ศรีลังกา แบนสื่อสังคมออนไลน์ หลังประกาศเคอร์ฟิวคุมม็อบ

Loading

  รัฐบาลศรีลังกาสั่งการให้ตัดการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ปิดทางการสื่อสาร ในช่วงเวลาที่ประเทศเกาะในเอเชียใต้แห่งนี้ประกาศเคอร์ฟิวเพื่อคุมการประท้วงของประชาชนที่ไม่พอใจกับปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกาะกินประเทศอย่างหนัก ประเทศศรีลังกา กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นอื่นๆ พร้อมๆ กับปัญหาราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น และการต้องตัดไฟลงเป็นเวลานานกว่า 10 ชั่วโมงเนื่องจากขาดแคลนน้ำมันดีเซลที่ใช้ในการปั่นไฟ ขณะที่ประธานาธิบดีโคฐาภยะ ราชปักษะ ต้องประกาศเคอร์ฟิวหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงพยายามบุกเข้าไปในบ้านพักในกรุงโคลอมโบ มีผลจนถึงวันที่ 4 เมษายนนี้     สำนักข่าว Ada Derana สื่อท้องถิ่นศรีลังกา สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลรายงานว่า เฟซบุ๊ก , ยูทูบ , ทวิตเตอร์, อินสตาแกรม และ วอทส์แอพพ์ เป็นหนึ่งในหลายๆ แพลตฟอร์มที่ถูกตัดการเข้าถึงโดยผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงกลาโหมศรีลังกา   ทั้งนี้ก่อนหน้าการประกาศตัดการเข้าถึงดังกล่าว กลุ่มแกนนำประท้วงได้มีการนัดหมายชุมนุมประท้วงในวันที่ 3 เมษายน ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม ขณะที่ในคืนวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมามีประชาชนหลายร้อยคนที่ไม่สนคำสั่งเคอร์ฟิว ออกมาชุมนุมเป็นกลุ่มเล็กๆ ในหลายจุด     ที่มา :…

ถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลบัตรประชาชนไปใช้ ต้องทำอย่างไรเช็กเลยที่นี่

Loading

  สตช.เผยวิธีการหากถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลบัตรประชาชนไปใช้ ต้องทำอย่างไร พร้อมเตือนคนโกงหากปลอมแปลงเอกสารมีโทษหนักคุก 3 ปี ปรับ 6 หมื่น   เมื่อ 26 มี.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า ขอเตือนภัยกรณีมีสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเกี่ยวกับการนำข้อมูลบัตรประชาชนหรือข้อมูลส่วนตัวไปซื้อขายสินค้าออนไลน์ หรือการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีความห่วงใยต่อภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ที่หลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย   ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จึงได้กำชับและสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม ปราบปรามภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบตามกฎหมายอย่างจริงจัง มีผลการปฎิบัติเป็นรูปธรรม รวมถึงสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงภัยดังกล่าวและแนวทางในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย   ดังเช่น กรณีที่สื่อสังคมออนไลน์มีการนำเสนอเกี่ยวกับการนำข้อมูลบัตรประชาชน หรือข้อมูลส่วนตัวไปใช้ สำหรับซื้อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งอาจจะถูกมิจฉาชีพปลอมลายมือชื่อลงในสำเนาบัตรประชาชนแล้วนำไปใช้ในการกระทำความผิด หรือหลอกลวงผู้อื่น หากมีการแก้ไขข้อความในช่องชื่อ นามสกุล วันออกบัตร หรือวันหมดอายุ ลงในสำเนาบัตรประชาชน ไม่ว่าจะนำไปถ่ายสำเนาใหม่อีกครั้ง…

ร่างกม.อังกฤษ กำหนดโทษจำคุกผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี

Loading

FILE – This combination of photos shows logos for social media platforms Facebook and Twitter.   สำนักข่าว เอพี รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังนำเสนอร่างกฎหมายใหม่ที่มีจุดประสงค์ที่จะสร้างความปลอดภัยให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ด้วยการนำเสนอบทลงโทษจำคุกสำหรับผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายที่ทำการหละหลวมไม่ปฏิบัติตามแนวทางใหม่นี้   รัฐบาลอังกฤษ เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ร่างกฎหมายใหม่ที่ว่านี้จะให้อำนาจที่มากขึ้นแก่หน่วยงานกำกับดูแลกิจการเทคโนโลยี ในการดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัทดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น กูเกิล (Google) เฟซบุ๊ก (Facebook) ทวิตเตอร์ (Twitter) และติ๊กตอก (TikTok) เป็นต้น   เอพี ระบุว่า ร่างกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยในโลกออนไลน์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของสหราชอาณาจักรในการเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวในการเข้าควบคุมอำนาจของสื่อดิจิทัลทั้งหลาย และจัดการให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาข้อมูลที่เป็นภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เนื้อหาที่มีลักษณะเหยียดเชื้อชาติ การกลั่นแกล้ง การฉ้อโกงต่างๆ รวมทั้ง เนื้อหาอื่นๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานและปรากฏอยู่ในแพลตฟอร์มของตน หลังจากที่สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ได้เดินหน้าความพยายามเช่นเดียวกันนี้ไปแล้ว   นาดีน ดอร์รีส…

คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ทักษะที่จำเป็น บนโลกออนไลน์

Loading

  การรับมือข้อมูลหลอกลวงและข่าวปลอม ที่แชร์อยู่ในโลกออนไลน์นั้น เราต้องวิเคราะห์และตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนทุกครั้งที่จะแชร์ข่าวเท็จ หรือนำเสนอต่อบุคคลอื่น ในปัจจุบัน ในแต่ละนาทีมีข่าวสารที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งต่างกับอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อนอย่างสิ้นเชิง เราได้รับข้อมูลข่าวสารจากหลากหลายช่องทางและรวดเร็วมากกว่าในอดีต เช่น จากสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น ฯลฯ ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับนั้นมาจากหลายแหล่งที่มา ทั้งจากแหล่งที่เชื่อถือได้และไม่น่าเชื่อถือ ผู้รับข่าวสารจำนวนมากอาจไม่สามารถวิเคราะห์และการกลั่นกรองข่าวสารที่ได้รับว่าจริงหรือปลอม จึงหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ รวมทั้งอาจมีส่วนร่วมในการสร้างความเสียหายให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยแชร์ข่าวเท็จหรือแบ่งปันข้อมูลเท็จที่ได้รับ การแชร์ข้อมูลเท็จที่ได้รับมานั้น สร้างความเสียหายและผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อมเกิดขึ้นต่อตัวบุคคลผู้แชร์ข้อมูล หรือผู้ที่ถูกกล่าวถึง ทำให้ความน่าเชื่อถือของตนเองลดลง รวมทั้งเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ส่งผลให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีและเสียค่าปรับต่างๆ หรือกระจายข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ ส่งผลให้ผู้อื่นหลงกรอกข้อมูลหรือเป็นเหยื่อจากลิงก์หรือข่าวที่เราแชร์   ดังนั้น เราต้องมีทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลว่า ข่าวปลอมนั้นมีลักษณะและมีช่องทางที่มาอย่างไร โดยทั่วไป ลักษณะและการหลอกลวงที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ มีดังนี้ 1.ข่าวปลอมที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเพิ่มองค์ประกอบเพื่อสร้างความน่าเชื่อ ประเด็นความน่าสนใจโดยส่วนใหญ่จะเป็นข่าวเชิงลบ เพื่อสร้างกระแสและเป็นประเด็นในวงกว้าง และสร้างความอยากรู้อยากเห็นของคนทั่วไป เช่น “คิดอย่างไรกับสถานการณ์นี้” หรือ “พบสมุนไพรไทยช่วยต้านโควิด-19” 2.ข่าวปลอมที่เกิดขึ้นจะชักนำไปในเรื่องของความเชื่อเพื่อเล่นกับความรู้สึกของบุคคล เพราะโดยทั่วไปพฤติกรรมของคนมักแบ่งการรับรู้ออกเป็นสองด้าน เช่น ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีทั้งเชิงบวกและเชิงลบ 3.เป็นข่าวที่มีผลกระทบกับความเชื่อมั่น แบ่งแยกมุมมองและสื่อสารไปกับเฉพาะกลุ่ม โดยเป็นข่าวสารหรือข้อมูลตามสถานการณ์ในปัจจุบันที่เกิดขึ้น ซึ่งในบางครั้งอาจจะเป็นข่าวสารหรือข้อมูลเก่าที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วนำมาสร้างกระแสใหม่ เพื่อสร้างผลกระทบต่อคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ อีกครั้ง…

เฟสบุ๊ค สั่งถอดระบบจดจำใบหน้าในบัญชีผู้ใช้ 1 พันล้านคนทั่วโลก

Loading

  เฟสบุ๊ค ประกาศปิดระบบจดจำใบหน้าที่ใช้ในสื่อสังคมออนไลน์ภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีผลกับผู้ใช้ในเฟสบุ๊คกว่า 1 พันล้านบัญชี ท่ามกลางความกังวลด้านสังคมเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว ตามรายงานของรอยเตอร์ เจอโรม เพเซนที รองประธานฝ่ายระบบปัญญาประดิษฐ์ของเฟสบุ๊ค ระบุในบล็อกโพสต์เมื่อวันอังคาร (2 พฤศจิกายน) ว่า ในช่วงที่หน่วยงานกำกับดูแลยังอยู่ระหว่างการจัดทำกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งาน และด้วยสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในระยะนี้ ทางเฟสบุ๊คเชื่อว่า การจำกัดการใช้ระบบจดจำใบหน้าเป็นมาตรการที่เหมาะสม เฟสบุ๊ค ระบุว่า มาตรการนี้จะมุ่งไปที่การปิดระบบเทมเพลตจดจำใบหน้าของบัญชีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านราย ซึ่งทุกๆวัน จะมีผู้ใช้ระบบดังกล่าวราว 1 ใน 3 ของบัญชีผู้ใช้เฟสบุ๊ค และบริษัทคาดว่าจะถอดระบบดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเฟสบุ๊ค ที่เพิ่งประกาศรีแบรนด์เป็น เมตา (Meta) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่ได้ปิดประตูแห่งโอกาสสำหรับระบบจดจำใบหน้าไปอย่างถาวร โดยทางบริษัท ระบุในแถลงการณ์ว่า ยังคงเห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง อย่างเช่น กับผู้คนที่ต้องการยืนยันตัวตนหรือผู้ที่ต้องการป้องกันการฉ้อโกงและการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นบนโลกออนไลน์ ซึ่งทางบริษัทจะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป   (มีเนื้อหาบางส่วนจากรอยเตอร์)   ————————————————————————————————————————————————– ที่มา : VOA Thai / วันที่เผยแพร่ 3…

หน่วยงานกึ่งอิสระ ชี้ เฟสบุ๊คมีระบบวีไอพี ให้คนดัง-นักการเมือง รอดระบบคัดกรองเนื้อหา

Loading

  Oversight Board คณะกรรมการที่เป็นหน่วยงานกึ่งอิสระ ซึ่งทำหน้าที่ทบทวนตรวจสอบนโยบายต่างๆ ของสื่อสังคมออนไลน์เฟสบุ๊ค (Facebook) ออกมาวิจารณ์สื่อสังคมออนไลน์ชั้นนำแห่งนี้ว่า มีมาตรฐานแตกต่างให้กับบัญชีของบุคคลมีชื่อเสียงและนักการเมือง ให้ไม่ต้องเข้าสู่ระบบคัดกรองเนื้อหาในสื่อสังคมออนไลน์เหมือนกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไปได้ ตามรายงานของรอยเตอร์ ทาง Oversight Board ระบุในบล็อกด้วยเมื่อวันพฤหัสบดี (21 ตุลาคม) ว่า เฟสบุ๊คไม่ได้เปิดเผยตรงไปตรงมาในเรื่องระบบที่เรียกว่า ‘Cross-Check’ ซึ่งเป็นระบบที่ทางเฟสบุ๊คใช้ตรวจสอบคัดกรองเนื้อหาของบัญชีบุคคลที่มีชื่อเสียง ก่อนหน้านี้ สื่อเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานเรื่องระบบสองมาตรฐานของเฟสบุ๊ค และว่ามีบัญชีราว 5.8 ล้านบัญชีที่อยู่ภายใต้ระบบ ‘Cross-Check’ ดังกล่าว ซึ่งทางโฆษกของเฟสบุ๊ค แอนดี สโตน กล่าวกับสื่อเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ว่าระบบ ‘Cross-Check’ ออกแบบมาเพื่อเหตุผลสำคัญ คือการสร้างขั้นตอนเพิ่มเติมที่เฟสบุ๊คจะสามารถบังคับใช้นโยบายกับเนื้อหาที่ต้องการความเข้าใจมากขึ้น ทาง Oversight Board ยืนยันว่า เฟสบุ๊คปกปิดการมีอยู่ของระบบ ‘Cross-Check’ นี้ โดยระบุว่า เมื่อเฟสบุ๊คอ้างถึงกรณีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับทางคณะกรรมการ ทางเฟสบุ๊คไม่ได้กล่าวถึงระบบ ‘Cross-Check’…