อียูเตรียมยกระดับป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน ผวารัสเซียก่อวินาศกรรมแก้แค้น

Loading

  ยุโรปต้องใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน โทรคมนาคม การขนส่ง และสาธารณูปโภคที่สำคัญอื่น ๆ จากความเป็นไปได้ของการถูกลอบวินาศกรรม บลูมเบิร์กรายงานในวันจันทร์ (17 ต.ค.) อ้างว่าทางคณะกรรมาธิการอียูจะออกคำแนะนำดังกล่าวในช่วงกลางสัปดาห์   นอกจากนี้ สำนักงานบลูมเบิร์ก รายงานด้วยว่า ทางคณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่ “พิมพ์เขียว” ฉบับหนึ่ง สำหรับเป็นแนวทางตอบสนองต่อวิกฤตต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต “สงครามของรัสเซียในการรุกรานยูเครน นำมาซึ่งภัยคุกคามชุดใหม่ บ่อยครั้งมาพร้อมกันในฐานะการโจมตีลูกผสม” เอกสารระบุ พร้อมเน้นว่า “ภัยคุกคามดังกล่าวมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามหลังเหตุลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 1”   ทางกลุ่มมีความกังวลว่ามอสโกจะลงมือแก้แค้นแผนจำกัดเพดานราคาอุปทานก๊าซรัสเซียที่ส่งมอบทางทะเล ด้วยการลอบก่อวินาศกรรมโครงสร้างพื้นฐานในยุโรป   ความกังวลนี้มีขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังเหตุระเบิดที่ทำให้ท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 เกิดรอยรั่วในทะเลบอลติก และการพบท่อลำเลียงน้ำมันดรูซบา ซึ่งลำเลียงน้ำมันดิบรัสเซียไปยังยุโรป เกิดรอยรั่วในแถบภาคกลางของโปแลนด์   ขณะเดียวกัน การขนส่งทางรถไฟทางเหนือของเยอรมนี ต้องหยุดให้บริการเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ตามหลังเกิดเหตุการณ์ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นการลอบก่อวินาศกรรมเล็งเป้าเล่นงายสายเคเบิลสื่อสารไฟเบอร์ออปติก แม้เจ้าหน้าที่ไม่ได้สงสัยว่าเป็นฝีมือของต่างชาติก็ตาม   บรรดาประเทศยุโรปหลายชาติ มีทั้งชี้เป้ารัสเซียทั้งทางตรงและโดยอ้อมในฐานะผู้ร้ายของเหตุลอบก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 1 แม้แทบไม่มีหลักฐานใดๆ เลยก็ตาม…

อิหร่านฟันธงอิสราเอลก่อวินาศกรรมโจมตี รง.นิวเคลียร์ของตน ประกาศจะตอบโต้ ‘ผู้ก่อเหตุ’ แต่ยังคงลุยเจรจาให้มะกันยกเลิกแซงก์ชัน

Loading

  อิหร่านฟันธง อิสราเอล ศัตรูตัวฉกาจของตน คือ ผู้ก่อวินาศกรรมเล่นงานโรงงานนิวเคลียร์ในเมืองนาตันซ์ เนื่องจากไม่พอใจที่ความพยายามเพื่อให้อเมริกายกเลิกมาตรการแซงก์ชันกำลังมีความคืบหน้า ลั่นจะตอบโต้เอาคืน และขณะเดียวกัน จะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้บ่อนทำลายกระบวนการเจรจาเพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์   อิหร่านระบุว่า บุคคลซึ่งเป็นผู้ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าดับในโรงผลิตโรงหนึ่งที่สถานเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมใต้ดินของตนในเมืองนาตันซ์ ได้ถูกระบุตัวออกมาอย่างชัดเจนแล้ว และ “กำลังมีการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่จำป็นเพื่อจับกุมบุคคลผู้นี้” สื่อภาครัฐของอิหร่านรายงาน โดยไม่ให้รายละเอียดมากกว่านี้ ขณะที่องค์การพลังงานปรมาณูอิหร่าน (ไอเออีโอ) แถลงว่า เกิด “การระเบิดขนาดเล็ก” ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ซึ่งเล่นงานศูนย์จ่ายไฟฟ้าของโรงงานที่นาตันซ์ พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของอิหร่านหลายรายกล่าวเมื่อวันจันทร์ (12 เม.ย.) ถึงเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ (11) คราวนี้ว่า เป็น “การก่อการร้ายทางนิวเคลียร์” และบอกด้วยว่า เตหะรานสงวนสิทธิที่จะปฏิบัติการเล่นงานพวกผู้ก่อเหตุ เป็นต้นว่า สถานีทีวีของรัฐบาลอิหร่านรายงานโดยอ้างคำพูดของ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่า “ขบวนการไซออนนิสต์” ซึ่งหมายถึงพวกยิวที่ต้องการฟื้นชาติอิสราเอล ต้องการแก้แค้นการที่อิหร่านดำเนินการอย่างมีความคืบหน้า ในการพยายามให้สหรัฐฯยกเลิกมาตรการแซงก์ชัน โดยก่อนหน้านี้อิสราเอลเคยประกาศขัดขวางอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมกันนั้นซารีฟสำทับด้วยว่า เตหะรานมีสิทธิ์ตอบโต้ผู้โจมตี อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า เตหะรานจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์นี้ส่งผลต่อการเจรจาเพื่อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 หรือผ่อนคลายจุดยืนของฝ่ายตนในการเจรจานี้…

สหรัฐสั่งคุก 15 ปี มือวางแผนก่อวินาศกรรมถล่มทำเนียบขาว

Loading

แฟ้มภาพนายแฮเชอร์ ทาเฮบ ผู้ต้องหาในคดีวางแผนโจมตีทำเนียบขาว ซึ่งทั้งสองภาพถ่ายไว้ในปี 2015 (เอพี) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาแถลงเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า นายแฮเชอร์ ทาเฮบ ชาวเมืองคัมมิง รัฐจอร์เจีย อายุ 23 ปี ถูกศาลตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี จากการวางแผนที่จะก่อวินาศกรรมโจมตีทำเนียบขาวด้วยจรวดต่อต้านรถถังและวัตถุระเบิดต่างๆ และยังมีแผนที่จะโจมตีรูปปั้นเทพีเสรีภาพ อนุสาวรีย์วอชิงตัน อนุสรณ์สถานลินคอล์น และ โบสถ์ยิวในกรุงวอชิงตันด้วย ข่าวแจ้งว่า การตัดสินโทษมีขึ้นหลังจากนายทาเฮบถูกเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐจับกุมตัวไว้ได้เมื่อวันที่ 16 มกราคมปี 2019 หนึ่งปีหลังจากที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอของสหรัฐได้รวบรวมข้อมูลหลังได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในชุมชนว่านายทาเฮบซึ่งขณะนั้นมีอายุ 21 ปี มีรากฐานทางความคิดที่เปลี่ยนไป ในคำฟ้องระบุว่านายทาเฮบได้พยายามเกณฑ์ให้ผู้แจ้งข่าวและเจ้าหน้าที่เอฟบีไอนอกเครื่องแบบเข้าร่วมแผนการก่อวินาศกรรมของตนเอง ซึ่งนายทาเฮบกล่าวอ้างว่าเป็นหน้าที่ของเขาในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะได้เป็นผู้พลีชีพเพื่อศาสนา โดยในตอนแรกนายทาเฮบหวังจะเดินทางไปยังพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในตะวันออกกลาง แต่ได้เปลี่ยนใจที่จะลงมือในสหรัฐ เนื่องจากเขาไม่มีพาสปอร์ต ทั้งนี้การจับกุมนายทาเฮบมีขึ้นขณะเขาถูกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอล่อจับในระหว่างรอรับอาวุธที่นายทาเฮบสั่งให้นำมาส่งให้ทั้งอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ระเบิดและอาวุธต่อต้านรถถังเอที-4 —————————————————————- ที่มา : มติชน / 24 กรกฎาคม 2563 LInk : https://www.matichon.co.th/foreign/news_2279229