สงสัยมือใหม่? หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์เจอด่านตรวจ ชคต.คีรีเขต ออกอาการพิรุธตกใจจนรถล้มบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลธารโต ก่อนพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่ตรงจุดรถล้ม แถมตรวจพบกระสุนปืน .38 ซุกใต้เบาะ เตรียมอายัดตัวดำเนินคดี
พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.00 น.วันศุกร์ที่ 9 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลคีรีเขต (ชคต.คีรีเขต) อ.ธารโต จ. กำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดหน้าฐานปฏิบัติการ ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา เป็นรถยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิลาโน่ สีชมพู ป้ายทะเบียน 1 กย 9651 ปัตตานี
ชายคนนี้ขี่รถเข้าในบริเวณจุดตรวจ แต่มีอาการพิรุธและตื่นตระหนก ยิ่งเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ยิ่งแสดงอาการตกใจ และได้พยายามขี่รถจักรยานยนต์ออกไป จนเสียหลักล้มลง และตนเองได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมนำส่งโรงพยาบาลธารโต ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ นายมูหัมหมัดสุกรี แวเลาะ อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านผ่านศึก หมู่ 2 ต.คีรีเขต อ.ธารโต
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจุดที่รถล้ม พร้อมทั้งขอตรวจยานพาหนะ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติภารกิจดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดยหลังเจ้าหน้าที่ตรวจรถจักรยานยนต์ของ นายมูหัมหมัดสุกรี อย่างละเอียด พบลูกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 3 นัด ซุกอยู่ใต้เบาะนั่งของรถจักรยานยนต์ ทั้งยังพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่บริเวณใกล้เคียง มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กขนาดความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และมีสายไฟยื่นออกมา จึงได้สั่งปิดกั้นพื้นที่ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมของ นายมูหัมหมัดสุกรี ทราบว่า เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน และมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในห้วงเทศกาลตรุษจีน หรือวันปีใหม่ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน แต่โชคดีที่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมส่งกำลังเฝ้า นายมูหัมหมัดสุกรี ผู้บาดเจ็บ ซึ่งยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธารโต เตรียมอายัดตัวดำเนินคดี หากพบว่าสิ่งของที่ครอบครองนั้นผิดกฎหมาย
ควบ จยย.เจอด่าน-ตกใจรถล้ม วัตถุคล้ายระเบิดหล่น กระสุนปืนคาเบาะ!
สงสัยมือใหม่? หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์เจอด่านตรวจ ชคต.คีรีเขต ออกอาการพิรุธตกใจจนรถล้มบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลธารโต ก่อนพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่ตรงจุดรถล้ม แถมตรวจพบกระสุนปืน .38 ซุกใต้เบาะ เตรียมอายัดตัวดำเนินคดี
พ.อ.เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 21.00 น.วันศุกร์ที่ 9 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลคีรีเขต (ชคต.คีรีเขต) อ.ธารโต จ.ยะลา กำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดหน้าฐานปฏิบัติการ ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา เป็นรถยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟิลาโน่ สีชมพู ป้ายทะเบียน 1 กย 9651 ปัตตานี
ชายคนนี้ขี่รถเข้าในบริเวณจุดตรวจ แต่มีอาการพิรุธและตื่นตระหนก ยิ่งเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ยิ่งแสดงอาการตกใจ และได้พยายามขี่รถจักรยานยนต์ออกไป จนเสียหลักล้มลง และตนเองได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมนำส่งโรงพยาบาลธารโต ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ นายมูหัมหมัดสุกรี แวเลาะ อายุ 31 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านผ่านศึก หมู่ 2 ต.คีรีเขต อ.ธารโต
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจุดที่รถล้ม พร้อมทั้งขอตรวจยานพาหนะ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติภารกิจดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ โดยหลังเจ้าหน้าที่ตรวจรถจักรยานยนต์ของ นายมูหัมหมัดสุกรี อย่างละเอียด พบลูกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 3 นัด ซุกอยู่ใต้เบาะนั่งของรถจักรยานยนต์ ทั้งยังพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่บริเวณใกล้เคียง มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กขนาดความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร และมีสายไฟยื่นออกมา จึงได้สั่งปิดกั้นพื้นที่ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมของ นายมูหัมหมัดสุกรี ทราบว่า เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อน และมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในห้วงเทศกาลตรุษจีน หรือวันปีใหม่ของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน แต่โชคดีที่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมส่งกำลังเฝ้า นายมูหัมหมัดสุกรี ผู้บาดเจ็บ ซึ่งยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลธารโต เตรียมอายัดตัวดำเนินคดี หากพบว่าสิ่งของที่ครอบครองนั้นผิดกฎหมาย
BRN อ้างหนุ่มทำวัตถุคล้ายระเบิดหล่นคาด่านไม่ใช่นักรบ อัดสื่อไม่ตรวจสอบ
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา เมื่อเพจที่ใช้ชื่อว่า BRN – Barisan revolusi national ออกมาตอบโต้ข่าวเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหนุ่มวัย 31 ปี ที่ออกอาการพิรุธเมื่อขี่รถจักรยานยนต์เข้าด่านตรวจของชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) คีรีเขต อ.ธารโต จ.ยะลา
โดยเพจที่อ้างชื่อ BRN นี้ เชื่อกันว่าเป็นช่องทางการสื่อสารของขบวนการที่อ้างอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดน มีส่วนเกี่ยวพันกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันร่วมคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขกับรัฐบาลไทยอยู่ แต่ไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเพจทางการของขบวนการจริงหรือไม่
เพจ BRN แชร์ข้อความอ้างอิงถึงข่าวที่เสนอในเว็บไซต์ ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา แม้ไม่ได้ระบุชื่อสำนักข่าว แต่มีการตัดภาพข่าวจากเว็บไซต์มาโพสต์ หัวข้อข่าวว่า “คนร้ายควบ จยย.เจอด่าน-ตกใจรถล้ม วัตถุคล้ายระเบิดหล่น กระสุนปืนคาเบาะ”
โดยมีเนื้อหาเชิงโต้แย้งว่า “เหตุการณ์ควบคุมตัวประชาชนรายหนึ่งในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลคีรีเขต อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ซึ่งจากการตรวจสอบในฐานข้อมูลของฝ่ายกองกำลังในพื้นที่ไม่มีรายชื่อของนักรบรายนี้ในสารบบ
รวมทั้งข้อมูลในเชิงลึก พบว่าประชาชนรายนี้เป็นนกต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจภูธรอำเภอธารโต มีประวัติถูกควบคุมตัวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ถูกปล่อยตัวมาโดยตลอด
ในการนี้จึงขอปฏิเสธว่าประชาชนรายดังกล่าวมิใช่นักรบในสังกัดของกองกำลังปาตานีแต่อย่างใด พฤติกรรมดังกล่าวเป็นเพียงลักษณะนิสัยของตัวบุคคล
ทั้งนี้ ขอให้สำนักสื่อที่ลงข่าวเกี่ยวเนื่องจากเหตุดังกล่าว ขอให้ใช้ความเป็นมืออาชีพในการสืบสวนหาข่าวที่รอบด้าน มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจน”
ลงชื่อ BRN
@@ เปิดต้นทางข่าวจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
เป็นที่น่าสังเกตว่า เพจที่อ้างชื่อ BRN เขียนข้อความลงท้ายในเชิงตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ไม่สืบสวนหาข่าวให้รอบด้าน ทั้งๆ ที่เนื้อหาและข้อมูลของข่าวนี้ มาจากการเผยแพร่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ข่าวในเพจ กอ.รมน.ภาค 4 สน.
โดยเป็นข่าวทางการที่ระบุชื่อผู้ให้ข่าว คือ พันเอก เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.อย่างชัดเจน ไม่ใช่ข่าวที่สื่อมวลชนรายงานขึ้นเอง รวมถึงข้อสังเกตเรื่องพฤติการณ์ “อาจเป็นผู้ไม่หวังดี” ที่ต้องการสร้างสถานการณ์ช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตของโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ไม่ใช่สื่อมวลชนคาดการณ์ สันนิษฐาน หรือทึกทักเอาเองแต่อย่างใด
@@ ขยายผลค้นบ้าน เจอปืน-กระสุนอีกเพียบ
ที่สำคัญก็คือ ในเวลาต่อมา กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ขยายผลตรวจสอบบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอธารโต จังหวัดยะลา พบยาเสพติดและของกลางหลายรายการ
ข่าวนี้ก็รายงานโดย กอ.รมน.ภาค 4 สน. พันเอก เอกวริทธิ์ คนเดิม เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลคีรีเขต อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัด หน้าฐานปฏิบัติการ และได้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ขับขี่รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลง คือ นายวันมูหัมหมัดสุกรี แวเลาะ อายุ 31 ปี และนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ภายหลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจที่เกิดเหตุและตรวจยานพาหนะของนายวันมูหัมหมัดสุกรี พบลูกกระสุนปืนขนาด .38 มิลลิเมตร จำนวน 3 นัด ใต้เบาะที่นั่งรถจักรยานยนต์ และพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่บริเวณใกล้เคียง มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กขนาดความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร มีสายไฟยื่นออกมา จึงทำการปิดกั้นพื้นที่ พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย และเก็บวัตถุพยานหลักฐานได้เป็นที่เรียบร้อย
อีกทั้งจากการตรวจสอบพฤติกรรม ของนายมูหัมหมัดสุกรีฯ ทราบว่า เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาก่อนอีกด้วย
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเข้าตรวจสอบบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ตำบลคีรีเขต อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นบ้านที่ นายวันมูหัมหมัดสุกรี พักอาศัยอยู่ จากการตรวจสอบพบของกลางหลายรายการ ดังนี้
– ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 3,000 เม็ด
– อาวุธปืน ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก
– อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 1 กระบอก
– กระสุนปืนขนาด .22 จำนวนหนึ่ง ( อยู่ระหว่างการตรวจนับ )
– กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 3 ลูก
@@ สันนิษฐานเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง มุ่งสร้างสถานการณ์
นอกจากนี้ยังมีสิ่งของที่ตรวจยึดอีกจำนวนหนึ่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบยืนยันจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่แน่ชัด จากของกลางที่ตรวจยึดได้ สันนิษฐานว่า นายวันมูหัมหมัดสุกรี อาจเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มุ่งก่อเหตุการสร้างสถานการณ์ในห้วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายวันมูหัมหมัดสุกรี ส่งศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
@@ คนข่าวมึน สนง.อยู่ที่ไหน ใครบ้างคือ BRN?
อนึ่ง การนำเสนอข่าวนี้ เป็นการนำเสนอข่าวตามปกติและตามมาตรฐานวิชาชีพของสื่อมวลชนทั่วไป แต่เพจที่อ้างชื่อ BRN กลับตำหนิการทำหน้าที่ของสื่อ ทั้งๆ ที่มีข้อสังเกตดังนี้
1.สื่อไม่ได้รายงานเอง หรือสรุปเอง แต่เป็นข่าวที่มีแหล่งข่าวอ้างถึงชัดเจน นั่นก็คือ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.
2.การที่เพจ BRN อ้างว่าสื่อไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าใครเป็นนักรบของ BRN บ้าง ทำให้เกิดคำถามว่า สื่อมวลชนทั่วไป ซึ่งเป็นสื่อมวลชนไทย จะตรวจสอบรายชื่อนักรบ BRN ได้ที่ไหน
– สำนักงาน BRN อยู่ที่ไหน
– ใครคือผู้ประสานงานของ BRN ที่พร้อมตอบคำถามนักข่าว
– หากบุคคลผู้นั้นตอบคำถามนักข่าว BRN จะยอมรับว่าเป็นการให้ข่าวในนามของตนหรือไม่
3.ตลอดหลายปีที่ผ่านมา BRN ที่ส่งตัวแทนร่วมคณะพูดคุยกับรัฐบาลไทย ใช้การสื่อสารทางเดียว คือเผยแพร่คลิปวีดีโอที่บันทึกภาพไว้ก่อนแล้ว และเลือกเผยแพร่ในเวลาที่ฝ่ายตนกำหนด โดยไม่ได้เปิดการแถลงข่าว หรือเปิดช่องทางเพื่อให้มีการซักถามแต่อย่างใด
4.ตลอดหลายปีที่ผ่านมา BRN อยู่ในสถานะ “องค์กรลับ” ไม่มีใครตอบได้ชัด ๆ ว่าบุคคลไหนคือแกนนำหรือสมาชิก BRN
ตลอดมา BRN ก็ใช้จุดนี้สร้างความได้เปรียบและสร้างความสับสนให้กับสังคมมาโดยตลอด โดยเรื่องนี้ที่เป็นเรื่องดี ส่งผลบวกต่อมวลชน ก็อ้างเป็นการกระทำของตน แต่ถ้าเหตุการณ์ไหนเป็นเรื่องร้าย กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ หรือสร้างการสูญเสีย ก็อ้างว่าตนไม่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีใครตรวจสอบได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
แม้ที่ผ่านมาจะมีสื่อไทยพยายามสอบถามประเด็นต่างๆ แม้แต่กับบุคคลที่ร่วมอยู่ในคณะพูดคุยด้วยก็ตาม แต่เกือบทั้งหมดมักไม่ได้รับคำตอบ หรือหากจะตอบก็ตอบเฉพาะประเด็นที่เป็นประโยชน์กับตนเองเท่านั้น ส่งผลให้การทำงานของสื่อในการรายงานข่าวที่เกี่ยวกับ BRN เป็นไปอย่างยากลำบาก
5.มีความเป็นไปได้ว่า ความผิดพลาดของหนุ่มวัย 31 ปี ที่ทำวัตถุต้องสงสัยหล่นคาด่านตรวจ ส่งผลกระทบต่อเครดิตและข้อเรียกร้องของ BRN ซึ่งพยายามส่งเสียงผ่านช่องทางต่างๆ มาโดยตลอดว่าให้ฝ่ายความมั่นคงไทยยกเลิกด่านตรวจ โดยอ้างเรื่องภาพลักษณ์เหมือนดินแดนสงคราม มีการลิดรอนสิทธิ์ของประชาชนคนในพื้นที่ ทั้งๆ ที่การสำรวจความคิดเห็นหลายๆ ครั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีประชาชนจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องการให้มีด่านตรวจต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ในการพูดคุยสันติสุขรอบล่าสุดที่มาเลเซีย วันที่ 6-7 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ประเด็นลดด่านตรวจบนท้องถนน ก็เป็นประเด็นที่คณะพูดคุยฝ่าย BRN พยายามหยิบยกขึ้นมาเรียกร้อง
แต่เมื่อเกิดกรณีด่านตรวจทำงานได้ผล จึงอาจเกิดกระแสย้อนกลับไปตั้งคำถามกับ BRN เองว่า ที่ผ่านมาเรียกร้องให้ยกเลิกด่านตรวจเพราะอะไร
@@ BRN เพจอวตาร?
สำหรับเพจเฟซบุ๊ก BRN Barisan Revolusi Nasional เคยถูกฝ่ายความมั่นคงระบุว่าเป็น “เพจอวตารที่ไม่มีตัวตน” จากเหตุการณ์ที่เกิดเหตุคนร้ายยิงชาวบ้านหาของป่า เสียชีวิต 2 รายในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 3 ส.ค.65
และต่อมาในวันที่ 5 ส.ค.65 ทางเพจดังกล่าวก็ได้โพสต์ข้อความเตือนหน่วยกำลังภาคประชาชนงดล่าสัตว์หรือลาดตระเวนในพื้นที่ชองชาวมุสลิม เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ (ต้องการสื่อนัยทำนองว่า ประชาชนที่ล่าสัตว์ในพื้นที่ของพี่น้องมุสลิม เป็นกองกำลังภาคประชาชนที่ทำงานให้รัฐ ไม่ใช่ชาวบ้านจริงๆ)
รวมถึงอีกกรณีช่วงหลังเหตุการณ์ลอบวางระเบิดและเผาร้านสะดวกซื้อหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อ 16–17 ส.ค.65 เพจเดียวกันก็ออกมาโพสต์ภาพโลโก้ บิ๊กซี และ เซเว่นอีเลฟเว่น พร้อมเขียนเนื้อหาแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตจากกองกำลัง BRN ในการโจมตีสัญลักษณ์ของอำนาจทุนนิยมรัฐไทย ที่เข้ามาทำลายระบบเศรษฐกิจชุมชน
ทำให้ พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ “ทีมข่าวอิศรา” ถึงเพจเฟซบุ๊กที่อ้างเป็น BRN ดังกล่าว โดยยืนยันว่า “เป็นเพจอวตาร ไม่สามารถระบุความมีตัวตนและความรับผิดชอบได้”
เช่นเดียวกับในครั้งที่เพจอ้างชื่อ BRN โพสต์ข้อความห้ามออกไปหาของป่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็เคยออกมาชี้แจงว่า
“จากการตรวจสอบเพจเฟซบุ๊กที่อ้างตนว่าเป็นเพจของขบวนการ BRN นั้นพบว่า เป็นเพจที่จัดตั้งขึ้นในลักษณะปกปิดสถานะที่ไม่สามารถพิสูจน์ทราบความมีตัวตนได้ (อวตาร) เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ เพจ
โดยที่ผ่านมา เพจลักษณะนี้ได้เคลื่อนไหวบิดเบือนข้อเท็จจริงและเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จโจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ สร้างความหวาดระแวงและความตื่นตระหนกให้พี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เคยมีองค์กรใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ
จึงขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการบริโภคข้อมูลข่าวจากเพจดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชนควรใช้ดุลยพินิจและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านบนพื้นฐานจรรยาบรรณของสื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือผู้ไม่หวังดีและซ้ำเติมสถานการณ์ให้รุนแรงยิ่งขึ้น”
อนึ่ง เพจเฟซบุ๊ก BRN – Barisan Revolusi National มีผู้ติดตาม 265 คน และกดถูกใจ 120 ครั้ง
ย้อนดูโพสต์แรกของเพจดังกล่าว เป็นโพสต์อัพเดตรูปโปร์ไฟล์สัญลักษณ์บีอาร์เอ็น เมื่อวันที่ 13 เม.ย.66 ซึ่งคาดว่า เพจนี้น่าจะถูกทำขึ้นมาใหม่ หลังจากเพจเฟซบุ๊กเพจเดิมที่ใช้ชื่อ BRN Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani ซึ่งเคยโพสต์ข้อความและมีความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ จนถูกทาง กอ.รมน.ภาค 4 ระบุว่า เป็นเพจอวตารไม่มีตัวตน คอยแต่บิดเบือนข้อเท็จจริงโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคงนั้น ค้นหาไม่เจอ และน่าจะถูกปิดไปแล้ว จนทำให้ต้องมาเปิดเพจใหม่
———————————————————————————————————————————————————————————
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา / วันที่เผยแพร่ 10 และ 11 ก.พ.67
Link : https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/126216-manthantho.html , https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/126230-brnavatar.html