ทรัมป์บอกว่าจะทำ ‘The Greatest Deal’ กับจีน นี่แหละครับที่มีคนบอกว่าใจความสำคัญของหนังสือ The Art of the Deal ของทรัมป์ก็คือสุดท้ายต้องมีดีล ถ้าสุดท้ายตกลงกันไม่ได้ คงไม่ใช่ศิลปะของการทำดีล
ทีมเจรจาของจีนและสหรัฐฯ ได้ตกลงกันที่เจนีวาเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะพักรบกัน 90 วัน เพื่อเจรจาการค้า ทรัมป์มีคำศัพท์ใหม่บอกว่าจะนำไปสู่ ‘Total Reset’ ในเรื่องความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ความขัดแย้งที่ผ่านมาพร้อมลืม มาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ถ้าทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงทำดีลยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้
คำถามคือ ประเด็นที่สองฝ่ายจะเจรจาต่อไปมีอะไรบ้าง สหรัฐฯ ต้องการอะไรจากจีน และจีนจะต้องการอะไรจากสหรัฐฯ
เริ่มจากสิ่งที่สหรัฐฯ จะขอจากจีนก่อน ตรงไปตรงมาอันดับแรกคือจีนต้องซื้อของสหรัฐฯ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร (ถั่วเหลือง ข้าวโพด ฯลฯ) พลังงาน (ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน) และเครื่องบิน Boeing (ที่จีนไม่ยอมรับมอบ ตอนนี้คงต้องสัญญาว่าจะสั่งซื้อเพิ่ม)
ถัดมาก็คือ จีนต้องประกาศจริงจังในเรื่องการปราบปรามสารตั้งต้นยาเสพติด (Fentanyl) ที่ระบาดในสหรัฐฯ ประเด็นนี้จริงๆ จีนบอกว่ารับปากมาตั้งแต่สมัยไบเดนแล้ว แต่ฝั่งสหรัฐฯ ยังไม่พอใจความคืบหน้าและการปฏิบัติของจีน
สหรัฐฯ ยังต้องการให้จีนเปิดตลาด โดยเฉพาะในภาคบริการ เช่น ในด้านประกันภัย ธุรกิจการเงิน เป็นต้น ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีอย่างโซเชียลมีเดียนั้น อาจยากหน่อย เพราะจีนบอกว่าจีนเปิดกว้างอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อคุณเข้ามาคุณต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของรัฐบาลจีนในการจำกัดเนื้อหา ซึ่งโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มของสหรัฐฯ รับไม่ได้
สามข้อถัดมาที่สหรัฐฯ ต้องการจากจีนและจะยากขึ้นไปอีกที่จะตกลงกันได้ ข้อแรกคือให้จีนประกาศเข้าไปลงทุนสร้างงานในสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ ต้องการให้จีนเข้าไปลงทุนในภาคการผลิตและสร้างโรงงานอัจฉริยะ พร้อมเงื่อนไขว่าทุนจีนต้องร่วมทุนเป็น Joint Venture กับทุนสหรัฐฯ และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับทุนสหรัฐฯ
เหมือนที่ในอดีตจีนเองก็เคยมีเงื่อนไขเช่นนี้มาก่อน ทุนสหรัฐฯ ที่เข้าไปในตลาดจีนในอดีต เพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาดมหึมาของจีน ก็จำเป็นต้องร่วมทุนกับทุนจีนและถ่ายทอดเทคโนโลยี แต่ครั้งนี้ทิศทางกลับกัน คือสหรัฐฯ เองต้องการเทคโนโลยีจากจีน โดยเฉพาะในเรื่องรถยนต์ EV โซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และระบบโรงงานอัจฉริยะ
ข้อสองที่สหรัฐฯ ต้องการจากจีนและทำได้ยากคือ สหรัฐฯ จะกดดันให้จีนปรับค่าเงิน เพื่อให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น ตามเป้าหมายของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อน เพื่อประโยชน์ของการส่งออกของสหรัฐฯ และลดการขาดดุลการค้า
ข้อสุดท้ายที่ยากขึ้นไปอีกคือ สหรัฐฯ จะเรียกร้องให้จีนซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ สาเหตุที่ว่ายากเพราะช่วงที่ผ่านมา จีนมีแต่จะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เปลี่ยนมาซื้อทองคำเก็บแทน หลายคนวิเคราะห์ว่านี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ดันราคาทองพุ่งสูงแบบที่เป็นอยู่ในวันนี้
เพื่อแลกกับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ จีนเองจะต้องการอะไรจากสหรัฐฯ บ้าง เฉพาะหน้าที่สุดคือสหรัฐฯ ต้องหยุดขึ้นกำแพงภาษีต่อสินค้าจีน และที่ได้ขึ้นมาใหม่ร้อยละ 30 ตั้งแต่ที่ทรัมป์รับตำแหน่ง ก็ควรจะเลิกด้วย
จีนบอกว่าจริงๆ แล้วต้องการไปลงทุนในสหรัฐฯ แต่สหรัฐฯ ควรต้องมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในเรื่องความมั่นคง ไม่ใช่เอาทุนจีนในสหรัฐฯ เป็นตัวประกัน เวลาไม่พอใจก็กลั่นแกล้ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคง หรือที่เคยขู่ไว้เอาแบบน่ากลัวสุดเช่นจะดีลิสต์ทุนจีนออกจากตลาดเลยหากไม่พอใจกัน
สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดที่จีนต้องการ คือ สหรัฐฯ ต้องปรับกฎเกณฑ์เรื่องการจำกัดการขายชิปให้จีน เพราะนี่เป็นข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดต่อการพัฒนา AI และเทคโนโลยีก้าวต่อไปของจีน ในขณะที่จีนเองยังไม่สามารถผลิตชิปในคุณภาพ ปริมาณ และระดับพลังการประมวลผลทัดเทียมกับชิปของฝั่งสหรัฐฯ และพันธมิตรได้
ประเด็นต่างๆ ทั้งหมดนี้ ท่านทั้งหลายคิดว่าเขาจะตกลงกันได้ไหมครับ ผมทำนายว่า ดูจากทิศทางลม โดยเฉพาะลมปากของทรัมป์แล้ว ทรัมป์ซึ่งเป็นโชว์แมนและเซลส์แมนคงต้องการประกาศความสำเร็จโดยการมีข้อตกลงการค้าประวัติศาสตร์กับจีน
ส่วนจากมุมจีนเอง ก็คงต้องการซื้อเวลาและผ่อนเวลาช็อกทางเศรษฐกิจจากการแตกหักกับสหรัฐฯ ในทันที ดังนั้นจีนคงยอมโอนอ่อนตกลงกับสหรัฐฯ ให้ทรัมป์ได้หน้า และปูทางให้สีจิ้นผิงและทรัมป์ได้จับมือกันผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับโลก
แต่ข้อตกลงที่จะออกมาสวยหรูนั้น คำถามคือ สุดท้ายจะทำได้จริงเพียงใด และจะหวนกลับมาแตกหักชี้หน้ากันว่าต่างฝ่ายต่างไม่รักษาสัญญาอีกครั้งเมื่อใด เพราะสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องการนั้น หลายอย่างทำจริงได้ยาก เพราะขัดแย้งกับประโยชน์พื้นฐานของตัวเอง
ที่มา : thestandard / วันที่เผยแพร่ 21 พฤษภาคม 2568
Link : https://thestandard.co/us-china-deal-trump-reset-2025/