โดมยักษ์มัสยิดอินโดฯ พังถล่มหลังไฟไหม้ระหว่างบูรณะซ่อมแซม

Loading

  โดมยักษ์ของมัสยิดในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย พังถล่มลงมา หลังเหตุไฟไหม้ครั้งรุนแรง เคราะห์ดี ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต   โซเชียลมีเดียแห่แชร์คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ระทึกขณะโดมยักษ์ของมัสยิดแห่งศูนย์อิสลามในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย พังถล่มลงมา หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งรุนแรง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (19 ต.ค.) สร้างความตกใจให้กับผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก     เคราะห์ดี ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้แต่อย่างใด   ด้านตำรวจนครบาลจาการ์ตาเหนือ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เริ่มดำเนินการสอบสวนเหตุไฟไหม้ที่โดมยักษ์ของมัสยิดแห่งนี้แล้ว     เบื้องต้นคาดการณ์ว่า ต้นเพลิงเกิดจากประกายไฟระหว่างงานซ่อมบำรุงมัสยิด เนื่องจากคนงานใช้ไม้อัดในการปรับปรุงหลังคา และใช้ไฟละลายยางมะตอยชนิดม้วน เพื่อติดวัสดุมุงหลังคา   เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ประกายไฟจากเครื่องมือช่างอาจจะกระเด็นไปถูกฉนวนหลังคาใยแก้ว จนทำให้เกิดไฟไหม้รุนแรงในที่สุด และแม้ว่าคนงานจะพยายามดับไฟด้วยการใช้ถังดับเพลิง แต่เปลวไฟลุกลามเผาผลาญเป็นบริเวณกว้างอย่างรวดเร็ว จนทำให้โดมยักษ์พังถล่มลงมา   หน่วยดับเพลิง พร้อมรถดับเพลิง 9 คันระดมกำลังกันฉีดน้ำเข้าสกัดและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาต่อมา ขณะที่ยังไม่มีการประเมินความเสียหายที่เกิดจากเหตุการณ์ครั้งนี้     ทั้งนี้ มัสยิดดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในอาคารหลายหลังในศูนย์อิสลามจาการ์ตา และโดมของมัสยิดแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้ระหว่างการบูรณะปรับปรุง เมื่อเดือนตุลาคมปี 2002 ที่ผ่านมา ครั้งนั้นใช้เวลาในการดับไฟราว 5 ชั่วโมง  …

อินโดนีเซียสรุป’แก๊สน้ำตา’สาเหตุหลักเหยียบกันตายในสนามฟุตบอล

Loading

  อินโดนีเซียเผยผลการสอบสวนเหตุการณ์เหยียบกันตายในสนามฟุตบอล ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 130 ราย มีสาเหตุหลักจากตำรวจยิงแก๊สน้ำตา และเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่า มีข้อห้ามใช้แก๊สน้ำตาในการแข่งขันฟุตบอล   มาห์ฟุด เอ็มดี รัฐมนตรีประสานงานด้านความมั่นคงของอินโดนีเซีย แถลงวันนี้เกี่ยวกับผลการสอบสวนโดยคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมในสนามกีฬา คานจูรูฮาน ในจังหวัดชวาตะวันออกเมื่อวันที่ 1 ต.ค. เขาระบุว่า ภาพจากกล้องวงจรปิด 32 ตัวช่วยยืนยันว่า เหยื่อเคราะห์ร้ายส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการเหยียบกันตาย หลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชน ภาพผู้เคราะห์ร้ายล้มทับกันน่ากลัวกว่าที่รายงานทางทีวีและปรากฏในโซเชียลมีเดีย   นอกจากนี้ รายงานผลการสอบสวน ยังระบุว่า ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้นไม่รู้ว่าสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า มีข้อห้ามใช้แก๊สน้ำตาในการแข่งขันฟุตบอล และเจ้าหน้าที่ยังใช้กำลังเกินกว่าเหตุอีกด้วย   ขณะเดียวกัน สมาคมฟุตบอลแห่งชาติ และพีที ลิกา อินโดนีเซีย บารู (PT Liga Indonesia Baru) ผู้จัดการแข่งขัน ถูกระบุว่าละเลยข้อบังคับด้วย   มาห์ฟุด เปิดเผยด้วยว่า รายงานผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะยาว 124 หน้าถูกยื่นต่อ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดแล้ว และกระทรวงประสานงานเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินการสอบสวนทางอาญาต่อทุกฝ่าย…

สมาคมฟุตบอลอินโดฯ เผยประตูสนามถูกล็อกไว้ก่อนเกิดเหตุจลาจล 131 ศพ

Loading

Kondisi di salah satu sudut Stadion Kanjuruhan pasca kerusuhan 1 Oktober 2022. (Foto: VOA/Petrus Riski)   โฆษกสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ประตูบางแห่งของสนามกีฬาที่เกิดเหตุจลาจลเมื่อวันเสาร์ ถูกล็อกไว้หลังจากจบการแข่งขันซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์เหยียบกันจนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 131 คน   เออร์วิน โทบิง หัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ประตูบางด้านของสนามกีฬากันจูรูฮาน ในอำเภอมาลัง จังหวัดชวาตะวันออก ควรถูกเปิดออกก่อนการแข่งขันจบลง 10 นาที แต่ประตูดังกล่าวกลับถูกปิดเอาไว้จนถึงช่วงเกิดเหตุการณ์วุ่นวายเพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงประตูเหล่านั้นได้   ตำรวจระบุว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นประตูบางด้านถูกแง้มออกเล็กน้อย แต่ไม่เพียงพอให้แฟนฟุตบอลหลายร้อยคนที่กรูกันออกไปหลังจากที่มีการยิงแก๊สน้ำตาในสนามฟุตบอล   เหตุเหยียบกันตายเมื่อวันเสาร์ เกิดขึ้นหลังจากที่ทีมเจ้าบ้าน อเรมา เอฟซี (Arema FC) พ่ายแพ้ต่อทีมคู่อริ เปอร์เซบายา เอฟซี (Persebaya FC) 3-2 ทำให้แฟนฟุตบอลของทีมเจ้าบ้านต่างไม่พอใจและขว้างปาขวดและสิ่งของต่าง ๆ ใส่นักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่ในสนาม หลายคนวิ่งลงไปในสนามฟุตบอลจนเกิดจลาจลครั้งใหญ่  …

อินโดฯ สั่งทบทวนมาตรการความปลอดภัย หลังจลาจลแฟนบอลเหยียบกันตาย 174 คน

Loading

  เอเอฟพี – ผู้นำอินโดนีเซียสั่งทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยการแข่งขันฟุตบอล หลังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 174 คน จากเหตุเหยียบกันตายภายหลังการปะทะกันระหว่างแฟนบอลกับตำรวจ และถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในสนามกีฬาทั่วโลก   ตอนแรกนั้นมีการเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตเพียง 129 คน แต่ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (2 ต.ค.) รองผู้ว่าการชวาตะวันออกแถลงตัวเลขใหม่ที่อย่างน้อย 174 คน และผู้บาดเจ็บ 180 คน   ระหว่างการแถลงที่ถ่ายทอดทางทีวีในวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ระบุว่า รัฐมนตรีกีฬาและเยาวชน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และประธานสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย ได้รับคำสั่งให้ประเมินการจัดการแข่งฟันฟุตบอลและกระบวนการรักษาความปลอดภัย   ทางด้านโคฟิฟาห์ อินดาร์ ปาราวันซา ผู้ว่าการชวาตะวันออกประกาศว่า ครอบครัวเหยื่อจะได้รับเงินชดเชย 15 ล้านรูเปียะห์ (980 ดอลลาร์) โดยเป็นเงินจากจังหวัดและคณะผู้สำเร็จราชการท้องถิ่น 10 ล้านรูเปียห์ และ 5 ล้านรูเปียะห์ตามลำดับ   เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในสนามฟุตบอลเมืองมาลัง ทางตะวันออกเมื่อคืนวันเสาร์ (1 ต.ค.) ที่แฟนบอลของสโมสรอาเรมา 3,000 คนกรูกันลงไปในสนามกีฬากันจูรูฮัน…

ควบคุม ‘NGO ต่างชาติ’ อินโดฯ ออกกฎหมายจัดระเบียบ เหตุหวั่นถูกแทรกแซงกิจการภายใน

Loading

  รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังถูกบีบให้ยกระดับกฎหมายจัดระเบียบองค์กร NGO ต่างชาติที่ดำเนินงานในประเทศให้มีความเข้มงวดมากขึ้น   มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลอินโดนีเซีย เริ่มตรวจสอบกิจกรรมขององค์กร NGO ต่างชาติเพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฎหมาย จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมขององค์กรเหล่านั้น และการแทรกแซงเรื่องความขัดแย้งในปาปัว กรณีการสร้างเขตปกครองตนเองใหม่ โดยการให้เงินทุนและการสนับสนุนด้านลอจิสติกส์   กลุ่มผู้เรียกร้องให้เหตุผลว่า กฎหมายจัดระเบียบองค์กร NGO ต่างชาติผิดกฎหมายของภาครัฐนั้นอ่อนเกินไป เนื่องจากไม่สามารถจัดการกับการแทรกแซงกิจการภายใน รวมถึงโฆษณาชวนเชื่อเชิงลบต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในประเทศ   ครั้งนี้รัฐบาลจะต้องเข้มงวดและมีความเป็นอิสระมากขึ้นในการกำหนดกฎหมายจัดระเบียบ NGO โดยอย่าได้ถูกยั่วยุ จนหลงกลติดกับดักที่ NGO ต่างชาติผิดกฎหมายได้วางไว้” Sofjan Wanandi ประธานของ คณะกรรมการที่ปรึกษาสมาคมนายจ้างชาวอินโดนีเซีย (Apindo) กล่าว   ทั้งนี้ ส.ส. Firman Subagyo ได้เรียกร้องให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติอินโดนีเซีย (BIN) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สอบสวนกิจกรรมขององค์กร NGO ต่างชาติที่ผิดกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้ หากมีกิจกรรม NGO ใด ๆ ที่เป็นภัยต่อเสถียรภาพทางการเมืองของชาติ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการทางกฎหมายทันที     อ้างอิง :…

สภาอินโดนีเซียผ่านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Loading

  สภาของอินโดนีเซียเห็นชอบกฎหมาย ว่าด้วยการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยผู้ประกอบการจะต้องเป็นฝ่ายรับโทษหนักตามกฎหมาย หากข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ารั่วไหล   สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ว่า สภาผู้แทนราษฎรของอินโดนีเซียมีมติเสียงข้างมากท่วมท้น ในการประชุมเมื่อวันอังคาร ผ่านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่   ทั้งนี้ บริษัทแห่งใดก็ตามที่เผยแพร่ข้อมูล หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ประกอบการอาจต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลานานถึง 6 ปี และปรับเป็นเงินสูงสุดคิดเป็นอัตรา 2% ของรายได้ตลอดทั้งปีของบริษัทแห่งนั้น และอาจมีการอายัดทรัพย์สินบางส่วนเพื่อนำมาขายทอดตลาดด้วย   Indonesia's parliament passed into law on Tuesday a personal data protection bill that includes corporate fines and up to six years imprisonment for those found to have mishandled…