ในช่วงหลายวันของการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีก อิสราเอลได้กำหนดเป้าหมายไปยังโรงงานนิวเคลียร์ ฐานทัพทหาร และที่พักอาศัยส่วนตัวในอิหร่าน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกของประเทศและอยู่รอบ ๆ เมืองหลวงกรุงเตหะราน
แม้การโจมตีมาจากท้องฟ้า แต่น่าสงสัยว่ามอสซาด (Mossad) หน่วยข่าวกรองของอิสราเอล มีบทบาทสำคัญในการระบุตำแหน่งเป้าหมายและกำกับปฏิบัติการภาคพื้นดินเช่นกัน
เชื่อกันว่าเจ้าหน้าที่มอสซาดลักลอบนำโดรนเข้ามาในอิหร่าน เพื่อระบุเป้าหมายระบบป้องกันภัยทางอากาศที่เหลืออยู่ของอิหร่าน และก่อนหน้านี้ทางอิหร่านก็ออกมายอมรับว่า พวกเขาสงสัยว่ากองกำลังฝ่ายความมั่นคงของตนถูกแทรกซึมโดยหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล
บุคลากรทางทหารที่สำคัญและนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์จำนวนมาก ตกเป็นเป้าสังหารและถูกปิดชีพได้สำเร็จนับตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากการโจมตีเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าอิสราเอลมีข่าวกรองเกี่ยวกับตำแหน่งความเคลื่อนไหวของพวกเขา
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากจะประเมินบทบาทของมอสซาดในเหตุการณ์ต่าง ๆ เนื่องจากอิสราเอลไม่ค่อยแสดงความเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมของหน่วยข่าวกรองของตนเอง รวมถึงยังมีหน่วยงานอื่น ๆ ที่ทำงานด้านข่าวกรองแยกย่อยออกไปอีก แต่ต่อไปนี้คือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับการการดำเนินงานของมอสซาดที่โดดเด่นในอดีต

อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้บัญชาการปีกการเมืองของฮามาส (ซ้าย) ทักทาย ฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (ขวา) ระหว่างการเยือนกรุงเตหะราน ทั้งคู่ถูกสังหารจากการโจมตีของอิสราเอล
การลอบสังหาร อิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฮามาส
อิสมาลี ฮานิเยห์ หัวหน้าฝ่ายการเมืองของฮามาสถูกสังหารขณะพักอยู่ในเกสต์เฮาส์ในกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2024
ในตอนแรก อิสราเอลไม่ได้อ้างความรับผิดชอบต่อการสังหารดังกล่าว แต่หลายเดือนต่อมา อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลยอมรับว่า อิสราเอลอยู่เบื้องหลังการสังหารครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของฮานิเยห์ยังไม่มีความชัดเจน
คาลิล อัล-ไฮยา เจ้าหน้าที่อาวุโสของฮามาสกล่าวในงานแถลงข่าวว่าขีปนาวุธโจมตีมายังฮานิเยห์ “โดยตรง” โดยอ้างคำบอกเล่าจากพยานที่อยู่กับผู้เสียชีวิต แต่รายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ซึ่งรวบรวมข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ 7 คนด้วยกัน ระบุว่าฮานิเยห์ถูกสังหารด้วยระเบิดที่ถูกลักลอบนำเข้ามาในอาคารที่เขาพักอาศัยอยู่เมื่อราวสองเดือนก่อน
ทั้งนี้ บีบีซีไม่สามารถตรวจสอบคำกล่าวอ้างนี้ได้
ฮานิเยห์เป็นหนึ่งในผู้นำฮามาสหลายคนที่ถูกอิสราเอลสังหารนับตั้งแต่ทางกลุ่มเปิดฉากการโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023
ผู้นำฮามาสคนอื่น ๆ ที่ถูกอิสราเอสสังหาร ยังรวมถึงยาห์ยา ซินวาร์ หัวหน้าปีกทหารของกลุ่มฮามาส รวมถึงโมฮัมเหม็ด น้องชายของเขา และ โมฮัมเหม็ด เดอีฟ พร้อมกับ มาร์วาน อิสซา ผู้ช่วยของเขา
ระเบิดอุปกรณ์สื่อสารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

พิธีศพของนักรบฮิซบอลเลาะห์ หลังเขาถูกสังหารจากอุปกรณ์สื่อสารระเบิด
ในวันที่ 17 ก.ย. 2024 เพจเจอร์หลายพันเครื่องเกิดระเบิดขึ้นพร้อมกันทั่วเลบานอน ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ที่เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และเหตุระเบิดดังกล่าวทำให้ผู้ใช้ รวมถึงบุคคลที่อยู่ใกล้เคียง ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากนั้นในวันต่อมา พบว่าเครื่องรับส่งวิทยุวอล์คกี-ทอล์คกี (walkie-talkie) เกิดระเบิดในลักษณะเดียวกัน คร่าชีวิตและทำให้ผู้คนอีกหลายร้อยคนได้รับบาดเจ็บ
ในช่วงเวลาดังกล่าว อิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์กำลังต่อสู้ในความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงใส่ตำแหน่งที่ตั้งของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากการโจมตี
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยอมรับว่า อิสราเอลเป็นผู้ลงมือในปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ หลังจากเวลาล่วงเลยมาแล้วสองเดือน จากการรายงานของสำนักข่าวในอิสราเอลในขณะนั้น
ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีบีเอส (CBS) ซึ่งเป็นสื่อพันธมิตรของบีบีซีในสหรัฐอเมริกา อดีตเจ้าหน้าสืบราชการลับที่ 2 คนออกมาเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าวว่าทางมอสซาดได้ซ่อนอุปกรณ์ระเบิดไว้ในแบตเตอรีสำหรับใช้งานในเครื่องรับส่งวิทยุ ซึ่งปกติแล้วจะถูกพกติดตัวไว้ในเสื้อกั๊กใกล้กับหัวใจของผู้สวมใส่
ทางฮิซบอลเลาะห์สั่งซื้อเครื่องรับส่งวิทยุมากกว่า 16,000 เครื่องใน “ราคาที่ดี” จากบริษัทปลอมเมื่อ 10 ปีก่อน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าภายในมีระเบิดซ่อนอยู่ และต่อมาก็ซื้อเพจเจอร์อีก 5,000 เครื่องด้วย จากรายงานของซีบีเอส
การระเบิดดังกล่าวส่งผลสะเทือนไปทั่วเลบานอน เนื่องจากมันเกิดขึ้นทุกแห่งหนที่มีเพจเจอร์ถูกพกพาออกไปในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ต
โรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จำนวนมากกลายเป็นผู้พิการ
โวลเกอร์ เติร์ก หัวหน้าฝ่ายสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกการโจมตีนี้ว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม
การลอบสังหารโมห์เซน ฟาครีซาเดห์

เชื่อกันว่า มอสซาดอยู่เบื้องหลังการสังหารโมห์เซน ฟาครีซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำของอิหร่าน
ในเดือน พ.ย. 2020 ขบวนรถที่มีโมห์เซน ฟาครีซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิหร่านเดินทางไปด้วย ถูกระดมยิงในเมืองอับซาร์ด ทางตะวันออกของกรุงเตหะราน
ฟาครีซาเดห์ถูกสังหารด้วยปืนกลควบคุมระยะไกลที่มีระบบช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ
“การลอบสังหารด้วยวิธีการที่ซับซ้อนเช่นนี้กับเป้าหมายที่เคลื่อนไหว โดยไม่มีพลเรือนเสียชีวิตสักคน จำเป็นต้องมีข้อมูลข่าวกรองภาคพื้นดินแบบเรียลไทม์” จิยาร์ กอล จากบีบีซี แผนกภาษาเปอร์เซีย เขียนไว้ในขณะนั้น
ในเดือน เม.ย. 2018 เนทันยาฮูได้แสดงแฟ้มเอกสารหลายสิบอันที่เขาอ้างว่าเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และบอกว่า มอสซาดขโมยมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ในปฏิบัติการบุกโจมตีสถานที่จัดเก็บซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเตหะราน 30 กม. (ต่อมาได้รับการยืนยันจากฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีของอิหร่าน)
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้นำเสนอเอกสารดังกล่าวในงานแถลงข่าวเป็นการเฉพาะ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของ โมห์เซน ฟาครีซาเดห์ ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์ที่ยังไม่ได้รับการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
“ดร.โมห์เซน ฟาครีซาเดห์…จำชื่อนั้นไว้” เขากล่าวซ้ำ
ก่อนหน้านี้ อิหร่านกล่าวหาอิสราเอลว่าสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชาวอิหร่านอีก 4 คนระหว่างปี 2010 – 2012
ฆ่ารัดคอมาห์มูด อัล-มาบูห์

มาห์มูด อัล-มาบูห์ ถูกช็อตด้วยไฟฟ้าก่อนจะถูกรัดคอจนเสียชีวิต
ในปี 2010 มาห์มูด อัล-มาบูห์ ซึ่งเป็นผู้นำอาวุโสในฝ่ายทหารของกลุ่มฮามาส ถูกลอบสังหารในห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งของนครดูไบ ซึ่งแม้ในตอนแรกจะดูเหมือนการเสียชีวิตตามธรรมชาติ แต่ต่อมาตำรวจดูไบก็สามารถระบุตัวทีมลอบสังหารได้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเผยว่าเขาถูกสังหารด้วยการช็อตไฟฟ้าและรัดคอจนเสียชีวิต
เชื่อกันว่าผู้บงการลอบสังหารในครั้งนี้คือมอสซาด ทำให้รัฐบาลอิสราเอลมีปัญหาทางการทูตกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในทันที และแม้ทูตอิสราเอลจะอ้างว่า ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่ามอสซาดอยู่เบื้องหลังเหตุฆาตกรรมดังกล่าว แต่ทางการอิสราเอลก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าตนเองไม่มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการดำเนินตามนโยบายที่เน้นรักษาความคลุมเครือในประเด็นเหล่านี้
ยาห์ยา อัยยาช มือระเบิดผู้สิ้นชีพด้วยระเบิดโทรศัพท์

ภาพของยาห์ยา อัยยาช ปรากฏในโปสเตอร์ โดยถือเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์
ในปฏิบัติการที่คล้ายกันเมื่อปี 1996 ยาห์ยา อัยยาช นักทำระเบิดคนสำคัญของกลุ่มฮามาส ถูกลอบสังหารด้วยการยัดวัตถุระเบิดราว 50 กรัม เข้าไปในโทรศัพท์มือถือรุ่นโมโตโรลาอัลฟาของเขา
อัยยาชซึ่งเป็นขุนพลคนสำคัญในกองกำลังของกลุ่มฮามาส เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์และประกอบระเบิด รวมทั้งเป็นผู้บงการวางแผนอันซับซ้อน เพื่อโจมตีเป้าหมายที่เป็นฝ่ายอิสราเอลหลายครั้ง ทำให้เขาตกเป็นบุคคลที่ถูกหมายหัวและต้องการตัวมากที่สุดจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของอิสราเอล
ในช่วงปลายปี 2019 ทางการอิสราเอลยกเลิกคำสั่งห้ามเปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของการลอบสังหารในครั้งนั้น ทำให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ของอิสราเอล นำเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ที่ยาห์ยาพูดคุยกับพ่อของเขาเป็นครั้งสุดท้ายมาออกอากาศ ซึ่งการลอบสังหารฮัมชารีและอัยยาช ถือเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของความเป็นมาอันยาวนาน ในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสังหารเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง
ปฏิบัติการภราดร (Operation Brothers)

สายลับมอสซาดยืนอยู่ข้างรถที่ลอบขนส่งชาวยิวออกจากซูดาน
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 มอสซาดได้ดำเนินแผนตบตากลุ่มประเทศที่เป็นศัตรูครั้งใหญ่ เพื่อลักลอบขนย้ายชาวยิวกว่า 7,000 คนจากประเทศเอธิโอเปีย ให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอิสราเอลโดยเดินทางผ่านประเทศซูดาน ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีเมนาเฮม เบกิน ซึ่งต้องการนำเหล่าพี่น้องเชื้อสายยิวกลับคืนสู่ดินแดนแห่งพันธะสัญญา
เนื่องจากซูดานนั้นเป็นประเทศสมาชิกของกลุ่มสันนิบาตอาหรับ ซึ่งนับว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล มอสซาดจึงได้คิดแผนการสร้างรีสอร์ตเพื่อการท่องเที่ยวดำน้ำขึ้นแห่งหนึ่งที่ริมชายฝั่งทะเลแดง เพื่อใช้ตบตาทางการซูดานและเป็นฐานของปฏิบัติการลับในครั้งนี้
ในช่วงเวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ของหน่วยจารกรรมมอสซาดจะแสร้งแสดงตัวเป็นพนักงานบริการในรีสอร์ตดังกล่าว แต่พอถึงเวลากลางคืน พวกเขาจะลอบอำนวยความสะดวกให้กับชาวยิวที่เดินเท้าข้ามแดนมาจากเอธิโอเปีย เพื่อส่งตัวคนเหล่านี้ต่อไปยังอิสราเอลโดยทางเรือและทางอากาศ
ปฏิบัติการลับนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นโดยไม่ถูกขัดขวางเป็นเวลานานอย่างน้อย 5 ปี และเมื่อแผนการถูกเปิดโปง บรรดาเจ้าหน้าที่ของมอสซาดในรีสอร์ตปลอมแห่งดังกล่าว ก็ได้พากันหลบหนีไปจนหมดแล้ว
แก้แค้นเหตุสังหารหมู่ในกีฬาโอลิมปิกที่นครมิวนิก

ทีมชาติอิสราเอลเข้าร่วมพิธีรำลึกถึงเพื่อนร่วมชาติที่ถูกสังหาร ซึ่งจัดขึ้นในสนามกีฬาโอลิมปิกที่นครมิวนิก
เมื่อปี 1972 กลุ่มกันยายนทมิฬ (Black September) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ ได้บุกเข้าสังหารนักกีฬาทีมชาติอิสราเอล 2 คนในที่พัก และจับอีก 9 คนเป็นตัวประกัน ระหว่างการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่นครมิวนิกของเยอรมนี ซึ่งต่อมานักกีฬาทุกคนถูกมือปืนยิงสังหาร หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชาวเยอรมันตะวันตกเข้าช่วยเหลือไม่สำเร็จ

นักกีฬาและโค้ชทีมชาติอิสราเอล 11 คน ที่ถูกสังหารในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 1972 ที่นครมิวนิก
ปฏิบัติการเอนเต็บเบ

ตัวประกันในเหตุการณ์จี้เครื่องบินที่เมืองเอนเต็บเบได้รับการปล่อยตัว หลังถูกกักขังอยู่นานถึงหนึ่งสัปดาห์
ปฏิบัติการเอนเต็บเบที่เกิดขึ้นในประเทศยูกันดา เมื่อปี 1976 ถือเป็นปฏิบัติการทางทหารที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งของอิสราเอล เนื่องจากมีหน่วยจารกรรมอย่างมอสซาดคอยป้อนข่าวกรองที่แม่นยำให้กับกองทัพอิสราเอลในปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกัน
สลัดอากาศซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 2 คน ของแนวร่วมประชาชนเพื่อการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PFLP) และผู้สมรู้ร่วมคิดชาวเยอรมันอีก 2 คน ได้จี้บังคับนักบินให้เปลี่ยนเส้นทางบินไปยังประเทศยูกันดา และจับผู้โดยสารและลูกเรือไว้เป็นตัวประกันที่สนามบินเอนเต็บเบ
กองกำลังคอมมานโดของอิสราเอลได้เข้าจู่โจมสนามบินและสามารถเข้าช่วยเหลือตัวประกันชาวอิสราเอลและชาวยิวที่เหลืออีก 100 คนเอาไว้ได้
เหตุการณ์นี้จบลงโดยมีตัวประกันเสียชีวิต 3 ราย ส่วนสลัดอากาศทุกคนและทหารยูกันดาหลายนาย รวมทั้งโยนาทาน เนทันยาฮู นายทหารชาวอิสราเอลซึ่งเป็นพี่ชายของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ก็เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
ไล่ล่านาซี “อดอล์ฟ ไอช์มานน์”

อดอล์ฟ ไอช์มานน์ ระหว่างเข้ารับการพิจารณาคดีในอิสราเอล
การลักพาตัวเจ้าหน้าที่นาซีคนสำคัญ “อดอล์ฟ ไอช์มานน์” มาจากประเทศอาร์เจนตินาในปี 1960 คือผลงานความสำเร็จที่รู้จักกันดีมากที่สุดครั้งหนึ่ง
ไอช์มานน์ คือบุคคลที่บงการแผนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ซึ่งทำให้มีชาวยิวเสียชีวิตไปราว 6 ล้านคน ด้วยน้ำมือของนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังหลบหนีการจับกุมมาได้หลายครั้ง ด้วยวิธีย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ท้ายที่สุดแล้วไอช์มานน์ก็ถูกจับกุมตัวในอาร์เจนตินา โดยฝีมือของทีมนักสืบมอสซาด 14 คน ที่ติดตามแกะรอยและลักพาตัวเขามายังอิสราเอล เพื่อนำตัวขึ้นศาลรับการพิจารณาคดีและต้องโทษประหารชีวิตในที่สุด
แม้หน่วยมอสซาดที่เก่งกาจจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจมาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องพบกับความล้มเหลวเข้าจนได้
การโจมตีสายฟ้าแลบ 7 ต.ค. 2023

การโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาส เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2023 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปราว 1,200 คน
อีก 50 ปีต่อมา อิสราเอลต้องพบกับการโจมตีครั้งใหญ่ที่เหนือความคาดหมายอีกครั้ง โดยคราวนี้กลุ่มฮามาสบุกโจมตีเมืองหลายแห่งตรงแนวพรมแดนที่ติดกับฉนวนกาซา ในวันที่ 7 ต.ค. ของปีที่แล้ว ทำให้มอสซาดถูกเพ่งเล็งและกล่าวโทษว่าประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในงานข่าวกรอง และแสดงถึงจุดอ่อนสำคัญของอิสราเอล ในนโยบายการป้องปรามกลุ่มฮามาสไม่ให้ก่อเหตุร้าย
ทางการอิสราเอลระบุว่า เหตุโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ทั้งยังมีผู้ถูกจับไปเป็นตัวประกันในเขตกาซาอีก 251 คน
ด้านอิสราเอลได้โจมตีตอบโต้กลุ่มฮามาสโดยเปิดฉากทำสงครามในฉนวนกาซา ซึ่งล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขของกาซาที่บริหารโดยกลุ่มฮามาสระบุว่า การสู้รบทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 40,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
สงครามยมคิปปูร์ (Yom Kippur War)

กองทัพอิสราเอลยกข้ามคลองสุเอซในสงครามกับชาติอาหรับเมื่อปี 1973
ในวันที่ 6 ต.ค. ปี 1973 อียิปต์และซีเรียร่วมกันโจมตีอิสราเอล เพื่อยึดคืนที่ราบสูงโกลันและคาบสมุทรไซนาย โดยช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับวันยมคิปปูร์ หรือวันแห่งการขออภัยบาปของชาวยิว ทำให้อิสราเอลไม่ทันตั้งตัวในวันแรก ๆ ที่สงครามปะทุขึ้น
อียิปต์และซีเรียกระหนาบเข้าตีอิสราเอลจากสองด้าน กองกำลังของอียิปต์ได้ยกข้ามคลองสุเอซเข้ามา โดยมีกำลังพลเสียชีวิตน้อยกว่าที่คาดมาก ส่วนซีเรียตีฝ่าแนวต้านของอิสราเอลเข้ามาถึงที่ราบสูงโกลันได้ โดยมีสหภาพโซเวียตคอยส่งเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้อียิปต์และซีเรีย ส่วนอิสราเอลนั้นมีสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนในการส่งกำลังบำรุงฉุกเฉิน ทำให้สามารถตีโต้และขับไล่กองกำลังของทั้งสองชาติที่รุกเข้ามาได้สำเร็จ ในวันที่ 25 ต.ค. ซึ่งเป็นเวลาเพียง 4 วัน หลังสหประชาชาติออกข้อมติให้ทุกฝ่ายยุติการสู้รบ
ถล่มบ้านมาห์มูด อัล ซาฮาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส เมื่อปี 2003

มาห์มูล อัล ซาฮาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส เป็นหนึ่งในผู้ที่หน่วยมอสซาดต้องการตัวมากที่สุด
เมื่อปี 2003 อิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ เพื่อถล่มบ้านของมาห์มูด อัล ซาฮาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกาซาซิตี ทำให้ภรรยาของเขาและบุตรชายชื่อคาเล็ดต้องเสียชีวิตไปพร้อมกับชาวปาเลสไตน์อีกหลายคน แม้ว่าตัวของมาห์มูดเองจะรอดชีวิตมาได้ก็ตาม เหตุโจมตีดังกล่าวทำให้บ้านของเขาพังราบคาบ และแสดงถึงความโหดร้ายของปฏิบัติการโจมตีในเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น
ลอบสังหารผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสในจอร์แดน แต่ไม่สำเร็จ

คาเล็ด เมชัล เป็นผู้นำฮามาสปีกการเมือง ในช่วงระหว่างปี 1996 ถึง 2017
ในปฏิบัติการที่นำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการทูตครั้งใหญ่ของอิสราเอลเกิดขึ้นเมื่อปี 1977 จากความพยายามลอบสังหาร นายคาเล็ด เมชัล ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ในประเทศจอร์แดน ด้วยการวางยาพิษ
เหตุการณ์ที่เมชัลถูกลอบสังหารด้วยยาพิษขณะพำนักอยู่ในจอร์แดน ทำให้สายลับอิสราเอลผู้ลงมือทำภารกิจถูกจับกุมหลายคน และอิสราเอลยังถูกจอร์แดนบีบบังคับให้มอบยาถอนพิษแก่เมชัลอีกด้วย
นอกจากนี้ แดนนี ยาทอม หัวหน้าหน่วยมอสซาดยังต้องรีบเดินทางไปจอร์แดน เพื่อรักษาอาการป่วยของเมชัลด้วยตนเอง
เหตุการณ์นี้บั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล-จอร์แดนอย่างมาก ซึ่งเพิ่งลงนามในสนธิสัญญาไปก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ไม่นาน
กรณีลาวอน (Lavon Affair)

ประธานาธิบดีกามาล อับเดล นาสเซอร์ ของอียิปต์ ประกาศให้คลองสุเอซเป็นสมบัติของชาติ
เมื่อปี 1954 ทางการอียิปต์ได้ทำลายแผนการของสายลับอิสราเอล ที่เตรียมจะลงมือทำภารกิจใน “ปฏิบัติการซูซานนาห์” ซึ่งจะนำระเบิดไปวางไว้ในอาคารของทางการสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรในอียิปต์ เพื่อกดดันให้อังกฤษคงกำลังทหารรักษาความปลอดภัยแถบคลองสุเอซไว้ต่อไป
เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า “กรณีลาวอน” ตามชื่อของพินฮาส ลาวอน รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลในตอนนั้น โดยเชื่อกันว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนเพื่อดำเนินปฏิบัติการดังกล่าว ส่วนความล้มเหลวในครั้งนี้ คาดว่ามาจากความผิดพลาดครั้งใหญ่ในการสืบหาข่าวกรองของมอสซาด
ที่มา : BBC / วันที่เผยแพร่ 19 มิถุนายน 2568
Link : https://www.bbc.com/thai/articles/c0rv895pq0wo