รัสเซียพลิกแผ่นดินไล่ล่า “อาร์เทม ทิโมฟีเยฟ” ที่เชื่อว่าเป็น “สายลับยูเครน” และอยู่เบื้องหลัง “ปฏิบัติการใยแมงมุม” (Spider’s Web) ด้วยการส่งโดรน FPV (First Person View) ที่ติดตั้งกล้องและระบบส่งสัญญาณวิดีโอแบบเรียลไทม์ และใช้ระบบควบคุมระยะไกล โจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซีย และทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียไป 40 ลำ จนได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันอาทิตย์ (1 มิถุนายน 68)
นับเป็นความสำเร็จของการจารกรรมระดับสูง ที่ได้รับการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของการใช้โดรนกามิกาเซ่ ที่มีราคาระหว่าง 300-500 ดอลลาร์ ทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ราคาหลายร้อยล้านดอลลาร์ สร้างความอัปยศให้รัสเซียที่เป็นผู้รุกราน และใช้เครื่องบินเหล่านี้ โจมตียูเครนหลายระลอก แม้หน่วยข่าวกรองของยูเครน หรือ SBU จะแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของแผนปฏิบัติการโจมตีฐานทัพรัสเซีย 4 แห่ง ใน 3 เขตเวลา และอยู่ห่างจากยูเครนถึง 4,000 ไมล์ ที่ได้ชื่อว่า เป็น “บ้าน” ของเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ระยะไกลของรัสเซีย จนเสียหายไปถึง 34% ของกองบินทิ้งระเบิดทั้งหมด และไม่สามารถทดแทนได้อีกด้วย
นักเขียนบล็อกด้านการทหารของรัสเซีย ได้เปรียบเทียบความเสียหายครั้งนี้ กับเมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นส่งฝูงบินกามิกาเซ่ ไปโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐฯ ที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ ที่นำไปสู่จุดสิ้นสุดของสงครามโลก ครั้ง 2
โดยนับตั้งแต่การรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ฝูงบินทิ้งระเบิดหนักของรัสเซีย ได้ทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของชาวยูเครนอย่างกว้างขวาง โดยเครื่องบินเหล่านี้ ได้รับการออกแบบในช่วงสงครามเย็น เพื่อใช้เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ใหม่เพื่อบรรทุกขีปนาวุธร่อนแบบ “ยิงจากระยะไกล” โดยยิงจากภายในน่านฟ้าของรัสเซีย ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน

เครื่องบินทิ้งระเบิดหนักทั้ง 3 รุ่น ที่ประจำการนั้นมีน้ำหนักบรรทุกมหาศาล ประกอบด้วย TU-95 ‘Bear เป็นเครื่องบินใบพัดเทอร์โบรุ่นเก่าแก่จากยุค 1950 และสามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อนที่ยิงจากอากาศได้ 16 ลูก , TU-22 ‘Blinder’ เครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียงลำแรกของรัสเซีย มีศักยภาพในการยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง “Kh-22” ซึ่งมีความเร็วเพียงพอที่จะหลบเลี่ยงระบบป้องกันทางอากาศของยูเครนได้มากที่สุด
ส่วน “TU-160 ‘Blackjack'” เครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ที่ทันสมัยที่สุดของรัสเซีย สามารถบรรทุกขีปนาวุธร่อน Kh-15 ได้ถึง 24 ลูก ในภารกิจเดียว
เครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านี้ ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับเมืองต่างๆ ของยูเครนทุกคืน และดูเหมือนจะไม่มีอะไรหยุดพวกมันได้
และเมื่อฝูงโดรนของยูเครนเริ่มพิสัยการบินที่ไกลขึ้น และโจมตีได้แม่นยำขึ้น รัสเซียจึงย้ายเครื่องบินทิ้งระเบิด ไปยังฐานทัพที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย บางแห่งอยู่ไกลถึงไซบีเรียและอาร์กติกเซอร์เคิล ทำให้เมื่อ 18 เดือนก่อน ยูเครนจึงต้องให้หน่วย SBU หาวิธีทำลายเพชฌฆาตบนอากาศเหล่านี้ ท่ามกลางคำถามที่ว่า จะโจมตีในพื้นที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ เหนือพิสัยการโจมตีของขีปนาวุธ หรือ โดรน ที่มีพิสัยไกลที่สุดของยูเครนก็ยังไปไม่ถึงได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงการเจาะทะลุระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ซับซ้อนที่สุดระบบหนึ่งของโลก ท่ามกลางข้อเสนอมากมาย
จนกระทั่งถึงข้อเสนอให้ลักลอบนำโดรนเข้าไปในรัสเซีย และซ่อนไว้ในที่ปลอดภัย เมื่อถึงเวลาโจมตี ฝูงโดรนจะต้องซ่อนอยู่บนยานพาหนะเชิงพาณิชย์ ที่ไม่ทำให้เกิดความสงสัย ตลอดจนต้องส่งโดรนไปยังเป้าหมาย ในลักษณะที่ไม่ทำให้ผู้ปฏิบัติการหรือเจ้าหน้าที่บนพื้นดินถูกตอบโต้หรือจับกุมทันที

อาร์เทม ทิโมฟีเยฟ
ภายใต้แผนนี้ คือ จำเป็นต้องมีฐานทัพภายในรัสเซียเพื่อที่ “Spider’s Web” จะได้รวบรวมกำลังพลและโจมตีได้ นั่นหมายความว่า จะต้องมีสายลับชาวยูเครนอยู่บนพื้นดิน ซึ่งอยู่ไกลจากแนวข้าศึกและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้เลือกเมืองเล็กๆ ชื่อ เชเลียบินสค์ ที่อยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออกมากกว่า 1,000 ไมล์ ที่มีความสำคัญต่อการ “ลักลอบขนของ” โดยบรรทุกขนาดใหญ่
บล็อกเกอร์ทางทหารของรัสเซีย ระบุว่า ได้มีการเช่าโกดังแห่งหนึ่งในเชเลียบินสค์ ให้เป็นศูนย์กลางของ Spider’s Web ในราคาเดือนละ 350,000 รูเบิล โดยอ้างว่าเป็นที่ประกอบโดรนและเครื่องยิงโดรน ทั้งยังตั้งอยู่ติดกับสำนักงานใหญ่ประจำท้องถิ่นของสำนักงานความมั่นคงกลาง หรือ FSB ที่เข้ามาแทนที่ KGB อีกด้วย
ส่วนคนสำคัญในปฏิบัติการครั้งนี้ คือ “อาร์เทม ทิโมฟีเยฟ” เป็นชาวยูเครนโดยกำเนิด เขาเกิดที่เมืองไซโตมีร์ช ต่อมาอาศัยอยู่ที่กรุงเคียฟ และย้ายไปเมืองเชเลียบิงสค์ของรัสเซีย เมื่อหลายปีก่อน เพื่อเป็น “ผู้ประกอบการ” ด้วยการตั้งบริษัทขนส่ง
บล็อกเกอร์ด้านการทหารของรัสเซีย เรียกเขาว่า “หมาป่าในคราบแกะ” ที่สามารถทำงานได้อย่างแยบยล จนหน่วยข่าวกรองของรัสเซียไม่ระแคะระคาย
เขาจ้างคนขับรถขนส่งสินค้า 4 คน โดยไม่รู้ว่า หายนะกำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศของพวกเขา เนื่องจากสิ่งที่บรรทุกเป็นเพียงโครงบ้าน ที่ด้านล่างซ่อนโดรนเอาไว้อย่างแยบยล และรถบรรทุกทั้งหมดที่ใช้ในการขนส่ง และจดทะเบียนในชื่อ “อาร์เทม” (Artem)
ที่มา : สำนักเนชันออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 3 มิถุนายน 2568
Link : https://www.nationtv.tv/news/foreign/378962237