ทำไมฟิลิปปินส์ถึงจับมือกับเวียดนามคัดง้างจีนในกรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้?

Loading

ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการระบาดของ COVID-19 แต่ความขัดแย้งพื้นที่ทะเลจีนใต้ก็ยังคุกรุ่นในหมู่ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และจีน โดยที่ฟิลิปปินส์ได้แสดงท่าทีเป็นแนวร่วมกับเวียดนามในข้อพิพาทครั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลจีนจับเรือหาปลาของเวียดนาม ทำให้นักวิจัยด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเอเชียวิเคราะห์ท่าทีของฟิลิปปินส์ที่ยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากจีนเกี่ยวกับการต้านโรคระบาด ลูซิโอ บลังโก พิตโล ที่ 3 นักวิจัยด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเอเชียผู้ได้รับทุนจากมูลนิธิเอเชียแปซิฟิกพาร์ธเวย์ทูโปรเกรส วิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ข้อพิพาทพื้นที่ทะเลจีนใต้ระหว่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ กับจีน โดยระบุว่า ในขณะที่สถานการณ์โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้เกิดโรค COVID-19 จะทำให้เวียดนามพลาดท่าในการแสดงออกว่าคนเป็นเจ้าของเหนือทะเลจีนใต้ได้ในฐานะประธานประชาคมอาเซียนปีนี้ แต่ทว่าการที่ฟิลิปปินส์แสดงท่าทีเป็นพวกเดียวกับประชาคมอาเซียนและเปิดทางให้เวียดนามก็ดูมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่าจะมีกรณี COVID-19 แต่กองทัพคุ้มกันชายฝั่งของจีนก็ก่อเหตุให้เกิดข้อพิพาทกรณีทะเลจีนใต้ปะทุอีกครั้งด้วยการจมเรือหาปลาของเวียดนามเมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้หลังจากนั้นทางฟิลิปปินส์ก็ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงและแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเวียดนามในฐานะเพื่อนบ้านเอเชียอาคเนย์ รวมถึงระบุว่าทางการฟิลิปปินส์จะใช้ความระมัดระวังในสถานการณ์เกี่ยวกับเรือประมงต่างชาติ แสดงออกว่าพวกเขาต้องการลดความสำคัญเรื่องการควบคุมพื้นที่น่านน้ำจากเรือหาปลาน้อยลง เวียดนามในปีนี้ได้รับผลกระทบจากการที่เดิมทีแล้วพวกเขามีแผนการจะอาศัยความเป็นประธานอาเซียนในปี 2563 เพื่อผลักดันวาระความเป็นเจ้าของพื้นที่น่านน้ำทะเลจีนใต้ และใช้อิทธิพลคัดง้างกับจีนซึ่งมักจะแทรกแซงการประมงและกิจการด้านพลังงานในพื้นที่พิพาทแห่งนี้ แต่การระบาดของ COVID-19 ก็ทำให้แผนการจัดงานต่างๆ ต้องถูกเลื่อนออกไป แต่ทว่าสถานการณ์การประมงน่านน้ำและการโต้ตอบจากจีนที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าความคุกรุ่นของความขัดแย้งทะเลจีนใต้นี้ยังคงอยู่แม้ในช่วงโรคระบาด ทั้งนี้ทั้งเวียดนามและฟิลิปปินส์ก็มีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับทะเลจีนตะวันออกมานานแล้ว เช่น ในกรณีปีที่ผ่านมาก็มีการจัดประชุมที่กรุงมะนิลา ที่ทั้งเวียดนามและฟิลิปปินส์ต่างก็เน้นย้ำความสำคัญของการดำรงไว้ซึ่งสันติภาพ, เสถียรภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงในการเดินทางทางเรือ รวมถึงเน้นย้ำเรื่องการแก้ไขข้อพิพาทจะต้องเป็นไปอย่างสันติโดยอาศัยกระบวนการทางการทูตและทางกฎหมาย ตามหลักการของกฎหมายนานาชาติต่างๆ โดยในการประชุมครั้งนั้นมีผู้นำระดับสูงหลายคนจากทั้งฟิลิปปินส์และเวียดนามเข้าร่วม ฟิลิปปินส์ยังส่งสัญญาณเป็นมิตรกับเวียดนามในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่งจากการที่ส่งตัวแทนกระทรวงกลาโหมของตัวเองไปพบปะหารือกับฝ่ายกลาโหมของเวียดนามเพื่อหารือเรื่องเรือหาปลาจากเวียดนาม โดยบอกว่าพวกเขาจะไม่เผชิญหน้ากับเรือหาปลาของเวียดนามอีกต่อไปแต่จะแนะนำให้เคลื่อนออกไปจากน่านน้ำของฟิลิปปินส์แทน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการท่าเรือของทั้งสองฝ่ายก็ทำการพบปะหารือกันหลายครั้งในช่วงปี 2562 และจะมีการพบปะกันอีกเป็นครั้งที่ 7…

ชานมข้นกว่าเลือด : ประจักษ์ ก้องกีรติ มอง พันธมิตรชานม ปะทะ “สลิ่มจีน” ใน “ศึกทวิตภพข้ามพรมแดน”

Loading

โดย หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ / ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย ศึก “ทวิตภพ” ที่เกิดขึ้นตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลุกลามบานปลายจากสื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ ระหว่างผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวไทย-จีน-ไต้หวัน-ฮ่องกง ไปยังเวยป๋อ/เวยโป๋ (Weibo) ในหมู่ชาวจีนด้วยกันเอง จนเกิด “พันธมิตรชานม” ขึ้นในพื้นที่การต่อสู้ของคนที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เรียกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “ศึกทวิตภพข้ามพรมแดน” และถือเป็นครั้งแรกที่พลเมืองเน็ตไทยไปต่อกรกับพลเมืองเน็ตชาติอื่นด้วยประเด็นทางการเมือง “สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าทวิตเตอร์ในไทยมีศักยภาพสูงกว่าที่หลายคนเคยคาดคิด โดยสามารถขยับประเด็นการเมืองในประเทศ ไปสู้ข้ามประเทศได้ด้วย” ผศ.ดร.ประจักษ์กล่าวกับบีบีซีไทย วชิรวิชญ์ หรือ ไบรท์ ได้ออกมาขอโทษสำหรับ “การรีทวีตที่ไม่ได้คิดทบทวนอย่างระมัดระวัง” โดยบอกว่าเขาไม่ได้อ่านคำบรรยายภาพให้ชัดเจน และจะไม่ให้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ขึ้นอีก ศึกทวิตภพข้ามพรมแดน สะท้อนความกังวลอิทธิพลจีนในภูมิภาค ชนวนศึกครั้งนี้เริ่มจากความเห็นในโลกออนไลน์ของนักแสดงหนุ่มและแฟนสาวชาวไทยที่จุดกระแสความไม่พอใจให้แก่ชาวเน็ตจีน ก่อนลุกลามบานปลายกลายเป็น “ความกังวลใจต่ออิทธิพลจีนในภูมิภาคนี้” ตามทัศนะของ ผศ.ดร.ประจักษ์ โดยที่ชาวไต้หวันและฮ่องกงมีความกังวลอยู่แล้วจากนโยบายจีนเดียว ขณะที่ผู้เล่นทวิตเตอร์ชาวไทยก็ได้ร่วมแสดงออกในเชิงสนับสนุนจุดยืนการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยของไต้หวันและฮ่องกง พร้อม ๆ กับสะท้อนความไม่พอใจสะสมต่อระบอบการเมืองไทยในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ของจีน ทักทายนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทย…

กต.สหรัฐฯ ออกคำเตือนระวังภัยโจมตีทางไซเบอร์จากเกาหลีเหนือ

Loading

The Harry S. Truman Building, headquarters for the State Department กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำเตือนให้ภาคธุรกิจธนาคารและการเงินระวังภัยการโจมตีทางไซเบอร์จากเกาหลีเหนือ ที่อาจมุ่งเป้าไปยังกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในประเทศ คำเตือนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ออกมาในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับวันที่ชาวเกาหลีเหนือฉลองวันคล้ายวันเกิดของอดีตผู้นำ คิม อิล-ซุง เป็นผลของการทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และ FBI โดยไม่มีการระบุถึงห้วงเวลาที่ต้องมีการระวังภัยใดๆ ในคำเตือนล่าสุดนี้ ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ความพยายามด้านไซเบอร์ของเกาหลีเหนือที่มีมาต่อเนื่องนั้น ถือเป็นภัยอันใหญ่หลวงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบการเงินระหว่างประเทศอย่างยิ่ง คำเตือนนี้ยังย้ำด้วยว่า แฮคเกอร์ของเกาหลีเหนือมีความสามารถที่จะป่วนและสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้ด้วย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือ ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อลดผลกระทบจากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือให้ได้ ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ให้ความเห็นว่า เกาหลีเหนืออาจจ้างคนภายนอกทำการโจมตีทางไซเบอร์ได้ เพราะที่ผ่านมา การสอบสวนต่างๆ ไม่ค่อยสามารถสาวไปถึงผู้สั่งการที่เป็นคนในรัฐบาลใดๆ ได้เลย ——————————————————————- ที่มา : VOA Thai / 16 เมษายน 2563 Link…

วิกฤตไทย 2563 ! ข้อสังเกต 10 ประการ โดย สุรชาติ บำรุงสุข

Loading

โดย สุรชาติ บำรุงสุข ประเทศไทยไม่แตกต่างจากหลายประเทศทั่วโลกที่วันนี้ตกอยู่ภายใต้วิกฤตการณ์ชุดใหญ่ อันเป็นผลจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมโลกครั้งใหญ่เช่นไร สังคมไทยก็กำลังถูกความเปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้นไม่แตกต่างกันด้วย หรือดังที่นักสังเกตการณ์ทั้งหลายมีความเห็นในระดับโลกร่วมกันก็คือ โลกหลังยุคก่อนโควิดจะไม่หวนกลับมาหาเราอีก เช่นที่โลกยุคหลังโควิดก็จะแตกต่างออกไปจากยุคก่อนอย่างมาก และจะเป็นความเปลี่ยนแปลงในมิติต่างๆ ครั้งใหญ่อย่างคาดไม่ถึงด้วย ดังนั้นหากทดลองคาดการณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงของไทยในอนาคตแล้ว เราอาจจะเห็นประเด็นต่างๆ ที่จะมีความสำคัญต่อทิศทางการพลิกฟื้นประเทศหลังจากการสิ้นสุดของโรคระบาดชุดนี้ ได้แก่ 1) วิกฤตซ้อนวิกฤต: การเมืองไทยจะยังคงตกอยู่ในภาวะวิกฤต ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นก่อนการระบาดนั้น ไม่ได้หายไปไหน เป็นแต่เพียงจะถูกทับซ้อนจากสถานการณ์ใหม่ อันเป็นผลจากความอ่อนแอของรัฐบาลในการบริหารจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น อันอาจจะส่งผลให้วิกฤตที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว กลายเป็นวิกฤตที่มีความรุนแรงมากขึ้น และจะส่งผลต่อสถานะทางการเมืองของรัฐบาล โดยเฉพาะต่อตัวผู้นำรัฐบาลโดยตรง และจะเป็นวิกฤตที่มีนัยต่อความอยู่รอดของรัฐบาลอีกด้วย หรืออาจคาดได้ว่า การเมืองหลังจากการระบาดสิ้นสุดลงจะมีความเข้มข้นมากขึ้นอย่างแน่นอน และจะมีผลต่อเสถียรภาพทางการเมืองด้วย 2) เศรษฐกิจพังทลาย: วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2563 จะมีความรุนแรงและหนักหน่วงมากกว่าวิกฤตในปี 2540 อย่างแน่นอน และความคาดหวังว่าวิกฤตเศรษฐกิจ 2563 จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเช่นในปี 2540 อาจจะเป็นการคาดคะเนที่ง่ายเกินไป การพังทลายของเศรษฐกิจไทยกำลังเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน จนวันนี้กล่าวได้ชัดเจนว่า ไม่มีภาคส่วนใดที่ไม่ได้รับผลกระทบ และผลที่เกิดขึ้นกำลังพาเศรษฐกิจไทยสู่ “การ ถดถอย” ครั้งใหญ่ (economic recession) และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะอยู่ในภาวะ “ติดลบ” อย่างแน่นอน…

ปากีฯจับกุมแพทย์กว่า50คน ชุมนุมประท้วงขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันสู้โควิด-19

Loading

เอเอฟพี – แพทย์มากกว่า 50 คนถูกจับกุมที่เมืองเกตตา ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานในวันจันทร์(6เม.ย.) หลังร่วมชุมนุมประท้วงต่อกรณีขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันสำหรับต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) การจับกุมครั้งนี้มีขึ้นหลังจากแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านการรแพทย์มากกว่า 100 คนเดินขบวนใกล้โรงพยาบาลหลักของเมืองเกตตา จากนั้นก็ย้ายไปประท้วงบริเวณด้านหน้าบ้านพักของมุขมนตรีแห่งรัฐ ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพี ตำรวจใช้ตะบองเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากพวกเขาพยายามเข้าไปในเขตบ้านพักของมุขมนตรี ผลก็คือเกิดเหตุตะลุมบอนกระทบกระทั่งกันระหว่างสองฝ่าย “เรามีแพทย์ 53 คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมตัวฐานละเมิดกฎหมาย” อับดุล ราซซัก ชีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโสบอกกับเอเอฟพีหลังจากเกิดเหตุ พร้อมเผยว่าตำรวจควบคุมตัวแพทย์เหล่านั้นไว้นานหลายชั่วโมง ก่อนมีคำสั่งจากรัฐบาลท้องถิ่นให้ปล่อยตัวพวกเขา โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นบาลูจิสถาน เปิดเผยกับเอเอฟพีว่าแพทย์เหล่านั้นประท้วงต่อปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล(PPE)อย่างเช่นหน้ากากอนามัยและแว่นตานิรภัย “เราให้คำรับประกันว่าจะจัดหา PPE ให้พวกเขาเร็วๆนี้ แต่พวกเขาได้เริ่มประท้วงกันไปแล้ว” โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นกล่าว พร้อมบอกว่าเข้าหน้าที่กำลังวางแผนแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันให้แก่คณะแพทย์ หลังได้รับจัดมอบมาจากรัฐบาลกลางก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (6เม.ย.) เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทั่วปากีสถานคร่ำครวญมานานหลายสัปดาห์เกี่ยวกับปัญหาอุปกรณ์ป้องกันขาดแคลนอย่างรุนแรงตามโรงพยาบาลต่างๆ ในขณะที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้มันสำหรับรักษาคนไข้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ บาซีร์ อาชาไซ ประธานสมาคมแพทย์เกตตาระบุว่ารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ในการปกป้องแพทย์และคนงานด้านสาธารณสุขอื่นๆ “พวกเขาบีบให้เราต้องประท้วงเพื่อสิทธิของพวกเราเอง” ปากีสถานพบผู้ติดเชื้อแล้ว 3,277 คน ในนั้นเสียชีวิต 50 คน อย่างไรก็ตามตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้หลายเท่า เนื่องจากชุดตรวจมีอยู่อย่างจำกัดในชาติยากจนซึ่งมีประชากรมากกว่า 215 คน เมื่อเดือนที่แล้ว แพทย์คนหนึ่งและพยาบาลอีกคนในปากีสถานเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นอกจากนี้แล้วยังมีเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์อีกหลายสิบคนที่มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก…

ครั้งแรก! สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำกลุ่มคลั่งคนขาวเป็นองค์กร “ก่อการร้าย”

Loading

รอยเตอร์ – สหรัฐฯ กำหนดให้พวกชาตินิยมรัสเซียกลุ่มหนึ่ง นามว่า “รัสเซีย อิมพีเรียล มูฟเมนต์ (Russian Imperial Movement)” เป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ จากการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศในวันจันทร์ (6 เม.ย.) ถือเป็นครั้งแรกที่อเมริกาขึ้นบัญชีดำพวก White Supremacist หรือกลุ่มที่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์คนผิวขาวนั้นมีฐานะสูงส่งและเป็นเลิศกว่ากลุ่มเผ่าพันธุ์อื่นๆ “การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” นาธาน เซลส์ ทูตต่อต้านก่อการร้ายสหรัฐฯระบุในถ้อยแถลง มาตรการดังกล่าวมีออกมาหลังจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานประจำปีด้านก่อการร้ายฉบับล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งระบุว่า การก่อการร้ายที่มีแรงขับเคลื่อนด้านเชื้อชาติแลผิวสีเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวลในปี 2018 ทั้งในสหรัฐฯและทั่วโลก ทั้งนี้ พวกรัสเซีย อิมพีเรียล มูฟเมนต์ ซึ่งเรียกตัวเองว่า กลุ่มชาตินิยม “รัสเซียน ออร์ธอด็อกซ์” อยากให้ฟื้นฟูระบอบกษัตริย์และให้สิทธิพิเศษแก่ชนเชื้อสายรัสเซีย, ยูเครน และเบลารุส โดยทั่วไปแล้วการกำหนดลักษณะนี้ ทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะอายัดทรัพย์สินใดๆ ในสหรัฐฯของกลุ่มหรือตัวบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำ รวมถึงห้ามพลเมืองสหรัฐฯ ทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับกลุ่มหรือบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การกำหนดลักษณะนี้ก็เสี่ยงเป็นเพียงความเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น หากว่ากลุ่มที่ถูกขึ้นบัญชีดำเหล่านี้มีธุรกรรมทางการเงินแค่เล็กๆ น้อยๆ ในสหรัฐฯ เซลส์บอกว่า เลือดผู้บริสุทธิ์เปื้อนมือพวกรัสเซีย อิมพีเรียล มูฟเมนต์…