แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI ออกมาเตือนว่าโลกกำลังเดินหน้าสู่วิกฤตการหลอกลวงครั้งใหญ่ที่เกิดจากเหล่ามิจฉาชีพใช้งานเทคโนโลยี AI ในทางที่ผิด สวมรอยเป็นผู้อื่นได้อย่างแนบเนียน ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อระบบการเงินโลกและความเชื่อมั่นในสังคม
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ในระหว่างการสัมภาษณ์ที่จัดโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อัลต์แมนเผยว่า “เป็นเรื่องน่ากลัวที่ทุกวันนี้ยังมีสถาบันการเงินบางแห่งยอมใช้เสียงของลูกค้าเป็นตัวตรวจสอบตัวตนในการทำธุรกรรม ทั้งที่ AI สมัยนี้สามารถเลียนเสียงได้เหมือนจริงมาก ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ใหญ่ของระบบปัจจุบัน”
รวมทั้งยังแสดงความกังวลว่าอนาคตเราอาจต้องเผชิญกับการหลอกลวงผ่านวิดีโอหรือ FaceTime ที่แยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ยกตัวอย่าง กรณีที่เคยเกิดขึ้นแล้ว เช่น ผู้ใช้ AI เลียนเสียงลูกเพื่อหลอกเอาเงินจากพ่อแม่ หรือใช้เสียงปลอมของรัฐมนตรีต่างประเทศในการติดต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ
ขณะที่ทำเนียบขาวกำลังจะเปิดตัว AI Action Plan หรือแผนรับมือด้านนโยบาย AI ของสหรัฐฯ ซึ่ง OpenAI ก็มีส่วนร่วมให้คำแนะนำเชิงนโยบาย โดยบริษัทเตรียมเปิดสำนักงานถาวรแห่งแรกในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ต้นปีหน้า เพื่อเป็นศูนย์กลางวิจัยและฝึกอบรมด้าน AI ให้แก่หน่วยงานรัฐ ครู และประชาชนทั่วไป
ซึ่งอีกประเด็นที่อัลต์แมนเน้นย้ำคือ การเรียกร้องให้โลกเร่งพัฒนาระบบการพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ (Proof of human) เพื่อแยกแยะคนจริงจาก AI โดยมีการพูดแนะนำถึงโครงการ The Orb ที่พัฒนาโดย Tools for Humanity ที่จุดประสงค์ของโครงการคือสร้างระบบพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ โดยใช้อุปกรณ์สแกนม่านตาทรงกลมขนาดเล็กเพื่อตรวจสอบตัวตนอย่างปลอดภัยและไม่ซ้ำกัน
โดยโครงการ The Orb นี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด World ID ซึ่งมุ่งสร้างระบบยืนยันตัวตนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized identity) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแสดงความเป็นมนุษย์โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป ในโลกออนไลน์ที่กำลังปะปนระหว่างคนจริงกับ AI อย่างไม่ชัดเจน
ที่มา :cnn
———————————————————————————————————————————————————