สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) แถลงผลการประเมินพระราชบัญญัติสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 และ พ.ร.บ.สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2562 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานนโยบายดิจิทัลของประเทศ โดยการประเมินครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการสดช. กล่าวว่า กฎหมายทั้ง 2 ฉบับถือเป็นกลไกหลักที่ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของไทยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ดีอี ซึ่งมีบทบาทชัดเจนในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ระดับชาติ การจัดตั้งกองทุนดีอี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า)
ในกระบวนการประเมินสดช.ให้ความสำคัญกับการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและสะท้อนมุมมองรอบด้าน โดยพบว่าพ.ร.บ.ดีอีมีจุดแข็งหลายด้าน แต่อาจต้องมีการปรับปรุงบางส่วนให้สอดคล้องกับบริบทดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ พ.ร.บ.สภาดิจิทัลฯ ได้รับข้อเสนอแนะว่า ยังคงมีความเหมาะสมและสามารถดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังไม่พบอุปสรรคสำคัญในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอจากทุกภาคส่วนจะถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
“เรากำลังวิเคราะห์อย่างรอบคอบว่า สมควรแก้ไขกฎหมายหรือไม่ และหากจำเป็น จะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำร่างกฎหมายใหม่ พร้อมดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามกระบวนการของกฎหมายอย่างเป็นระบบ” นายเวทางค์กล่าว พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ
เขา ย้ำว่า การทบทวนและพัฒนากฎหมายให้ทันสมัยเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของภูมิภาคได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ / วันที่เผยแพร่ 16 กรกฎาคม 2568
Link :https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1189649