ทหารไทยยิงปะทะกัมพูชาที่จุดช่องบก อุบลราชธานี หลังเจอกองกำลังรุกล้ำในเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์ไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายกัมพูชาขอเจรจา หยุดยิง ทั้ง 2 ฝ่ายยังตรึงกำลังที่จุดปะทะ แม่ทัพภาค 2 ยันหยุดยิงแล้วอยู่ระหว่างเจรจาหาข้อยุติเพื่อ ถอนกำลัง “ภูมิธรรม” เผยกัมพูชาขุดคูเลตพื้นที่เนิน 745 ช่องบกเป็นครั้งที่ 2 เข้าข่ายละเมิด MOU 2543 ขณะที่กองทัพอากาศส่ง F-16 ป้องกันน่านฟ้า จ.ตาก
เหตุทหารไทยยิงปะทะทหารกัมพูชาที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค. รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตที่ยังไม่ได้แบ่งเขตแดนอย่างเป็นทางการระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา และเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิ์ทับซ้อนมาตลอด ทั้งสองประเทศมีข้อตกลงร่วมกันในการ “รักษาสถานภาพเดิม” (Status Quo) เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน กำหนดให้ไม่ดำเนินการที่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในพื้นที่ เช่น การสร้างสิ่งปลูกสร้าง การเคลื่อนย้ายกำลังพล หรือการขุดหลุมโดยมิได้แจ้งล่วงหน้า
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า รับรายงานจากกองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี รับการรายงานว่า ทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวกำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาเข้าใจผิดและเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยใช้อาวุธตอบโต้กลับไปใช้เวลาประมาณ 10 นาทีพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า ต่อมาเวลา 05.55 น. พล.ต.ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา โทรศัพท์ประสานงานกับ พ.อ.บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ ทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติตามข้อตกลงที่มีอยู่ กองทัพบกขอยืนยันว่ากำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า รับทราบรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นเขตอ้างสิทธิ์จะเห็นว่าในช่วงเริ่มต้นกัมพูชาขุดคูเลตพื้นที่เนิน 745ช่องบก มาครั้งหนึ่งแล้ว และครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง
กัมพูชานำกำลังมาตรึงเขตอ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศ ส่วนทหารไทยลาดตระเวนไปพบจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อน หลังเกิดเหตุทหารคนสนิท พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหมกัมพูชา โทรศัพท์มาหา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ขอให้ทั้งสองฝ่ายลดการเผชิญหน้า ปัจจุบันทหารไทยยังตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่เช่นเดียวกับกัมพูชา รับรายงานจากในพื้นที่ว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่จำเป็นที่จะต้องยิงโต้ตอบ เพื่อป้องกันตัว และปกป้องอธิปไตยของไทย กำชับไปว่าให้ได้ระมัดระวัง สถานการณ์ขณะนี้แม้จะหยุดยิง แต่กำลังทั้งสองฝ่ายยังเผชิญหน้ากันอยู่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรียกประชุมกองกำลังที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งหมด
เมื่อถามว่า กัมพูชาเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์เป็นการละเมิด MOU 2543 หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวยังไม่ได้ปักปันเขตแดน และยังไม่ได้มีข้อตกลงว่าเป็นพื้นที่ของใคร นอกจากนี้เคยพูดคุยกันไปแล้วว่าในพื้นที่เช่นนี้ห้ามไปก่อสร้างหรือทำสิ่งใดๆเพิ่มเติม ยกเว้นการลาดตระเวนร่วมกันของกำลังทั้งสองฝ่ายโดยปราศจากอาวุธ เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด MOU2543 ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนขอฟังรายละเอียดทั้งหมดก่อน
ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมากำลังพลของกองกำลังสุรนารีลาดตระเวนและพบว่าทหารกัมพูชาขุดคูเลตเช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะกันทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่กัมพูชายิงสวนออกมาจึงเกิดการปะทะกัน สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่อยู่ระหว่างพูดคุยเจรจา ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543 ปัจจุบันหยุดยิงแล้วรอการเจรจาเพื่อที่จะถอนกำลังของทั้งสองฝ่าย ลดโอกาสที่จะปะทะกัน มั่นใจไม่บานปลาย
สำหรับพื้นที่ตามแนวชายแดน จ.ตาก ทหารเมียนมาสู้รบกับทหารกะเหรี่ยงกันอย่างต่อเนื่อง มีรายงานว่า เวลา 13.00 น. ทหารเมียนมาใช้อากาศยานแบบ YAK-130 จำนวน 1 ลำ ทิ้งระเบิด 4 ลูกโจมตี กกล.KNLA บริเวณพื้นที่หน้าสนามกีฬาอเนกประสงค์ บ้านส่งซีเหมี่ยน อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ด้านตรงข้ามบ้านมอเกอร์ไทย หมู่ 1 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 1 กิโลเมตร ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายยังคงวางกำลังเผชิญหน้ากันอยู่และปะทะเป็นห้วงๆ เหตุการณ์สู้รบส่งผลให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) อพยพเข้ามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวในพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 3 แห่ง รวม 377 คน
มีรายละเอียดดังนี้
1.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราววัดมอเกอร์ไทย หมู่ 1 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 318 คน
2.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราววัดบ้านหมื่นฤาชัย ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน23คน และ 3.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวคริสตจักรบ้านหมื่นฤาชัย ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 36 คน ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กกล.นเรศวร ฉก.ตชด.34 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.พบพระ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลความปลอดภัย และให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมด้านทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร เพิ่มเติมกำลังลาดตระเวน และเฝ้าตรวจในพื้นที่ นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน อย่างเต็มกำลังตลอด 24 ชั่วโมงผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังตรวจพบเครื่องบินของทหารเมียนมาบินเข้าใกล้พรมแดนไทย
ในเวลา 13.05 น. กองทัพอากาศส่ง F-16 MLU จำนวน2ลำ ขึ้นบินสกัดกั้น YAK-130 ทันที บริเวณ อ.พบพระจ.ตากวันเดียวกัน สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างการเปิดเผยของ พล.ต.เมา พัลลา โฆษกกองทัพบกกัมพูชา ถึงกรณีการปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่บริเวณพื้นที่ชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี อ้างว่าทหารกัมพูชาอยู่ระหว่างปฏิบัติการภารกิจลาดตระเวนตามปกติก่อนถูกทหารไทยเปิดฉากยิงใส่ การปะทะดำเนินไปประมาณ 10 นาทีก่อนที่ผู้บัญชาการทั้งสองฝ่ายได้ติดต่อกันและสั่งหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังเปิดเผยว่า มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นายจากการปะทะ ศพถูกลำเลียงออกจากพื้นที่นำไปฌาปนกิจ ส่วนกองทัพบกไทยยืนยันว่า ทหารกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่พิพาท ทำให้ทหารไทยเข้าไปเจรจา แต่เกิดการเข้าใจผิดทำให้ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนตามด้วยการตอบโต้จากทหารไทย สถานการณ์คลี่คลายแล้วไม่มีทหารไทยเสียชีวิต