อย่าพึ่งตกใจ อันนี้ไม่ใช่การ Hack ระดับประเทศแต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง เพราะ เมื่อเร็วๆ นี้ ข่าวการรั่วไหลของรหัสผ่าน 1.6 หมื่นล้านรายการ โดยในเนื้อข่าวระบุไว้ว่า เกิดการรั่วไหลของข้อมูลครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.6 หมื่นล้านรหัสผ่าน ( 16 Billion Passwords Leaked ) ซึ่งรวมถึงข้อมูลผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มดังๆ อย่าง Facebook, Google และ Apple ทำให้หลายคนตกใจและเรียกขานว่าเป็นเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
แล้วความจริงมันเป็นยังไงเกี่ยวกับ 16 Billion Passwords Leaked?
อย่างไรก็ตาม ข่าวเกี่ยวกับการหลุดของ password มหาศาลนี้ ไม่ได้เกิดจากการแฮกเพียงครั้งเดียวหรือเป็นการแฮ็กครั้งใหม่ล่าสุด แต่อย่างใด ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามันเป็น การรวบรวมข้อมูล ที่ได้มาจากการแฮกเล็กๆ น้อยๆ หลายครั้งในอดีต ซึ่งถูกแฮกเกอร์นำมารวมกันเป็นไฟล์ขนาดใหญ่ชุดเดียว เหมือนเป็นการจัดรวม “เพลงฮิต” จากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งนี้กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่พบเห็นได้บ่อยขึ้นในอินเทอร์เน็ต โดยข้อมูลเหล่านี้อาจหมุนเวียนอยู่ในโลกออนไลน์มาสักระยะแล้ว และมาจากหลายแหล่ง เช่น การแฮก, การหลอกลวงแบบฟิชชิง, หรือมัลแวร์ต่างๆ
ถึงแม้ไม่ได้มีการแฮ็กครั้งใหญ่ แต่ยังคงต้องระวัง
แม้จะไม่ใช่การแฮกใหม่ แต่การที่ข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ถูกรวบรวมไว้ในที่เดียวมันยิ่งเพิ่มความอันตรายเพราะพวก Hacker สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราอาจเห็นวิธีการ Phishing ที่หลอกคนได้ง่ายขึ้น หรือใช้ในการ ขโมยข้อมูล ID ของคนอื่นๆ (Identity Theft) ได้ง่ายกว่าเดิมมาก ทั้งนี้ การรั่วไหลของข้อมูลครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยังคงเป็นกรณีของ Yahoo ในปี 2016 ซึ่งมีข้อมูลผู้ใช้งานถึง 3 พันล้านรายถูกขโมยไป
ระวังตัวก่อนภัยมา ด้วย 3 ขั้นตอน
เมื่อมีข่าวข้อมูลรั่วขนาดนี้ แม้บางข้อมูลอาจเป็นของเก่าที่ไม่เกี่ยวข้องแล้ว นานแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องตรวจสอบตัวเอง ตาม 3 ขั้นตอนนี้
- ตรวจสอบว่าข้อมูลของคุณรั่วไหลหรือไม่: เว็บไซต์ที่ดีในการเริ่มต้นคือ Have I Been Pwned เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์และกรอกอีเมลของตัวเอง เว็บไซต์จะแสดงให้เห็นว่าข้อมูลประจำตัว ของเราได้รั่วไหลสู่สาธารณะหรือไม่
- เปลี่ยนรหัสผ่านทันที: หากพบว่าข้อมูลของคุณรั่วไหล ให้ เปลี่ยนรหัสผ่านเหล่านั้นทันที และเลือกใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก อย่าเอาแค่วันเกิด เบอร์โทรศัพท์มาเป็นรหัสผ่าน
- เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัย (Multi-Factor Authentication – MFA): นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดและเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกบัญชีที่ทำได้ เพราะการเพิ่มชั้นการยืนยันตัวตนนี้จะช่วยป้องกันคนแฮคไม่ให้เข้าถึงข้อมูลได้ แม้ว่าจะได้รหัสผ่านไปแล้วก็ตาม
ที่มา : promotions / วันที่เผยแพร่ 23 มิถุนายน 2568
Link : https://promotions.co.th/breakingnews/social-media-news/16-billion-passwords-leaked-do-not-panic.html