เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมโครงการชลประทานศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในการแผนปฏิบัติการเฉพาะกิจการพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลังจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเป็นการซักซ้อมการทำงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพื้นที่ส่วนหลัง เพื่อให้แต่ละส่วนมีความพร้อมในทุกๆ ด้านเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนไทย-กัมพูชา ของจังหวัดศรีสะเกษ ขึ้นมา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
หลังจบการประชุม นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ภาพรวมในพื้นที่ชายแดนของจังหวัดศรีสะเกษยังคงปกติดี โดยมี 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ อำเภอภูสิงห์ อำเภอขุนหาญ และอำเภอขุขันธ์ เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยกลุ่มที่ 1 ที่ใกล้พื้นที่ชายแดนมากที่สุด ซึ่งจากการลงพื้นที่ชายแดนพี่น้องประชาชนด้านชายแดนทุกคนยังมีขวัญและกำลังที่ดี ชาวบ้านทุกคนรู้หน้าที่ที่ดีว่าจะทำอะไรเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น พี่น้องในพื้นที่ชายแดนต่างตื่นรู้ แต่ไม่ตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางจังหวัดศรีสะเกษของเราพร้อมที่เข้าไปช่วย และสนับสนุนในสิ่งที่พี่น้องประชาชนขาดในทุกๆ ด้าน

ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของหลุมหลบภัยในพื้นที่ตอนนี้ ได้มีการสั่งการให้นายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ เข้าไปตรวจดูว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน จุดไหนยังไม่พร้อม ก็จะได้ส่งกำลัง เครื่องจักร เข้าไปช่วยเหลือ โดยตอนนี้มี อบจ.ศรีสะเกษ ได้ส่งชุดเครื่องจักรกลหนัก เข้าพื้นที่ชายแดนแล้ว เพื่อช่วยปรับปรุงพื้นที่ ซ่อมแซม หลุมหลบภัยที่พัง ชำรุดเสียหาย แต่ยังไม่มีการสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มเติม

ทั้งนี้อยากจะฝากถึงพี่น้องตามแนวชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ว่าไม่ต้องห่วงเพราะทางจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมที่จะช่วยเหลือ สนับสนุน พี่น้องประชาชนทุกคน นอกจากนี้พี่น้องที่อยู่นอกพื้นที่ก็ห่วงใย และพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกเมื่อ ดังคำว่า พี่น้องศรีสะเกษ ไม่ทิ้งกัน
ที่มา : สำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 6 มิถุนายน 2568
Link : https://www.thairath.co.th/news/local/2862947
ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งกองร้อย อส. 9 อำเภอ เร่งซ้อมแผนรักษาความมั่นคงแนวชายแดน ครอบคลุมทั้งยุทธวิธี การใช้ยุทโธปกรณ์เบื้องต้น เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้สั่งการให้ทุกอำเภอทั้ง 9 แห่งในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ดำเนินการเตรียมความพร้อมของกองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) เพื่อฝึกซ้อมและเสริมความสามารถในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณแนวชายแดน ตามนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการจากกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความมั่นคงในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งจังหวัดสระแก้วมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชาตลอดแนวเขตทางตะวันออก โดยเฉพาะในช่วงที่มีสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของประชากรข้ามแดน และการลักลอบนำเข้าสินค้าหรือสิ่งผิดกฎหมาย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมของกำลังพลในทุกระดับ

นายปริญญา โพธิสัตย์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้แต่ละอำเภอเร่งดำเนินการเรียกกำลังพลกองร้อย อส. ในพื้นที่เข้ารับการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการลาดตระเวน การตั้งด่านตรวจ การเฝ้าระวังพื้นที่เป้าหมาย ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือประชาชนในกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ร่วมสนธิกำลังลงพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดและสินค้าหนีภาษี

สำหรับการฝึกซ้อมในครั้งนี้ จะครอบคลุมทั้งด้านยุทธวิธี การใช้ยุทโธปกรณ์เบื้องต้น การประสานงานระหว่างหน่วยงานความมั่นคง และการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน โดยมุ่งหวังให้เจ้าหน้าที่ อส. มีความชำนาญในการปฏิบัติงานและสามารถปกป้องความมั่นคงของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
จังหวัดสระแก้วถือเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญด้านความมั่นคง เนื่องจากมีแนวชายแดนยาวกว่า 165 กิโลเมตร ติดต่อกับจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา จึงเป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างสม่ำเสมอ

ด้าน พล.ต.ต. ถาวร ดุลยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้มีคำสั่งไปยังผู้กำกับการสถานีตำรวจในพื้นที่แนวชายแดนให้เพิ่มมาตรการเข้มข้น โดยเน้นการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันและควบคุมการกระทำผิดกฎหมาย พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการลงพื้นที่สำรวจและประเมินจุดเสี่ยง รวมถึงการประสานกับชุมชนในพื้นที่ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ.
ที่มา : สำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 6 มิถุนายน 2568
Link : https://www.thairath.co.th/news/local/2862900