกเหยียดสีผิวในกองทัพ

Loading

  สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า ทหารอเมริกันแปรพักตร์มาเกาหลีเหนือ เพราะต้องการหนีจากการถูกปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม และการถูกเหยียดสีผิวในกองทัพสหรัฐฯ   เกาหลีเหนือยืนยันว่า สาเหตุที่ทหารสหรัฐฯ หนีเข้าไปในเกาหลีเหนือเมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากเผชิญความไม่เท่าเทียมในสังคมอเมริกันและการเหยียดผิวในกองทัพ การเปิดเผยครั้งนี้ นับเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับการกักขัง พลทหาร ทราวิส คิง ซึ่งหนีเข้าไปยังเกาหลีเหนือ ขณะเข้าไปปะปนกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวเขตปลอดทหาร เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เขากลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ถูกควบคุมตัวในเกาหลีเหนือในรอบเกือบ 5 ปี   สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า คิงบอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า เขาตัดสินใจเดินทางเข้าเกาหลีเหนือเพราะเขา “เก็บงำความรู้สึกไม่ดีต่อการปฏิบัติทารุณต่อมนุษย์และการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติภายในกองทัพสหรัฐฯ”   คิงยังแสดงความเต็มใจที่จะลี้ภัยในเกาหลีเหนือหรือประเทศที่สาม โดยกล่าวว่าเขา “ไม่แยแสต่อสังคมอเมริกันที่ไม่เท่าเทียมกัน”   ครอบครัวของคิงเคยให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ของสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า คิงเคยบอกกับพวกเขาว่า เขาเผชิญประสบการณ์การเหยียดเชื้อชาติในกองทัพ พวกเขายังกล่าวอีกว่าสุขภาพจิตของเขาดูเหมือนจะแย่ลงก่อนที่เขาจะหายตัวไป   อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของความคิดเห็นของคิง ที่รายงานในสื่อของเกาหลีเหนือ โดยสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ กล่าวหาเกาหลีเหนือว่าใช้ผู้ถูกคุมขังต่างชาติเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการทูต ผู้ถูกคุมขังชาวต่างชาติบางคนกล่าวหลังจากได้รับการปล่อยตัวว่า การประกาศความผิดของพวกเขาขณะอยู่ในการควบคุมตัวของเกาหลีเหนือนั้นอยู่ภายใต้การบังคับขู่เข็ญ   ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า นี่คือโฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือ 100%…

สุดล้ำ! การชำระเงินแบบใหม่ในสหรัฐฯ แค่ “สแกนฝ่ามือ” ก็เรียบร้อย

Loading

  อีกขั้นของสังคมไร้เงินสด กับเทคโนโลยีของ “Amazon One” ชำระเงินง่าย ๆ ด้วยการ “สแกนฝ่ามือ” ไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าให้ยุ่งยากอีกต่อไป   การจ่ายเงินเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนที่ต้องใช้เงินสด ปัจจุบันก็มีช่องทางที่เป็นดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้แอปพลิเคชันทางการเงินต่าง ๆ การใช้บัตรเติมเงิน แต่ขณะนี้ที่สหรัฐฯ มีเทคโนโลยีการจ่ายเงินที่ล้ำกว่านั้น นั่นก็คือ “การสแกนฝ่ามือ”   นี่คือเทคโนโลยีของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง แอมะซอน (Amazon) ซึ่งใช้ชื่อว่า Amazon One เป็นเครื่องสแกนหน้าตาเหมือนที่เห็นได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า แต่จากที่แตะบัตร ก็ใช้วิธีแตะมือเพื่อสแกนแทน   Amazon One ใช้ระบบไบโอเมตริกซ์ (Biometric) หรือการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพที่มีลักษณะเฉพาะตัวและไม่ซ้ำใคร โดยจะจดจำลายเส้นบนมือของแต่ละคนในการจำแนก่าใครเป็นใคร ทั้งยังอ่านโครงสร้างเส้นเลือดที่อยู่ใต้ฝ่ามือเพื่อความแม่นยำมากขึ้น เพราะมือของคนทุกคนนั้นมีความซับซ้อนมาก จึงไม่สามารถซ้ำกันได้อย่างแน่นอน   นอกจากนี้ข้อมูลยังถูกปกป้องไว้ด้วยระบบคราวด์ที่ชื่อ AWS Cloud ที่ได้รับการสนับสนุนโดยเครื่องมือรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์มากกว่า 300 รายการและคู่ค้าด้านความปลอดภัย 100,000 รายจากทั่วโลก   ในปัจจุบัน Amazon One…

FBI ส่งทีมช่วยเอกวาดอร์หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังลอบสังหารแคนดิเดตประธานาธิบดี

Loading

  เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐได้เข้าร่วมประชุมกับตำรวจและอัยการของเอกวาดอร์เมื่อวันอาทิตย์ (13 ส.ค.) โดยมีเป้าหมายที่จะร่วมสืบสวนหาตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารนายเฟอร์นานโด วิลลาวิเซนซิโอ ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์   ข่าวการลอบสังหารนายวิลลาวิเซนซิโอ วัย 59 ปีในวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 ส.ค.นั้น ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วประเทศ โดยเอกวาดอร์ซึ่งมีประชาชน 18 ล้านคนได้รับผลกระทบจากแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และนายวิลลาวิเซนซิโอก็ถูกขู่หลายครั้ง แต่เขาประกาศว่าไม่เกรงกลัวแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้   ทั้งนี้ นายฮวน ซาปาตา รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของเอกวาดอร์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ FBI ได้ประชุมร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจเอกวาดอร์และคณะอัยการ เพื่อสืบสวนไปให้ถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้   สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอกวาดอร์ได้จับกุมตัวชาวโคลอมเบียจำนวน 6 รายและตั้งข้อหาอาชญากรรม ขณะที่ผู้ต้องสงสัยอีกรายหนึ่งได้เสียชีวิตหลังจากถูกยิงบาดเจ็บสาหัสภายหลังจากเกิดเหตุลอบยิงนายวิลลาวิเซนซิโอ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าชาวโคลอมเบียเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรม   นายพลมานูเอล อินีกูส ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของเอกวาดอร์เปิดเผยว่า นายวิลลาวิเซนซิโอถูกยิงหลายครั้งในขณะที่เขากำลังเดินทางออกจากพื้นที่หาเสียงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองกีโต นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย   ทั้งนี้ นายวิลลาวิเซนซิโอเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกสมัชชาแห่งชาติเอกวาดอร์ก่อนที่สมัชชาแห่งนี้จะถูกปิดตัวลงในเดือนพ.ค. และเขาเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งรอบแรกวันที่ 20 ส.ค.นี้ เพื่อรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดีกิเยร์โม ลาสโซ ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นที่เพิ่งเผยแพร่สู่สาธารณชนก่อนเกิดเหตุลอบสังหารไม่นานนั้นได้แสดงให้เห็นว่า นายวิลลาวิเซนซิโอมีคะแนนนิยมอยู่ในอันดับ…

ไบเดนลงนามคำสั่งห้ามการลงทุนด้านเทคโนโลยีบางอย่างในจีน

Loading

  ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามในคำสั่งที่จะห้ามการลงทุนบางอย่างของสหรัฐฯ ในเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนในจีน และกำหนดให้รัฐบาลแจ้งการระดมทุนในภาคส่วนเทคโนโลยีอื่น ๆ   คำสั่งที่รอคอยมานานอนุญาตให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ห้ามหรือจำกัดการลงทุนบางอย่างของสหรัฐฯ ในหน่วยงานของจีนใน 3 ภาคส่วน ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัม และระบบปัญญาประดิษฐ์บางระบบ   ไบเดน กล่าวในจดหมายถึงสภาคองเกรสว่าเขากำลังประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อจัดการกับภัยคุกคามจากความก้าวหน้าของประเทศต่าง ๆ เช่น จีน “ในด้านเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนและผลิตภัณฑ์ที่สำคัญต่อการทหาร หน่วยข่าวกรอง การเฝ้าระวัง หรือความสามารถทางไซเบอร์”   ข้อเสนอกำหนดเป้าหมายการลงทุนในบริษัทจีนที่พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อออกแบบชิปและเครื่องมือเพื่อผลิต ซึ่งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ครองพื้นที่เหล่านั้น และรัฐบาลจีนกำลังเร่งทำงานเพื่อสร้างทางเลือกที่พัฒนาขึ้นเอง   ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจจุดชนวนความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าข้อห้ามดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศที่ “รุนแรงที่สุด” และไม่แบ่งแยกเศรษฐกิจที่พึ่งพาซึ่งกันและกันสูงของทั้งสองประเทศ   ชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภายกย่องคำสั่งของไบเดน โดยกล่าวว่า “เป็นเวลานานเกินไปแล้ว ที่เงินของอเมริกาได้ช่วยกระตุ้นการเติบโตของกองทัพจีน ทุกวันนี้ สหรัฐฯ กำลังดำเนินขั้นตอนแรกเชิงกลยุทธ์เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนของอเมริกาไม่ได้ให้ทุนแก่ความก้าวหน้าทางทหารของจีน” เขากล่าวว่าสภาคองเกรสต้องรักษาข้อจำกัดในกฎหมายและปรับปรุงขึ้นเรื่อยๆ   แต่นักการเมืองพรรครีพับลิกันกล่าวว่าคำสั่งของ…