
ทางการรัฐทางตอนใต้ของอินเดียกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม หลังเกิดเหตุเรือบรรทุกสารเคมีอับปาง
ทางการรัฐทางตอนใต้ของอินเดียกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการควบคุมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม หลังเกิดเหตุเรือบรรทุกสารเคมีอับปาง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ว่าสำนักงานยามฝั่งแห่งรัฐเกรละ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ออกแถลงการณ์ว่า เรือบรรทุกสินค้า “เอ็มเอสซี เอลซา 3” ติดธงชาติไลบีเรีย อับปางนอกชายฝั่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
#WATCH | Kerala: 8 containers of Liberia-flagged container vessel MSC ELSA 3 (IMO NO. 9123221) that sank off Kochi due to flooding on 24th May were spotted at Kollam Coast.
All the 24 crew were rescued safely; 21 by the Indian Coast Guard and 03 by INS Sujata: Indian Coast… pic.twitter.com/26kOzkqaog
— ANI (@ANI) May 26, 2025
แม้กองทัพเรือและเจ้าหน้าที่ยามฝั่งสามารถช่วยเหลือลูกเรือได้ครบทั้ง 24 คน อย่างไรก็ตาม บนเรือลำนี้มีตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 640 ตู้ ในจำนวนดังกล่าวอย่างน้อย 13 ตู้ บรรจุสารเคมีอันตราย และมีอีกอย่างน้อย 12 ตู้ บรรจุแคลเซียมคาร์ไบด์ ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ และทำให้เกิดแก๊สที่มีคุณสมบัติระเบิด โดยสารเคมีดังกล่าวมักใช้ในอุตสาหกรรมปุ๋ยเคมีและการผลิตเหล็ก อีกทั้งยังมีน้ำมันเตาและเชื้อเพลิงชนิดอื่นอีกมากกว่า 370 ตัน
Containers from a Liberian cargo ship that sank off the Kerala coast have started washing ashore, prompting the authorities to urge the public to stay away from them, police said on Monday.
(Images/Video courtesy : X)#shipaccident #Containers #Kerala pic.twitter.com/vBYggamh21— Deccan Chronicle (@DeccanChronicle) May 26, 2025
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการควบคุมสถานการณ์ เนื่องจากมีตู้คอนเทนเนอร์หลายตู้ตกจากเรือลงไปในทะเล และลอยมาเกยตื้นชายฝั่ง สร้างความวิตกกังวลให้กับทุกฝ่าย เกี่ยวกับอันตรายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบนิเวศ จึงมีการเตือนภัยตลอดแนวชายฝั่งรัฐเกรละ อพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และการประกาศคำสั่งห้ามเรือประมงเข้าใกล้จุดที่เรืออับปาง
เครดิตภาพ : AFP
ที่มา : เดลินิวส์ / วันที่เผยแพร่ 26 พฤษภาคม 2568
Link : https://www.dailynews.co.th/news/4749175/