พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 ตามบทบัญญัติดังกล่าว มีข้อกฎหมายที่สำคัญ ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันในการบันทึกภาพและการใช้และเผยแพร่ภาพที่บันทึกไว้ของบุคคลทั่วไป และผู้ประกอบกิจการ
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังกล่าว คือ ภาพถ่ายบุคคล ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของบุคคลถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่
เมื่อพิจารณา จากคำนิยามศัพท์ของ คำว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่หมาย หมายความว่าข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูล ของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
จากคำนิยามของคำว่าข้อมูลส่วนบุคคล แล้วเห็นว่า ภาพถ่ายบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ภาพเดี่ยวหรือถ่ายตั้งแต่สองคนขึ้นไปเป็นกลุ่มบุคคล หรือที่เรียกว่าภาพหมู่ สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ จึงเข้าข่ายเป็น ข้อมูลส่วนบุคคล
ภาพถ่ายฝูงชน (Photographs of crowds) เช่น ภาพถ่ายฝูงชนที่เข้าไปชมการแข่งขันกีฬา หรือชมการแสดง หรือกระทำกิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใด หากไม่สามารถระบุตัวบุคคลใดได้อย่างชัดแจ้งเฉพาะเจาะจง ก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลใด
แต่ถ้าหากมีการขยายภาพ และตัดส่วนภาพ (crop ) จนเหลือภาพบุคคล ผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งสามารถยืนยันตัวบุคคลได้ชัดเจน ภาพส่วนนี้ก็ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคล
ภาพเคลื่อนไหวหรือวีดีโอ ภาพความเคลื่อนไหวหรือวีดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งเพื่อตรวจดูความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ ที่ติดตั้งในสถานที่ต่างๆ รวมทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย หรือสถานประกอบการหากมีภาพของบุคคลติดอยู่ ก็เข้าข่ายเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามคำนิยามดังกล่าว
สรุป เมื่อภาพถ่ายบุคคลและภาพวิดีโอดังกล่าว ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น การถ่าย การบันทึก การเก็บ การเผยแพร่ภาพถ่ายบุคคลหรือภาพวีดีโอ จึงอยู่ภายใต้บังคับที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีข้อยกเว้นคือ
ข้อยกเว้นตามมาตรา 4 ที่บัญญัติว่า พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่
(1) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อกิจกรรมในครอบครัวของบุคคลนั้นเท่านั้น
(2) การดำเนินการของหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ ซึ่งรวมถึงความมั่นคงทางการคลังของรัฐ หรือการรักษาความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นิติวิทยาศาสตร์ หรือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
(3) บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำการเก็บรวบรวมไว้เฉพาะ เพื่อกิจการสื่อมวลชน งานศิลปกรรม หรืองานวรรณกรรมอันเป็นไปตามจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพหรือเป็นประโยชน์สาธารณะเท่านั้น
(4) สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา รวมถึงคณะกรรมาธิการที่แต่งตั้งโดยสภาดังกล่าวซึ่งเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในการพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎรวุฒิสภา รัฐสภา หรือคณะกรรมาธิการ แล้วแต่กรณี
(5) การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาคดี การบังคับคดี และการวางทรัพย์ รวมทั้งการดำเนินงานตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
(6) การดำเนินการกับข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตและสมาชิกตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต
ตามบทบัญญัติของข้อยกเว้น ใน (3) การเผยแพร่ ภาพถ่าย วีดีโอ ของบุคคลใดๆ ของสื่อมวลชนตามจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน หรือที่เป็นประโยชน์สาธารณะ สามารถกระทำได้โดยไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 กล่าวคือสามารถกระทำได้โดไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด
การติดตั้งกล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถ และการบันทึกภาพจากกล้อง
การติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบและบันทึกเหตุการณ์การเคลื่อนไหว เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้ประกอบการหรือบุคคลทั่วไปในสถานประกอบการหรือในเคหะสถานของตนเอง หรือการติดตั้งกล้องหน้ารถ เพื่อบันทึกเหตุการณ์ในการขับรถ อาจบันทึกภาพบุคคลอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลติดมาด้วย
ในกรณีเป็นบุคคลธรรมดา สามารถดำเนินการได้ไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่ได้รับการยกเว้น ตามมาตรา 4 (1) คือเพื่อประโยชน์ส่วนตนของบุคคลนั้นเท่านั้น แต่ในกรณีเป็นผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล ไม่อยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 4 (1) เพื่อประโยชน์ส่วนตนของบุคคล เพราะตามกฎหมายคุ้มครองขอมูลส่วนบุคคล บัญญัติว่าบุคคลหมายถึงบุคคลธรรมดา ไม่รวมถึงนิติบุคคล
ในกรณีเป็นนิติบุคคล เมื่อพิจารณาตามมาตรา24 ที่บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
(1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
(2) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
(3) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
(4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
(5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(6) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล
ข้อพิจารณา การติดตั้งกล้องวงจรปิดและบันทึกภาพของผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล น่าจะเข้าข่ายข้อยกเว้นตามมาตรา 24 (2) และ(5) และสามารถใช้และเปิดเผยภาพที่บันทึกไว้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล ตามข้อยกเว้นของมาตรา 27
อย่างไรก็ตาม ข้อพิจารณาดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นทางกฎหมาย ยังไม่มีบรรทัดฐานจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นผู้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและศาล
ความเห็น คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล น่าจะกำหนดแนวปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคลโดยเฉพาะการติดตั้งกล้องการใช้ การเผยแพร่ภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดออกเผยแพร่ เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะได้ปฏิบัติโดยถูกต้อง
ดังเช่นที่ The Information Commissioner’s Office ของสหภาพยุโรปได้ดำเนินการ และเมื่อใช้ไปแล้วมีปัญหาก็แก้ไขปรับปรุงใหม่.
บทความโดย สกล หาญสุทธิวารินทร์
————————————————————————————————————-
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 17 มิ.ย.65
Link : https://www.bangkokbiznews.com/columnist/1010607