อิหร่านจับกุมทีมสายลับทำงานให้อิสราเอล

Loading

    เจ้าหน้าที่อิหร่านจับกุมประชาชนหลายคน ในข้อหาเป็นสายลับให้อิสราเอล ประเทศศัตรูคู่ปรปักษ์หมายเลข 1 และอีกหลายประเทศ จากการประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันจันทร์ สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงข่าวกรองอิหร่าน ในจังหวัดอาเซอร์ไบจานตะวันออก เผยว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิหร่าน จับกุมประชาชนหลายคน ที่ต้องสงสัยกระทำจารกรรมให้อิสราเอล และอีกหลายประเทศที่ไม่ระบุชื่อ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยรายละเอียด สัญชาติของกลุ่มผู้ต้องสงสัย รวมทั้งหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาเป็นสายลับ อิหร่านไม่ให้การยอมรับรัฐอิสราเอล และยังให้การสนับสนุน กลุ่มติดอาวุธต่อต้านอิสราเอลหลายกลุ่ม ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ของชาวนิกายชีอะห์ในเลบานอน และกลุ่มฮามาสของชาวปาเลสไตน์ ที่ควบคุมเขตฉนวนกาซา     ทางการอิหร่านประกาศการจับกุมเป็นระยะ กลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับให้ต่างชาติ รวมถึงอิสราเอลและสหรัฐ แต่แทบไม่มีการรายงานเพิ่มเติม เกี่ยวกับชะตากรรมของผู้ถูกจับกุมหลังจากนั้น ปีที่แล้วอิหร่านประหารชีวิตชายคนหนึ่ง ที่ถูกศาลอิหร่านตัดสินว่ามีความผิด ฐานรั่วไหลข้อมูลให้สหรัฐและอิสราเอล เกี่ยวกับ พล.ต.กัสเซม โซไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ ในสังกัดกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม ซึ่งต่อมา พล.ต.โซไลมานีถูกซีไอเอสหรัฐ ใช้โดรนติดจรวดยิงถล่มขบวนรถยนต์เสียชีวิต ขณะออกจากสนามบินกรุงแบกแดด เมืองหลวงอิรัก…

เวเนซุเอลารวบ “สายลับสหรัฐ” ใกล้โรงกลั่นน้ำมัน

Loading

รัฐบาลเวเนซุเอลาประกาศการจับกุมพลเมืองสหรัฐ “ปฏิบัติการจารชน” ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันทางตอนเหนือของประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่าประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลการากัสสามารถจับกุม “สายลับชาวอเมริกัน” ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันอามวย และการ์ดอน ในรัฐฟัลกอน ทางเหนือของประเทศ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทั้งนี้ มาดูโรให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ผู้ที่ถูกจับกุมได้เป็นอดีตนาวิกโยธินซึ่งเคยปฏิบัติภารกิจให้กับสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) ในอิรัก โดยของกลางซึ่งเจ้าหน้าที่ยึดได้มีทั้งอาวุธปืน และเงินสดจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะเปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติมอย่างแน่นอน “ภายในอีกไม่นานนี้” ขณะเดียวกัน ผู้นำเวเนซุเอลาเตือนให้บุคลากรประจำโรงกลั่นน้ำมันทุกแห่งในประเทศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากการจับกุมพลเมืองสหรัฐรายนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังเจ้าหน้าที่สามารถปลดชนวนระเบิด ซึ่งมีผู้นำมาวางไว้ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันเอล ปาลิโต ในรัฐการาโบโบ ไม่ห่างจากกรุงการากัส ด้านกระทรวงการต่างประเทศในกรุงวอชิงตันยังไม่มีท่าทีอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม หากการประกาศของมาดูโร “เป็นความจริง” ถือว่าเวเนซุเอลาสามารถควบคุมตัวพลเมืองสหรัฐซึ่งพยายาม “ก่อความไม่สงบ” ภายในประเทศได้เป็นคนที่ 3 ภายใระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ต่อจากการจับกุมอดีตเจ้าหน้าที่อดีตหน่วยรบพิเศษกรีนเบอเรต์ 2 นาย และศาลพิพากษาให้ทั้งสองคนรับโทษจำคุกเป็นเวลา 20 ปี…

สหรัฐประณามศาลรัสเซียสั่งจำคุกชาวอเมริกันคดีสายลับ

Loading

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐแสดงความไม่พอใจอย่างหนัก ต่อการที่ศาลของรัสเซียพิพากษาให้อดีตนาวิกโยธินชาวอเมริกันรับโทษจำคุก 16 ปี ในข้อหาจารกรรม และเรียกร้องการปล่อยตัวโดยเร็ว ด้านรัฐบาลมอสโกกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องการเมือง” สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ว่านายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวันจันทร์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังศาลแขวงกรุงมอสโกมีคำพิพากษาให้พลเมืองสหรัฐ คือนายพอล วีแลน อดีตนาวิกโยธินวัย 50 ปี รับโทษจำคุกเป็นเวลา 16 ปี ฐานมีความผิดจริงในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับด้านความมั่นคงของรัสเซีย ว่าเป็นคำตัดสิน “ที่เลวร้าย” และไม่เป็นธรรมอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการไต่สวน “ซึ่งเป็นความลับ” และไม่มีการสืบพยานชัดเจน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการปล่อยตัววีแลนโดยเร็วที่สุด ขณะที่นายจอห์น ซัลลิแวน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงมอสโก กล่าวว่า “ผิดหวังอย่างมาก” กับคำพิพากษาของศาล “แต่ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายมากนัก” เนื่องจากพอจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่ต้นว่ากระบวนการของคดีจะเป็นไปในทิศทางใด ทว่าทิ้งท้ายเป็นนัยว่ารัฐบาลวอชิงตัน “ยินดีเจรจาต่อไป” ด้านนายวลาดิเมียร์ เซเรเบนคอฟ ทนายความของวีแลน ยืนยันจะมีการอุทธรณ์แน่นอน และอ้างการที่ลูกความของตัวเองอาจได้เป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ต่อมานายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่าบทลงโทษของวีแลนเป็นไปตามครรลองของกระบวนการยุติธรรม  “ซึ่งมีการพิสูจน์และเป็นที่ยอมรับแล้ว” และยืนยันว่าพลเมืองสหรัฐรายนี้…

ตัวตนข้าราชการสองหน้า แฉข้อมูลลับให้สื่อจนริชาร์ด นิกสัน ทิ้งเก้าอี้ปธน. คดีวอเตอร์เกต

Loading

(ซ้าย) ริชาร์ด นิกสัน (ขวา) มาร์ก เฟลต์ ฉากหลังเป็นภาพการจัดแสดงหลักฐานจากวาระครบ 30 ปี การงัดสำนักงานพรรคเดโมแครต ที่วอเตอร์เกต (ภาพจาก PAUL J. RICHARDS / AFP) คดีวอเตอร์เกต (Watergate) อันลือลั่นซึ่งว่าด้วยการแฉข้อมูลทางการเมือง แม้จะล่วงเลยมาหลายสิบปีแล้ว จนถึงปัจจุบัน คดีนี้ยังอยู่ในความทรงจำในฐานะเรื่องอื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา หรืออาจเป็นประวัติศาสตร์โลก คดีวอเตอร์เกต การแฉข้อมูลเบื้องลึกว่าด้วยการดำเนินการของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน และผู้ใกล้ชิดซึ่งกระทำการโดยผิดกฎหมายเพื่อให้มีชัยเหนือคู่แข่งทางการเมือง และชนะการเลือกตั้ง แต่จุดที่ทำให้ถูกเปิดโปง คือกรณีที่ทีมงานเข้าไปติดตั้งเครื่องดักฟังในศูนย์รณรงค์หาเสียงของพรรคเดโมแครต และถูกตำรวจจับได้ ขณะที่สื่อสารมวลชนที่รายงานเบื้องหลังของการงัดแงะครั้งนั้นอย่างต่อเนื่อง จนข้อมูลเบื้องลึกถูกเปิดโปงใหญ่โต จากคดีงัดแงะเล็กน้อยกลายเป็นคดีอื้อฉาวระดับประเทศอันเป็นผลทำให้ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศลาออกจากตำแหน่ง และน้ำตาตกต่อหน้าการแถลงข่าว สื่อมวลชนกลุ่มที่ปฏิบัติการนี้เองมีแหล่งข่าวปริศนารายสำคัญซึ่งสาธารณชนรู้จักในนามแฝงว่า “ดีพโธรต” (Deep Throat) แล้วเขาคือใคร? หากเอ่ยถึงในข้อเท็จจริงโดยรวมแล้ว คดีวอเตอร์เกทในช่วงต้นยุค 70s มีตัวละครสำคัญที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อคดีคือบทบาทสื่อมวลชนทั้งของวอชิงตัน โพสต์ (The Washington Post) และนิวยอร์ก ไทม์ส (The New York Times) โดยเฉพาะบทบาทการทำข่าวสืบสวนสอบสวนโดยบ๊อบ…

เจาะลึก ‘หวังลี่เฉียง’ ที่อ้างเป็น ‘สายลับจีน’ผู้แปรพักตร์

Loading

ภาพถ่ายจากวิดีโอรายการทีวีออสเตรเลีย ซึ่ง หวัง “วิลเลียม” ลี่เฉียง ผู้อ้างตัวเป็น “สายลับจีน” แปรพักตร์ ออกมาให้สัมภาษณ์ ‘Defector’ Wang Liqiang and the Great GameBy Dave Makichuk ความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ดูเหมือน หวัง “วิลเลียม” ลี่เฉิง อดีตนักศึกษาศิลปะวัย 27 ปี ผู้อ้างเป็นสายลับจีนซึ่งขอ “แปรพักตร์” อย่างเก่งที่สุดก็น่าจะเป็นมือปฏิบัติการระดับล่างๆ เท่านั้น เจมส์ แองเกิลตัน (James Angleton) [1] อดีตผู้คุมงานด้านต่อต้านสปายสายลับ ในสำนักงานซีไอเอมาอย่างยาวนาน เคยพูดถึงการต่อต้านข่าวกรอง โดยบรรยายว่ามันคือ “ดงแห่งกระจก” (Wilderness of Mirrors) ซึ่งภาพของสิ่งต่างๆ จะถูกสะท้อนไปสะท้อนมา ยากแก่การจำแนกว่า สิ่งนั้นมีรูปร่างลักษณะที่แท้จริงอย่างไรกันแน่ คำพูดนี้เห็นกันว่าคมคายสมเหตุสมผล เนื่องจากในธุรกิจของสปายสายลับนั้น สิ่งต่างๆ ไม่เคยเป็นอย่างที่มันดูเหมือนจะเป็นเลย ในเดือนธันวาคมนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนและหน่วยงานด้านข่าวกรองของประเทศนั้น กลายเป็นข่าวพาดหัวหลายๆ…

สงครามจารกรรมระอุ สหรัฐไล่ทูตจีนฐานแอบสอดแนมฐานทัพ

Loading

หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานว่ารัฐบาลสหรัฐขับไล่เจ้าหน้าที่สถานฑูตจีน 2 คนใน หลังจากที่พวกเขาขับรถไปยังฐานทัพที่มีความมั่นคงสูงในรัฐเวอร์จิเนีย จากเรื่องที่กิดขึ้น อาจเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่นักการทูตจีนต้องสงสัยว่าอาจทำงานด้านจารกรรมในสหรัฐ รายงานระบุว่า มีชาวจีน 6 คนที่เกี่ยวข้องกับการไปด้อมๆ มองๆ ฐานทัพสำคัญ หนึ่งในนั้นรวมถึงบรดาาภรรยาของเจ้าหน้าที่ทางการทูต เมื่อถูกจับได้ คนกลุ่มนี้ก็พยายามหลบเลี่ยงทหารสหรัฐที่ติดตามมา กว่าจะหยุดได้ก็เมื่อไม่สามารถไปต่อได้ เนื่องจากรถดับเพลิงปิดกั้นเส้นทางของพวกเขา เจ้าหน้าที่สหรัฐเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จีนอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับที่ปฏิบัติงานโดยอำพรางเป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูต เรื่องนี้เกิดขึ้นในเดือนกันยายนซึ่งทั้งรัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลจีนไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กรณีนี้ยิ่งเพิ่มความกังวลอย่างมากต่อรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจับตามองจีนว่าอาจกำลังขยายความพยายามสอดแนมในสหรัฐ เนื่องจากทั้งสองประเทศเผชิญหน้ากันมากขึ้นในด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐยังกล่าวว่าจีนเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐด้านการจารกรรมมากกว่าประเทศอื่น ๆ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐเผยว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ของจีนที่มีหนังสือเดินทางทางการทูตไปปรากฏตัวที่ศูนย์วิจัยหรือหน่วยงานของสหรัฐอย่างเงียบๆ หลายครั้ง โดยการเข้ามาสอดแนมฐานทัพเป็นเพียงหนึ่งในกรณีดังกล่าวเท่านั้น การขับทูตครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สหรัฐบังคับให้พนักงานสถานทูตจีนสองคนเดินทางออกไปเมื่อปี 2530 และแสดงให้เห็นว่าฝ่ายสหรัฐใช้มาตรการที่แข้งกร้าวมากขึ้นกับผู้ต้องสงสัยชาวจีนว่าอาจจะเข้ามาจารกรรม ในวันที่ 16 ตุลาคม ไม่กี่สัปดาห์หลังจากการบุกรุกและการขับเจ้าหน้าที่ทูตจีน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศข้อจำกัดเกี่ยวกับกิจกรรมของนักการทูตจีนในสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้ทูตจีนต้องแจ้งให้ทราบก่อนที่จะพบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่รัฐ หรือสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัย ในเวลานั้น เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กฎนี้จะใช้กับคณะทูตทั้งหมดของจีนในสหรัฐและดินแดนของสหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อกฎระเบียบของจีนเมื่อหลายปีก่อน ที่บังคับให้นักการทูตสหรัฐต้องขออนุญาตหากจะเดินทางนอกที่พำนักอยู่ หรือเพื่อเยี่ยมชมสถาบันบางแห่ง —————————————…