ร้ายแรงแค่ไหน กรณีพบเอกสารชั้นความลับที่ ปธน.ไบเดน ซุกไว้หลายฉบับ

Loading

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กำลังถูกตั้งคำถาม กรณีมีการพบเอกสารชั้นความลับของรัฐบาลที่สำนักงานส่วนตัวและบ้านพักของเขาในเมืองเดลาแวร์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังโดนสอบสวนเรื่องซุกเอกสารลับของทางราชการพอดี   คณะกรรมาธิการตุลาการ ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ขีดเส้นตายว่าในวันที่ 27 มกราคมนี้ จะต้องมีการเปิดเผยเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกรณีเอกสารลับทั้ง 3 ชุด ของประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งผลการตรวจสอบล่าสุดยังพบว่า เอกสารบางฉบับในเอกสารลับชุดแรกประทับตราว่า “ลับที่สุด”   เอกสารลับชุดแรกจำนวน 10 ฉบับ เป็นเอกสารสมัยที่นายไบเดน ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในรัฐบาลบารัค โอบามา ถูกพบเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ใน เพ็นน์ ไบเดน เซนเตอร์ สำนักงานเก่าส่วนตัวของนายไบเดน ใกล้กับทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตันดีซี โดยไบเดนใช้สำนักงานแห่งนี้เป็นสถานที่ทำงานในช่วงหลังพ้นจากการเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จนถึงปี 2563   จากการสอบสวนพบว่า เอกสารลับบางฉบับของชุดแรก อยู่ในชั้นความลับ ระดับ “ลับสุดยอด” (top secret) ซึ่งเป็นเอกสารชั้นความลับระดับสูงสุด จากทั้งหมด 3 ระดับ ซึ่งรองลงมาระดับ…

ฮือฮา! เจอเอกสารลับสหรัฐฯ รอบ 3 เพิ่มในห้องสมุดคฤหาสน์รัฐเดลาแวร์ “ไบเดน” โต้เดือดเจอในโรงเก็บรถแล้วไง รถสปอร์ตเปิดประทุนของผมไม่ได้อยู่ข้างถนนนะเฟ้ย

Loading

    เอพี/เอเจนซีส์ – ทำเนียบขาวแถลงวันเสาร์ (14 ม.ค.) ยอมรับว่า ทีมเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยผู้นำสหรัฐฯ พบเอกสารลับทำเนียบขาวเพิ่มรอบ 3 อีก 5 หน้า ภายในบ้านพักคฤหาสน์ส่วนตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรัฐเดลาแวร์ หลังวันพฤหัสบดี (12 ม.ค.) ไบเดนยอมรับว่า มีเอกสารลับสหรัฐฯ ถูกพบอยู่ในโรงรถเก็บรถสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรูของตัวเองจริง แต่ซัดเปรี้ยงรถของเขาเก็บในโรงรถที่ปิดล็อกไม่ได้อยู่ข้างถนน เอกสารลับสหรัฐฯ ของไบเดนพบทั้งหมดมีตราประทับความลับอยู่ร่วม 20 ชุด       เอพีรายงานวันอาทิตย์ (15 ม.ค.) ว่า การแถลงยอมรับจากทำเนียบขาววันเสาร์ (14) กลายเป็นการค้นพบเอกสารลับสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน รอบ 3 ของสัปดาห์ ซึ่งมีการเปิดเผยว่า มีการพบเพิ่มเติมเอกสารอีก 5 หน้า ภายในห้องสมุดส่วนตัวของผู้นำสหรัฐฯ ที่ติดกับโรงรถ ซึ่งเพิ่มเติมจากมีเอกสารลับสหรัฐฯ แค่ 1 แผ่นเท่านั้นที่ค้นพบในครั้งแรก   เดลีเมล…

‘เชียงใหม่’ ครองแชมป์ปลอดภัยสูงสุดในอาเซียน-กรุงเทพฯ ได้อันดับ 7

Loading

    เว็บฐานข้อมูลนานาชาติจัดอันดับ เชียงใหม่ปลอดภัยสุดอันดับหนึ่งในอาเซียน อันดับ 32 ของโลก ขณะกรุงเทพติดอันดับเจ็ดของอาเซียน อันดับ 170 ของโลก ส่วนพัทยาได้อันดับเก้าอาเซียน อันดับ 210 ของโลก ขณะกรุงอาบูดาบีครองแชมป์ปลอดภัยมากที่สุดในโลก   สำนักข่าวอิศรารายงานว่าเว็บไซต์ numbeo.com ซึ่งเป็นเว็บด้านการวิจัยซึ่งเป็นดาต้าเบสสำหรับสถานที่ให้ผู้ใช้และผู้ติดตามสร้างเนื้อหาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการจัดทำดัชนีเมืองที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในโลก จำนวน 416 เมืองทั่วโลก   โดยเมืองในประเทศไทยที่อยู่ในดัชนีดังกล่าวนั้นประกอบไปด้วยเมืองเชียงใหม่ อยู่ในอันดับที่ 32 ได้ 75.5 คะแนน คิดเป็นอันดับหนึ่งเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือว่าอาเซียน กรุงเทพมหานครอยู่ในอันดับที่ 170 ได้ 59.5 คะแนน และเมืองพัทยาอยู่ในอันดับที่ 210 ได้ 54.5 คะแนน   สำหรับอันดับของเมืองที่มีความปลอดภัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือว่าอาเซียนใน 20 อันดับแรกนั้นพบว่ามีอันดับดังต่อไปนี้ 1.เชียงใหม่, ประเทศไทย 2. ดาเวา, ฟิลิปปินส์ 72.4 คะแนน 3. สิงคโปร์,…

ชัยวุฒิ เข้ม สั่งเร่งปราบลักลอบใช้เน็ตข้ามประเทศผิดกฎหมาย และแก้ปัญหาซิมผี

Loading

  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สั่งการให้ติดตามความคืบหน้าปราบอาชญากรรมออนไลน์ เดินหน้าปราบลักลอบใช้เน็ตข้ามประเทศผิดกฎหมาย แก้ปัญหาซิมผี รวมทั้งปราบบัญชีม้า   โดยในวันนี้ 16 ม.ค. 66 ได้มอบหมายให้นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประชุมร่วมกับนายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการสำนักงาน ปปง. พล.ต.ต. นิเวศน์ อาภาวศิน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการสำนักงาน กสทช. เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ โดยมีความคืบหน้าการดำเนินงาน ดังนี้   1) การแก้ปัญหาซิมผี : โดย กสทช. ได้สั่งการผู้ให้บริการโทรคมนาคมแจ้งเจ้าของซิมโทรศัพท์มายืนยันตัวตนให้ถูกต้อง โดยมีแผนงาน ดังนี้ – กรณีผู้มี 100 ซิมขึ้นไป ประมาณ 8,000 ราย ยืนยันตัวตนภายใน ม.ค. 66 – กรณีผู้มี 30 ซิมขึ้นไป…

“เนปาล” ประเทศที่การนั่งเครื่องบินอันตรายที่สุดในโลก

Loading

  อุบัติเหตุเครื่องบินตกเป็นเรื่อง “ปกติ” ที่เกิดขึ้นเฉลี่ยปีละครั้งในเนปาล จนได้สมญานาม “ประเทศที่เสี่ยงเกิดเหตุเครื่องบินตกมากที่สุดในโลก”   เวลามีคนบอกว่ากลัวการขึ้นเครื่องบินเพราะกังวลว่า “เครื่องบินจะตก” เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นชินกับการโน้มน้าวด้วยการเปรียบเทียบที่ว่า “โอกาสที่จะเกิดเหตุเครื่องบินตก ยังน้อยกว่าโอกาสที่รถจะชนเสียอีก”   ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า โอกาสที่คนเราจะเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกอยู่ที่ประมาณ 1 ใน 11 ล้าน ส่วนโอกาสเสียชีวิตจากเหตุรถชนนั้นสูงกว่า อยู่ที่ประมาณ 1 ใน 5,000   อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางเครื่องบินนั้นดูจะสูงเป็นพิเศษในประเทศ “เนปาล” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ประเทศที่เสี่ยงเกิดเหตุเครื่องบินตกมากที่สุดในโลก”   และอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (15 ม.ค.) ที่ผ่านมา ก็ดูจะยิ่งตอกย้ำชื่อเสียงในด้านนี้ของเนปาล เมื่อเครื่องบินโดยสาร ATR 72 สองเครื่องยนต์ของสายการบินเยติแอร์ไลน์ส ซึ่งกำลังมุ่งหน้าจากกาฐมาณฑุ เมืองหลวงเนปาล ไปยังโปขรา (Pokhara) หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง เกิดตกระหว่างทาง จนล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 68 ราย เป็นอุบัติเหตุทางเครื่องบินครั้งใหญ่สุดในรอบ 30 ปีของเนปาล  …

อังกฤษเล็งเพิ่มอำนาจตำรวจเพื่อยุติการประท้วง หวั่นส่งผลกระทบประชาชน

Loading

    รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ริชี ซูนัค จะประกาศข้อเสนอใหม่ ๆ เพื่อปราบปรามการประท้วง ในวันนี้ (16 ม.ค.) โดยจะมอบอำนาจพิเศษให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้ามาดำเนินการเพื่อป้องกันเหตุการณ์ชะงักงันอันเนื่องมาจากการประท้วง   ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การประท้วงในอังกฤษมักเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลให้มีการปิดพื้นที่ส่วนใหญ่ใจกลางกรุงลอนดอนและปิดกั้นการจราจรบนทางหลวงสายสำคัญ ซึ่งทำให้ต้องออกกฎเพิ่มอำนาจพิเศษให้ตำรวจเพื่อเข้ามาหยุดยั้งความวุ่นวาย   รัฐบาลอังกฤษได้ผ่านกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหานี้ในปี 2565 แต่กำลังวางแผนที่จะดำเนินการเพิ่มเติมด้วยกฎหมายชุดใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ ร่างกฎหมายความสงบเรียบร้อยของประชาชน (Public Order Bill)   ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการเผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว และกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการอภิปรายในรัฐสภา ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มอิทธิพลเมืองที่กล่าวว่าเป็นการต่อต้านประชาธิปไตยและให้อำนาจแก่ตำรวจมากเกินไป   รัฐบาลต้องการแก้ไขร่างกฎหมายความสงบเรียบร้อยของประชาชนก่อนที่จะออกเป็นกฎหมาย เพื่อขยายคำจำกัดความทางกฎหมายของ “การหยุดชะงักอย่างร้ายแรง” เพื่อให้ตำรวจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และให้ความชัดเจนทางกฎหมายว่าอำนาจใหม่จะถูกนำมาใช้เมื่อใด   นายซูนัคกล่าวในแถลงการณ์เมื่อค่ำวานนี้ว่า “สิทธิในการประท้วงเป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยของเรา แต่สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน เราไม่สามารถปล่อยให้การประท้วงจากคนส่วนน้อยส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ได้ เราจะต้องดำเนินการให้เรื่องนี้ยุติลง”   ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษกล่าวว่า หากกฎหมายใหม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ก็จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้ายุติการประท้วงได้ทันที       ——————————————————————————————————————————————————————– ที่มา :       …