วันที่ 24 เมษายน 2568 กระทรวงการต่างประเทศอินเดียประกาศปิดพรมแดนหลักระหว่างอินเดีย กับปากีสถาน ตามมาตรการตอบโต้ทันควันหลังเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงนักท่องเที่ยวในหุบเขาพาฮาลกัม ในแคชเมียร์ ดับสลด 26 ศพ พร้อมกันนี้ได้สั่งยกเลิกโครงการยกเว้นวีซ่าสำหรับพลเมืองปากีสถานในกลุ่ม SAARC โดยให้ผู้ถือวีซาเดิมออกจากประเทศภายใน 48 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน อินเดียสั่งขับที่ปรึกษาทางทหารจากสถานทูตปากีสถานในกรุงนิวเดลี และเตรียมขับนักการทูตเพิ่มในสัปดาห์หน้า อีกทั้งยังระงับสนธิสัญญาแบ่งปันน้ำระหว่างสองประเทศอย่างไม่มีกำหนด
นายราชนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย ประกาศว่าจะไม่เพียงแต่ตามล่าผู้ก่อเหตุ แต่จะจัดการกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างถึงที่สุด โดยจะตามถึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามบนผืนแผ่นดินอินเดีย
เหตุกราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นในย่านท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองพาฮาลกัม แคว้นอานันตนัก ซึ่งมีภูมิประเทศสูงชัน เข้าถึงได้เฉพาะทางเดินเท้าหรือม้า ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงนักท่องเที่ยวที่ตั้งแคมป์ โดยผู้รอดชีวิตหลายคนให้ข้อมูลว่าคนร้ายอ้างว่าผู้ถูกยิงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี
ต่อมากลุ่มติดอาวุธ The Resistance Front ออกมาอ้างความรับผิดชอบผ่านโซเชียลมีเดีย โดยระบุถึงความไม่พอใจต่อการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของคนนอกกว่า 85,000 ราย ซึ่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรในพื้นที่
ทางด้านนายกรัฐมนตรีโมดี ซึ่งตัดเยือนซาอุดีอาระเบียก่อนกำหนด ได้ให้คำมั่นว่าจะนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
การโจมตีครั้งนี้สร้างความตื่นตระหนกในหมู่นักท่องเที่ยวที่พากันอพยพออกจากพื้นที่ ขณะที่ผู้นำโลกหลายประเทศ ทั้งจากสหรัฐ รัสเซีย อิหร่าน ฝรั่งเศส และยูเออี ต่างออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์นี้อย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ศ.เออร์ฟาน นูรุดดิน จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ เปิดเผยว่า การตอบโต้ของอินเดียถือเป็นการชี้ตัวปากีสถานทันทีว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การโจมตีอาจเป็นผลจากความล้มเหลวของกระบวนการเจรจาระหว่างสองประเทศ และความตึงเครียดทางศาสนาภายในอินเดียเอง
รัฐบาลอินเดียชี้ว่าการตอบโต้ครั้งนี้เน้นแสดงให้เห็นว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลัง แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการ ขณะที่ทางการอินเดียยังเดินหน้าตามล่าคนร้ายในพื้นที่ โดยระบุว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นหนึ่งในการโจมตีพลเรือนที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี.
————————————————————————————————–
ที่มา : สำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์ / วันที่เผยแพร่ 24 เมษายน 2568
Link : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2854559