ซูดาน : ประเทศที่ไม่ใช่ชาติ

Loading

  ซูดาน – สาธารณรัฐซูดาน เป็นประเทศที่ในอดีตมีพื้นที่มากที่สุดในทวีปแอฟริกา ตั้งอยู่ทางภาคอีสานของทวีป มีเมืองหลวงชื่อคาร์ทูม มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศอียิปต์ ทิศใต้ติดต่อกับเซาท์ซูดาน ทิศตะวันออกติดกับประเทศเอริเทรียและประเทศเอธิโอเปีย ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับทะเลแดง ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกติดกับประเทศชาด และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับประเทศลิเบีย มีพื้นที่ 1,886,068 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 44,909,353 คน   ประเทศซูดานได้รับเอกราชใน พ.ศ.2499 หลังจากที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษร่วมกับอียิปต์ในนาม “คอนโดมิเนียม” ซึ่งแปลว่า “บ้านของคนสองคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน” อังกฤษปกครองทางตอนเหนือ อียิปต์กุมอำนาจทางวัฒนธรรม แต่ไม่มีใครสนใจดินแดนทางใต้ที่เต็มไปด้วยป่าไม้อันดิบชื้นและชนเผ่าพื้นเมืองที่พูดภาษาคนละภาษากับทางเหนือ เมื่อถึงเวลาจะให้เอกราช การตกลงกันว่าจะให้ใครปกครองจึงกลายเป็นเรื่องเหมือนให้แมวกับสุนัขจับมือกันวางแผนแต่งงาน ผลคือไม่ถึงสองปี รัฐบาลพลเรือนถูกโค่นโดยทหารและการปกครองซูดานก็เปลี่ยนไปเป็นรัฐบาลแบบเผด็จการทหาร ซูดานนั้นเดิมเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ในภาคเหนือเป็นมุสลิม มีความสัมพันธ์กับโลกอาหรับ และถือว่าตนเองเจริญแล้ว ขณะที่ทางใต้ของประเทศกลับเต็มไปด้วยคริสเตียนและผู้นับถือความเชื่อแบบหมอผีดั้งเดิม เป็นกลุ่มคนที่ชาวเหนือเห็นว่าป่าเถื่อน สงครามกลางเมืองครั้งแรกระหว่างเหนือกับใต้เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ.2558 ก่อนที่ซูดานจะได้เอกราชเสียด้วยซ้ำ และมันก็ดำเนินมาอย่างเรื่อยๆ จนถึง พ.ศ.2515 เมื่อมีการลงนามในข้อตกลง “แอดดิสอาบาบา” แต่สงบเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่อถึงปี 1983 ประธานาธิบดีนูเมรีย์ผู้เผด็จการทหารคนหนึ่งจากหลายคน ได้ประกาศใช้กฎหมายชารีอะห์ (เป็นกฎหมายทางศาสนาที่เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีศาสนาอิสลามซึ่งอิงตามคัมภีร์ของศาสนาอิสลามโดยเฉพาะอย่างยิ่งคัมภีร์กุรอ่านและหะดีษ ในศัพท์ศาสนาอิสลามชารีอะห์หมายถึงกฎหมายศักดิ์สิทธิ์) ทั่วประเทศ…

เกิดอะไรขึ้นในสงครามกลางเมืองซูดาน กลุ่มติดอาวุธใกล้ยึดภูมิภาคสำคัญแล้วหรือไม่

Loading

สถานการณ์การสงครามกลางเมืองในซูดานที่ยืดเยื้อมายังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น ล่าสุด มีรายงานว่า กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (Rapid Support Forces หรือ RSF) ซึ่งเป็นกองกำลังรบกึ่งทหารที่ไม่ได้สังกัดกองทัพซูดาน บุกโจมตีเข้าไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศซูดานใกล้กับเมืองอัล ฟาเชอร์ เมืองเอกของภูมิภาคดาร์ฟูร์เหนือ

สหรัฐฯ อพยพพลเมืองอเมริกันชุดแรกหนีสงครามกลางเมืองซูดาน

Loading

    ชาวอเมริกันหลายร้อยคนเดินทางออกจากซูดานผ่านทางท่าเรือเมื่อวันเสาร์ ถือเป็นพลเมืองอเมริกันชุดแรกที่อพยพออกจากซูดานโดยความช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากเกิดการสู้รบกลางเมืองในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างกองทัพบกซูดานกับกองกำลังกึ่งทหาร   เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน ของสหรัฐฯ เฝ้าจับตาและคุ้มกันการอพยพประชาชนอเมริกันจำนวน 200-300 คนดังกล่าว ซึ่งเริ่มต้นจากการเดินทางด้วยขบวนรถโดยสารเป็นระยะทางกว่า 800 กิโลเมตรไปยังพอร์ตซูดาน เพื่อขึ้นเรือโดยสารข้ามทะเลแดงมุ่งหน้าไปยังซาอุดิอาระเบียที่ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่การทูตของรัฐบาลสหรัฐฯ รอให้ความช่วยเหลือ   ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของชาวอเมริกันที่ติดอยู่ในซูดานวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลกรุงวอชิงตันที่ไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังซูดานเพื่อช่วยอพยพพลเมืองอเมริกันออกมา โดยคาดว่ามีชาวอเมริกันอาศัยอยู่ในซูดานราว 16,000 คนที่ต้องการลี้ภัยหนีสงครามกลางเมือง   เมื่อวันที่ 22 เมษายน กองกำลังพิเศษของอเมริกาเดินทางไปยังกรุงคาร์ทูมเพื่อช่วยเหลือนำบรรดาเจ้าหน้าที่การทูตและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันออกจากซูดานไปล่วงหน้าแล้ว พร้อมสั่งปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในซูดาน แต่ยังมีพลเมืองอเมริกันจำนวนมากที่ตกค้างอยู่ในซูดาน     จนถึงขณะนี้ มากกว่าสิบประเทศ ได้นำตัวพลเมืองของตนออกมาจากซูดานแล้ว โดยใช้หลายวิธีด้วยกัน รวมถึงขบวนรถโดยสาร เครื่องบินทหาร เรือของกองทัพเรือ และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน รวมทั้งประเทศไทยที่ได้ส่งเครื่องบินไปรับตัวพลเมืองชาวไทยออกจากซูดานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา   นับตั้งแต่การสู้รบของกองทัพบกซูดานและกองกำลังกึ่งทหารเคลื่อนที่เร็ว หรือ อาร์เอสเอฟ ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน สหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนพลเมืองของตนให้หาทางหนีออกมาจากซูดาน รวมทั้งพยายามติดต่อไปยังประเทศอื่นเพื่อช่วยเหลือในการอพยพชาวอเมริกันออกจากพื้นที่สู้รบ ก่อนที่จะตัดสินใจจัดขบวนรถโดยสารไปรับพบเมืองอเมริกันกลับบ้าน…

ระทึก!! กำลังรบพิเศษอังกฤษบินเครื่องทหารอเมริกันเข้า “ซูดาน” ใช้ความมืดปกคลุมเป็นประโยชน์ อพยพขนนักการทูตตัวเองออกสำเร็จใช้เวลา 1 ชม.ครึ่ง

Loading

    เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – เป็นที่ฮือฮาเมื่อมีการเปิดเผยปฏิบัติการช่วยนักการทูตอังกฤษออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน พบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งหน่วยรบพิเศษเข้ากรุงคาร์ทูม อาศัยความมืดให้เป็นประโยชน์ก่อนขับรถดิ่งตรงเข้าสถานทูตอังกฤษ นำเจ้าหน้าที่การทูตกลับออกมาใช้เวลาเบ็ดเสร็จราว 1 ชั่วโมงครึ่ง ท่ามกลางความวิตกชาวซูดานที่ยังคงติดอยู่ระหว่างสงครามกลางสู้รบสมรภูมิเลือด   สกายนิวส์รายงานวานนี้ (23 เม.ย.) ว่า ปฏิบัติการอพยพเหล่านักการทูตอังกฤษออกมาจากกรุงคาร์ทูม เกิดขึ้นเมื่อช่วงคืนดึกวันเสาร์ (22) ซึ่งเป็นการส่งหน่วยรบพิเศษอังกฤษขึ้นเครื่องบินรบสหรัฐฯ เข้าซูดานเพื่อเริ่มปฏิบัติการอพยพ   นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชี ซูแน็ก กล่าวในวันอาทิตย์ (23) โดยชี้ว่า เป็นการแสดงความขอบคุณต่อปฏิบัติการอพยพที่ “สลับซับซ่อนและรวดเร็ว” รอยเตอร์รายงานวันอาทิตย์ (23)   “ผมแสดงปวารณาต่อข้อผูกพันของนักการทูตของพวกเรา และความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ทหารที่ออกปฏิบัติยากลำบาก” ซูแน็ก กล่าวผ่านทางทวิตเตอร์   และเสริมต่อว่า “ผมยังคงดำเนินไปทุกช่องทางเพื่อยุติความขัดแย้งนองเลือดให้เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัยของพลเมืองอังกฤษที่ยังคงอยู่ในประเทศ”   ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เบน วอลเลซ เปิดเผยว่า ทหารอังกฤษออกปฏิบัติการอพยพร่วมกับสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ พร้อมเปิดเผยว่ามีการใช้ทหารไม่ต่ำกว่า 1,200 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการ   อย่างไรก็ตาม…