สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผู้บัญชาการทหารสหรัฐได้รับคำสั่งให้สอดส่องสังเกตทหารในกองบัญชาการที่เป็นคนข้ามเพศ (transgender) หรือมีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (gender dysphoria) และส่งทหารเหล่านี้ไปตรวจร่างกายเพื่อบีบให้ออกจากกองทัพ ตามรายงานของเจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า ผู้บัญชาการทหารสหรัฐจะใช้ข้อมูลจากการตรวจสุขภาพประจำปีของทหารสหรัฐที่กำหนดจะมีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า และกระทรวงกลาโหมสหรัฐมีแผนที่จะสืบค้นประวัติสุขภาพของทหารที่ระบุว่ามีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด แต่แผนดังกล่าวถูกยกเลิกไปในเวลาต่อมา
ทหารที่ยังคงประจำการอยู่จะมีเวลาจนถึงวันที่ 6 มิถุนายนในการแสดงตนต่อกระทรวงกลาโหม ส่วนทหารในกองกำลังสำรองกึ่งพลเรือน (National Guard) และกำลังพลสำรองที่ขึ้นตรงต่อแต่ละกองทัพจะมีเวลาจนถึงวันที่ 7 กรกฎาคม ทหารที่เป็นคนข้ามเพศที่ไม่สมัครใจแจ้งต่อกระทรวงกลาโหมอาจถูกปลดจากกองทัพ โดยทหารที่สมัครใจออกจากกองทัพ ทางกระทรวงจะเสนอเงินชดเชยให้มากกว่าทหารที่ไม่สมัครใจ 2 เท่า
กระทรวงกลาโหมระบุว่า ถือเป็นหน้าที่ของทหารและผู้บัญชาการในการปฏิบัติตามนโยบายใหม่นี้ โดยทางกระทรวงมั่นใจและยินดีให้ผู้บัญชาการในกองทัพนำนโยบายใหม่นี้ไปปฏิบัติใช้ และเชื่อว่าผู้บัญชาการจะไม่ใช้นโยบายนี้ในการลงโทษต่อทหารคนใดคนหนึ่ง
นโยบายดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ศาลสูงสุดตัดสินให้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถทำการแบนคนข้ามเพศในกองทัพได้ ขณะที่กระบวนการด้านกฎหมายต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไป โดยจากข้อมูลเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ปี 2024 มีทหารสหรัฐ จำนวน 4,240 นาย ที่ถูกระบุว่ามีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวอาจสูงขึ้นกว่านี้
โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมว่า มีทหารสหรัฐ 1,000 นาย ได้แจ้งต่อทางกระทรวงแล้วว่าเป็นบุคคลข้ามเพศ และจะเริ่มกระบวนการพ้นสภาพการเป็นทหารโดยสมัครใจในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ด้านทรัมป์และนายพีท เฮกเซท รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ อ้างว่าทหารสหรัฐที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดนั้นไม่สอดคล้องไปกับมาตรฐานของกองทัพ
ที่มา : สำนักข่าวมติชนออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 16 พฤษภาคม 2568
Link : https://www.matichon.co.th/foreign/news_5185115