รู้จักแอปพลิเคชัน Telegram อาวุธไซเบอร์ประจำม็อบ 18 ตุลา

Loading

การประกาศของกลุ่มเยาวชนปลดแอก (FreeYouth) และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เพิ่มช่องทางการติดตามนอกจากเพจใหม่แล้ว ไปยังช่องทางของแอปพลิเคชัน Telegram จนทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า Telegram คืออะไร? อันที่จริงแล้ว Telegram เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมานานแล้ว โดยเริ่มปล่อยดาวน์โหลดครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2013 จากวันนี้ก็เป็นเวลา 7 ปีกว่าที่แอปพลิเคชันนี้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พาเวล ดูรอฟ Telegram ก่อตั้งโดยทีมนักพัฒนา 3 คน ได้แก่ นิโคไล ดูรอฟ, พาเวล ดูรอฟ และอักเซล เนฟฟ์ โดยที่ พาเวล ดูรอฟ รับหน้าที่เป็นซีอีโอ จุดมุ่งหมายของแอปพลิเคชัน Telegram โดยหลักแล้วมีเพียงข้อเดียว นั่นคือ พวกเขาต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันที่แม้แต่สายลับรัสเซียไม่สามารถ “แฮก” ได้ เนื่องจากในอดีตที่ครั้งหนึ่ง พาเวล ดูรอฟ เคยเป็นเจ้าของโซเชียลมีเดียที่มีชื่อว่า VKontakte หรือ VK ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่กลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาลรัสเซียใช้เป็นแพลตฟอร์มหลักในการติดต่อสื่อสาร จนนำมาสู่การถูก Mail.ru บริษัทที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซียเข้ามาแทรกแซง และซื้อธุรกิจโซเชียลมีเดีย VK ไปในที่สุด…

เคล็ดไม่ลับกับการจัดทัพเพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์

Loading

ในระยะนี้เราจะพบเห็นข่าวที่ว่าองค์กรต่างๆ ได้ถูกภัยคุกคามทางไซเบอร์เข้ามาสร้างความเสียหายอยู่เป็นระยะ ซึ่งก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะน้อยลงไปเลย กลับกันภัยคุกคามเหล่านี้ยังมาพร้อมกับรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างความเสียหายให้กับองค์กรที่มีมูลค่ามหาศาล ทั้งในรูปแบบของสูญเสียเงิน หรือระบบสำคัญไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ เนื่องจากข้อมูลถูกเข้ารหัส องค์กรต้องเสียเวลาในการที่จะกู้ข้อมูลกลับมาเพื่อให้ระบบทำงานได้ และองค์กรยังเสียภาพลักษณ์หรือลดความเชื่อมั่นจากลูกค้า โดยคุณสรุจ ทิพเสนา ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชั่นองค์กร จากไมโครซอฟท์ประเทศไทยจะให้คำแนะนำเบื้องต้น จนไปถึงวิธีปฏิบัติในการที่จะป้องกันภัยคุกคาม โดยเฉพาะ Ransomware ซึ่งเทคนิคการป้องกัน Ransomware นั้นสามารถนำไปปรับใช้เพื่อป้องกันภัยคุกคามรูปแบบอื่นๆ ได้เช่นกันครับ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าภัยคุกคามต่างๆ จะมีวิธีที่แฮกเกอร์ใช้หรือที่เรียกว่า Threat vector อยู่สามรูปแบบหลักดังนี้ Drive-by Download – คือการที่ผู้โจมตีพยายามที่จะเข้าควบคุมเครื่องปลายทาง โดยให้ผู้ใช้หลงดาวน์โหลดโค้ด ชุดคำสั่ง ไวรัส หรือ Ransomware โดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นพึงระลึกไว้เสมอครับว่าเวลาเข้าเว็บไซต์แปลกๆ โหลดโปรแกรมจากเว็บที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้คุณโหลดไวรัส หรือนำอันตรายมาสู่องค์กรได้แบบไม่ตั้งใจ Email, Spam และ Phishing – เราได้รับอีเมลที่ข้างในอาจจะมีไฟล์แนบ ซึ่งแถมไวรัสมาโดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อเปิดไฟล์ก็ทำให้เครื่องติดไวรัส ไปจนถึงการสร้างเมลหลอกลวงที่จะแนบ Link มากับเมล เพื่อให้เราคลิกไปเปิดเว็บไซต์อื่น หรือเปิดไฟล์ที่อยู่ปลายทางก็ถือเป็นอีกเทคนิคที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย Unpatched Internet…

สิงคโปร์นำร่อง “สแกนใบหน้า” ยืนยันตัวตนแทน “บัตรประชาชน” ชาติแรกของโลก

Loading

Photo by Mladen ANTONOV / AFP รัฐบาลสิงคโปร์เดินหน้าใช้เทคโนโลยี “ยืนยันใบหน้า” ระบุตัวตนแทนบัตรประชาชนประเทศแรกของโลก ให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างปลอดภัย ปูทางสู่เศรษฐกิจดิจิทัล สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้ระบบยืนยันใบหน้า (facial verification) เพื่อระบุตัวตนในการเข้าถึงบริการของภาครัฐอย่างปลอดภัย ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ นายแอนดริว บัด ซีอีโอของ iProov บริษัทเทคโนโลยีของอังกฤษ ซึ่งดูแลระบบดังกล่าวให้รัฐบาลสิงคโปร์ กล่าวว่า เทคโนโลยีสแกนใบหน้าจะต้องตรวจสอบและยืนยันได้ว่า บุคคลนั้นมีตัวตนอยู่จริง ไม่ใช่ภาพถ่าย หรือวิดีโอที่ถูกอัดขึ้น และเทคโนโลยีนี้จะถูกเชื่อมเข้ากับ “SingPass” ซึ่งเป็นระบบบัญชีกลางดิจิทัลของรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่ออนุญาตให้ชาวสิงคโปร์สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของภาครัฐได้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ระบบยืนยันใบหน้าในระบบคลาวด์ เพื่อรักษาความปลอดภัยที่ช่วยระบุตัวตนของผู้ใช้งานด้วยข้อมูลประจำตัวจากระบบดิจิทัลของชาติ แทนการใช้บัตรประชาชน โดยเทคโนโลยีการยืนยันใบหน้า จะต้องใช้วิธีการสแกนใบหน้าบุคคล และจับคู่กับรูปภาพที่มีอยู่ในฐานข้อมูลเพื่อระบุตัวตน โดยจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงข้อมูลและทำธุรกรรม เช่น ปลดล็อกโทรศัพท์มือถือ หรือเข้าแอปพลิเคชันธนาคารบนสมาร์ตโฟน ปัจจุบันการยืนยันตัวตนผ่านใบหน้าในสิงคโปร์ เริ่มมีการนำมาใช้งานในสาขากรมสรรพากรสิงคโปร์บางแห่ง รวมถึงธนาคารดีบีเอส สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ที่เปิดให้บริการลูกค้ายืนยันใบหน้า เพื่อเปิดบัญชีธนาคารรูปแบบออนไลน์ และจะมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับทางเข้าหรือออกเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย รวมถึงกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่มีการนำไปใช้งานภายใต้ข้อกำหนดของรัฐบาล ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาและจีนได้นำระบบยืนยันใบหน้ามาใช้ในลักษณะเดียวกันเพิ่มขึ้น เช่น แอปพลิเคชั่นธนาคารที่รองรับระบบ Apple Face ID…

การสร้างหรือแชร์ข่าวปลอม มีความผิดตามกฎหมาย!

Loading

การนำข้อมูลปลอม ข่าวปลอม ไม่ว่าจะเป็นการปลอมทั้งหมด หรือแค่บางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่การแชร์ หรือส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จเหล่านั้น ล้วนมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความได้ ตัวอย่างของการกระทำ ที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 – โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง เช่น ข่าวปลอม โฆษณาธุรกิจลูกโซ่ที่หลอกลวงเอาเงินลูกค้า และไม่มีการส่งมอบของให้จริง เป็นต้น มีความผิดตามมาตรา 14(1) – โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย มีความผิดตามมาตรา 14(2) – โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย มีความผิดตามมาตรา 14(3) – โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้ มีความผิดตามมาตรา 14(4) – เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด เช่น กด Share ข้อมูลที่มีเนื้อหาเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีนี้ก็ถือว่ามีความผิด มีความผิดตามมาตรา 14(5) หากการกระทำในลักษณะดังกล่าวข้างต้น…

กรณีศึกษา Shopify ทำข้อมูลลูกค้ารั่วไหลเพราะคนในแอบขโมยข้อมูล (insider threat)

Loading

Shopify เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ รองรับทั้งการแสดงผลร้านค้าและการชำระเงิน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 บริษัท Shopify ได้ประกาศแจ้งสถานการณ์ข้อมูลรั่วไหล โดยสาเหตุเกิดจากพนักงานฝ่ายสนับสนุนจำนวน 2 คนเข้าถึงข้อมูลบันทึกการชำระเงินของลูกค้ากว่า 200 รายโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่ตรวจพบเหตุการณ์ดังกล่าวทางบริษัทได้ตัดสิทธิ์พนักงานทั้ง 2 คนออกจากระบบและสั่งดำเนินการสอบสวนทางกฎหมายทันที ทั้งนี้ ทาง Shopify แจ้งว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็ยืนยันว่าข้อมูลที่พนักงานสามารถเข้าถึงได้นั้นมีเฉพาะข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ อีเมล ที่อยู่ และประวัติการซื้อขายสินค้า แต่ไม่มีข้อมูลทางการเงินหลุดออกไปแต่อย่างใด กรณีศึกษานี้เป็นตัวอย่างเหตุการณ์ภัยคุกคามจากคนใน (insider threat) ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกองค์กร เป้าหมายมีได้ตั้งแต่การฉ้อฉล ขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ไปจนถึงสร้างความเสียหาย สาเหตุของการเกิดนั้นมีได้ทั้งจากตัวพนักงานและจากปัญหาภายในองค์กร ทั้งนี้ ภัยคุกคามจากคนในนั้นไม่ได้หมายถึงแค่คนในเป็นคนก่อเหตุ แต่ยังหมายรวมถึงเหตุการณ์ที่คนในกระทำผิดโดยไม่เจตนา หรือถูกข่มขู่บังคับเพื่อให้กระทำการทุจริตได้ด้วย ทาง Software Engineering Institute ของ Carnegie Mellon University ได้ให้ข้อแนะนำในการป้องกันภัยคุกคามจากคนในไว้ดังนี้ จัดทำทะเบียนสินทรัพย์ และกำหนดมาตรการป้องกันตามระดับความสำคัญของสินทรัพย์นั้น ๆ จัดให้มีมาตรการและทีมงานเพื่อตรวจสอบ ป้องกัน…

ปอท.สอบระบบข้อมูล รพ.สระบุรี หลังถูกแฮกเรียกค่าไถ่

Loading

MGR Online – รอง ผบก.ปอท.แจงการป้องกันถูกแฮกข้อมูลจาก Ransomware หลังปล่อยไวรัสทำระบบ รพ.สระบุรี ล่มและเรียกค่าไถ่ เชื่อเป็นอาชญากรเจาะระบบจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาพบเคยก่อเหตุมาแล้วกับบริษัทเอกชนและภาครัฐของไทย วันนี้ (10 ก.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก บก.ปอท. กล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลสระบุรีถูกคนร้ายแฮกข้อมูลจนทำให้ระบบฐานข้อมูลคนไข้ใช้งานไม่ได้แล้วเรียกค่าไถ่ว่า เบื้องต้น พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท.ได้สั่งการให้ฝ่ายเทคนิคและฝ่ายสืบสวน ปอท.ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ขณะนี้ยังไม่ยืนยันตัวผู้ปล่อยไวรัสโจมตีระบบข้อมูลของโรงพยาบาลสระบุรีเป็นใคร ปฏิบัติการในประเทศหรือนอกประเทศ แต่รูปแบบการก่อเหตุลักษณะดังกล่าวที่ผ่านมามักเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทำจากต่างประเทศ โดยใส่รหัสล็อกข้อมูลในไฟล์สำคัญในองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน หรือข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเรียกเงินค่าไถ่จากองค์กรหรือบุคคลนั้นๆ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า การเจาะข้อมูลของโรงพยาบาลสระบุรี เชื่อว่าแฮกเกอร์มีเจตนาต้องการเรียกเงินเพื่อแลกกับการปลดล็อกข้อมูล เพราะเป็นรูปแบบที่เคยก่อเหตุเจาะข้อมูลบริษัทเอกชนและภาครัฐในประเทศไทยมาแล้ว ซึ่งข้อมูลของตำรวจ ปอท.พบว่าในอดีตมีหลายบริษัทไม่สามารถกู้ข้อมูลในระบบคืนได้จึงจำเป็นต้องจ่ายเงินค่าไถ่ตามเรียกร้อง แต่กรณีการเจาะระบบข้อมูลเรียกค่าไถ่จากโรงพยาบาลในประเทศไทย ที่ผ่านมาทราบว่ายังไม่เคยเกิดขึ้น โดยปกติแล้วเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับโรงพยาบาลเพราะผู้ได้รับผลกระทบคือผู้ป่วย อย่างไรก็ดี ในคดีนี้ บก.ปอท.จะได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องการตรวจสอบช่องโหว่ของระบบและพยายามร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกู้คืนข้อมูล “ส่วนข้อมูลคดีดังกล่าวพบว่าเป็น Ransomware ซึ่งเป็นมัลแวร์ชนิดหนึ่งที่พบมานานหลายปี โดยผู้ก่อเหตุมักจะส่งอีเมลหรือลิงก์ที่มีข้อความลักษณะจูงใจ เมื่อมีผู้หลงเชื่อกดลิงก์เปิดอ่าน ระบบจะถูกเจาะและเข้ารหัส ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เป็นความเสียหาย…